บทที่ 353

บทที่ 353

อู่กวนคำนวณเวลาเป็นอย่างดี หลังจากที่พวกหลีฉี่เคลื่อนทัพออกไปนานแล้ว เขาก็พลันชักดาบของออกมาแล้วปักลงไปในดิน ก่อนจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างของมันพร้อมกับใส่เกราะปราณห่อหุ้มร่าง

พวกแม่ทัพและทหารโดยรอบต่างก็ลุกขึ้นแล้วจ้องมองอู่กวน เมื่อเขาโบกมือไปทางจ้านหู อีกฝ่ายก็มายืนข้างกาย “มีพวกทหารไม่มากในเมืองหยาน ดังนั้นพวกเราจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มเพื่อตัดกำลังศัตรูออกเป็นหัวและท้าย ข้าจะนำกำลังเข้าตีทางเหนือ และเจ้านำกำลังเข้าตีทางใต้ แม่ทัพจ้าน เจ้ามีอะไรจะคัดค้านไหม ?”

จ้านหูส่ายหัว “ไม่มี”

“งั้นก็ดำเนินการได้เลย” ทั้งสองมีตำแหน่งสูงต่ำเท่ากัน แต่จ้านหูคือนักรบที่เก่งกาจกว่า ดังนั้นอู่กวนจึงให้ความเคารพเขาไม่น้อย

หลังจากเลือกตำแหน่งและเป้าหมายกันเรียบร้อย อู่กวนก็พลันจับดาบขึ้นมาแล้วมองพวกทหารปิงหยวนข้างหลังเขาก่อนจะตะโกน “พวกเราสู้กันมาตั้งแต่เทียนหยวนจนมาถึงเมืองหยาน เป้าหมายของเราคิดกำจัดพวกกบฏและฟื้นฟูราชวงศ์ให้กลับมาอีกครั้ง ตอนนี้โอกาสอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว ถ้าพวกเราทำไม่สำเร็จ ก็คงจะต้องไปพบกันที่ปรโลกแน่ ๆ แต่ถ้าเราทำได้ เราจะสร้างโอกาสให้นายท่านฟื้นฟูแคว้นนี้ !”

พวกทหารทั้งหลายที่ได้ยินก็พลันพากันมองหน้าไปมา “ท่านกำลังจะบอกว่านายท่านยังอยู่ดีหรือ ?”

“ไม่ใช่แค่อยู่ดี แต่แข็งแรงเลยล่ะ ดังนั้นพวกเจ้าต้องทำเพื่อนายท่านให้ได้ อย่าให้เขาผิดหวัง !” อู่กวนหัวเราะออกมา

พวกแม่ทัพนายกองกับทหารยังไม่หายตะลึงจากสิ่งที่ได้ยินมาเมื่อครู่ “ท่านแม่ทัพจะบอกว่านายท่านยังไม่ตายงั้นหรือ ?”

“แน่นอนสิ ถ้าเราสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ พวกเราจะได้พบนายท่านในเมืองแน่นอน !” อู่กวนพยักหน้าให้

ในครั้งนี้พวกทหารเริ่มรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ทำให้พวกเขาทั้ง 2 หมื่นนายมีขวัญกำลังใจเพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับดวงตาที่ลุกโชนด้วยเพลิงแห่งความตื่นเต้น …พวกเขาชักอาวุธออกมา

นี่คือความสำคัญที่ถังหยินมีต่อกองทัพนี้ ถ้าเขายังอยู่ ก็จะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจได้ และในทางกลับกัน มันก็จะมีผลตรงกันข้าม !

เมื่อเห็นทั้งกองทัพกำลังฮึกเหิม อู่กวนก็เริ่มตื่นเต้นบ้าง เขาชี้ดาบไปยังเมืองหยานแล้วตะโกน “พวกมันติดกับของนายท่านแล้ว เมืองหยานไม่อาจต้านทานพวกเราได้แน่ อีกเพียงครึ่งชั่วยามต่อจากนี้ เราจะรอต้อนรับนายท่านในเมืองในฐานะอ๋องผู้ครองแคว้นคนใหม่ !”

พวกแม่ทัพและทหารพากันกระทบอาวุธตัวเองเพื่อเพิ่มกำลังใจอีกครั้ง

อู่กวนตะโกนลั่น “กองทัพปิงหยวน ตามข้ามา !” จากนั้นเขาก็วิ่งออกจากป่าไป

จ้านหูตะโกนบ้าง “พวกเจ้า ตามข้ามา !”

ว่าแล้วทั้งสองก็พลันวิ่งทะยานออกจากป่าลงจากเขาตรงไปยังเมืองหยานอย่างดุดันในทันที !

ในเมืองหยานตอนนี้มีแต่ความสงบสุขและไม่มีทหารเฝ้าเมืองมากนัก ด้วยพวกเขากำลังกินอยู่อย่างมีสุขในค่ายพักของตัวเอง และแม้แต่เย่เฉิงเองก็ด้วยเช่นกัน ด้วยเขากำลังฝันถึงรางวัลใหญ่ที่กำลังจะได้หลังจากที่ฆ่าถังหยินได้สำเร็จ …เพราะบางทีเขาอาจจะได้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่เลยก็เป็นได้ !

ลูกน้องของเขาเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้ พวกเขาพากันพูดอวย พร้อมกับบอกว่าท่านแม่ทัพเก่งกาจที่สุด !

เย่เฉิงหลงระเริงไปกับคำชมเชยของพวกทหารก็ยิ่งดื่มหนักกว่าเดิม

ระหว่างที่กำลังฝันหวานนั่นเอง ก็พลันมีทหารวิ่งเข้ามารายงานเขา “ท่านแม่ทัพเกิดเรื่องใหญ่แล้ว กองทัพเทียนหยวนกำลังตรงมาทางพวกเราแล้ว ขอคำสั่งด้วย !”

