เล่ม 1 ตอนที่ 267 เขาอยู่ที่ไหน

ราชินีพลิกสวรรค์

ภายในห้องมีประกายแสงสีทองปรากฏขึ้นบนลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ที่เงียบสงบและปกคลุมห้องนี้ไว้

 

 

ลูกเก็บวิญญาณยุทธ์ที่เปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับดอกบัวบานและวิญญาณก็พุ่งออกจากลูกเก็บวิญญาณยุทธ์และกลายร่างเป็นนกอมตะ โดยมองลงมาจากที่สูงเหนือหญิงสาวในชุดดำซึ่งกำลังนั่งไขว่เท้าอยู่

 

 

ร่างของหญิงสาวถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวไฟที่มองไม่เห็นและเสื้อผ้าของนางถูกเผากลายเป็นขี้เถ้าโดยเผยให้เห็นผิวของนาง

 

 

บนร่างกายของนางส่องแสงเนตรญาณที่สามเป็นประกาย โดยมีลายลึกลับและเก่าแก่ที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม

 

 

ซึ่งขณะนี้บริเวณโดยรอบของทั้งบนเตียงและใต้เตียงเต็มไปด้วยหินวิญญาณ

 

 

หินวิญญาณเหล่านี้ถูกใช้อย่างรวดเร็วและกลายเป็นพลังวิญญาณที่ถูกดูดซึมโดยหญิงสาว

 

 

เนตรญาณเก้าดวง ร่างพิเศษ… ภายในดวงตาอันเย็นเยือกของนกอมตะนั้น ส่องแสงแวววาว

 

 

นกอมตะ…!

 

 

หึ่ง!

 

 

นกอมตะดูเหมือนจะรับรู้ถึงความตกใจของวิญญาณ ราวกับถูกแทงด้วยเข็ม มันมองไปที่หญิงสาวด้วยความตกใจ แต่กลับมองเห็นนางค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและลืมตาจ้องมองมัน

 

 

ดวงตาคู่นั้นเย็นชา หยิ่งผยอง มองข้ามสรรพสิ่งทั้งหมดและจ้องมองไปที่ภพสามพัน เปลวไฟลุกไหม้จากดวงตาของนางพ่นไฟออกมาเบาๆ

 

 

ขณะนั้น นกอมตะรู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากเทพเจ้า

 

 

ภายใต้การจ้องมองนั้น มันมิอาจต้านทานได้!

 

 

สวบบบบ!

 

 

ทันใดนั้นร่างกายของนกอมตะก็ถูกดูดเข้าไปในเนตรญาณที่สามของเจียงหลีโดยมิอาจต้านทานได้

 

 

“ฟิ้ววว!” นกอมตะกรีดร้องอย่างดิ้นรน

 

 

แต่มิอาจหลบหนีเนตรญาณได้

 

 

ดูเหมือนว่าจะมีพลังดูดกลืนอยู่ในเนตรญาณของเจียงหลี เมื่อถูกดึงดูดเข้ามา ก็จะไม่สามารถออกไปได้อีกเลย

 

 

บึ้มมม!

 

 

วิญญาณยุทธ์ตัวที่สามอยู่เหนือศีรษะของเจียงหลีและร่างของนกอมตะที่อยู่ภายในก็ปรากฏให้เห็นทั้งริบหรี่และเด่นชัด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ของการประสานเข้าด้วยกัน เมื่อร่างของนกอมตะถูกสลักไว้ในเนตรญาณของเจียงหลีอย่างชัดเจนแล้ว นั่นหมายความว่าการประสานเข้าด้วยกันสำเร็จแล้ว

 

 

หลังจากนั้น เสื้อผ้าทั้งหมดบนร่างกายของเจียงหลีก็ถูกแผดเผาไปทั้งหมด และผิวหนังของนางได้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับลาวาไหลที่แผดเผาเจียงหลีก็ไม่ปาน และเป็นประกายสวยงาม งดงามจนเหมือนไม่ใช่คนแต่เหมือนกับรูปปั้น!

 

 

ไฟอมตะกำลังหลอมรวมให้เข้ากับร่างกายของนาง และความไร้รูปร่างเช่นนี้ประสานเข้ากับวิญญาณของนางได้อย่างเป็นเอกภาพขึ้น

 

 

ใบหน้าของนางค่อยๆ จางไปกับไฟอมตะและเหมือนไม่ใช่ของจริง

 

 

เจียงหลีนั่งไขว่เท้าอย่างเงียบๆ ราวกับว่าไม่มีชีวิตและเหมือนไม่หายใจ

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวที่เกิดในห้อง ทันใดนั้นก็มิได้รับรู้ถึงลมหายใจของเจียงหลีและขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

 

 

หากไม่ใช่เพราะแสงสีทองระยิบระยับที่แพร่กระจายออกมาจากในห้องบอกเขาว่าการประสานยังดำเนินอยู่ เกรงว่าเขาจะรีบบุกเข้าไปดูให้แน่ใจแล้วว่าเหตุใดลมหายใจของเจียงหลีถึงหยุดไป

 

 

ในเนตรญาณที่สาม เจียงหลีลอยตัวกลางอากาศ ร่