เย่เฉิงใจเย็นมากและหัวเราะออกมา “เจ้าเห็นแบบนั้นหรือ ? พวกเทียนหยวนมันกลับไปหมดแล้ว และแม่ทัพหลี่ก็กำลังออกไปตามล่าพวกมันด้วย มันไม่มีทางกลับมาได้หรอกน่า ไร้สาระที่สุด”

พวกทหารรอบข้างต่างก็หัวเราะออกมาเป็นลูกคู่

นายทหารที่เข้ามารายงานแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านแม่ทัพ ข้าพูดจริงนะ เชิญท่านขึ้นไปดูข้างบนเถิด !”

“ทหาร เอาตัวมันออกไป” เย่เฉิงขี้เกียจจะยุ่งด้วยจึงได้สั่งให้พวกทหารนำตัวของนายคนนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ทัพ ! ท่านแม่ทัพ !”

“น่าขำชะมัด” เย่เฉิงสบถอย่างหงุดหงิด

แต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร เขาก็พลันได้ยินเสียงการต่อสู้ดังขึ้น

เย่เฉิงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขามองออกไปข้างนอก พลางนึกสงสัย ว่าหรือจะเป็นจริงอย่างที่นายทหารคนนั้นว่ากัน แต่พวกเทียนหยวนถอยทัพกลับไปแล้วไม่ใช่หรือไร ? แล้วมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้อีกกัน ?

ทันใดนั้นก็พลันมีนายทหารอีกคนวิ่งเข้ามารายงานต่อเขา “ท่านแม่ทัพแย่แล้ว กองทัพเทียนหยวนกำลังบุกมาจากสองทิศทางด้วยกัน พวกเราต้านไม่ไหวแล้ว !”

“อะไรนะ !?”

เย่เฉิงที่กินเหล้าไปมากจนแทบตั้งสติไม่อยู่ เขาล้มลงทำจานและแก้วแตกกระจายไปทั่วพื้น ส่วนพวกแม่ทัพนายกองรอบข้างก็ตะลึงไม่ต่างกัน ด้วยพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเทียนหยวนมาจากที่ไหน

เย่เฉิงที่เพิ่งตั้งสติได้ก็พลันได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ดังชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ความมึนเมาของเขาหายวับไปในทันที “แย่แล้ว เมืองกำลังโดนโจมตี !”

เขากลืนน้ำลายก่อนตะโกน “ใครก็ได้เตรียมอาวุธกับม้าให้ข้าที !”

ด้วยเสียงตะโกนนี้ ทำให้ทั้งค่ายตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกทหารพากันวิ่งวุ่นไปมาเพื่อหาของที่จำเป็น

ด้านนอกนั่น อู่กวนและจ้านหูก็กำลังทำการโจมตีเมืองอย่างดุดัน

พวกเปิงพบพวกเขาตอนที่อยู่ไม่ห่างจากเมืองมากนัก และเมื่อพวกเปิงลงไปรายงานแล้วกลับมาใหม่ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะประชิดกำแพงเมืองแล้ว และเมื่อพวกทหารเปิงขึ้นมาประจำการ พวกเทียนหยวนก็กำลังอยู่ใต้กำแพงเมืองแล้ว ทำให้ไม่สามารถงัดอาวุธป้องกันเมืองเอามาใช้ได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร

พวกทหารบนกำแพงต่างก็ยังไม่ได้ใส่เกราะหรือหมวกกันเลย พวกเขาอยู่ในชุดธรรมดาของทหารเท่านั้น

เมื่อกองทัพเทียนหยวนมาถึงกำแพงเมือง พวกเขาก็ได้เริ่มจัดวางบันไดเพื่อปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยในระหว่างนั้น พวกเขาก็พากันใช้ดวงตาที่ดุดันราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังหิวกระหายการฆ่าฟันจ้องมองขึ้นมาข้างบน ทำให้ทหารเปิงบนนั้นทำตัวไม่ถูกเข้าไปอีก

“ฆ่ามัน ฆ่ามันเลย !” บนกำแพงเมือง นายกองผู้หนึ่งได้ตะโกนบอกให้พวกทหารลงมือ แต่ในวินาทีที่เขากำลังอ้าปาก อยู่ ๆ ก็มีลูกธนูพุ่งเข้าใส่หัวของเขาทันที

“ใครที่ยอมแพ้รอด ใครที่ขัดขืนตาย !”

เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากข้างล่าง อู่กวนโยนธนูทิ้งแล้วชักดาบปีนขึ้นกำแพงไป

กองทัพปิงหยวนโจมตีอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกเปิงไม่ทันตั้งตัว และด้วยกำลังทหารที่ป้องกันเมืองก็มีน้อยเกินกว่าที่จะใช้หินและท่อนซุงเพื่อป้องกันเมืองได้ พวกเขาจึงเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ คนพวกนี้ก็เป็นเพียงทหารธรรมดาทั่วไป ดังนั้นแล้วพวกเขาย่อมไม่สามารถรับมือกับผู้ฝึกพลังยุทธ์อย่างอู่กวนได้ !

ไม่นานนักอู่กวนก็ขึ้นไปได้ครึ่งหนึ่งของบันไดแล้ว ทว่าในครั้งนี้ เมื่อเงยหน้าขึ้นไป ด้านบนนั้นก็ได้มีทหารศัตรูกำลังจะเอาหินทิ้งใส่ตัวเขา !

อู่กวนจึงได้แต่ปาดาบขึ้นไปเพื่อตัดหัวคนพวกนั้นขาดออกจากกัน !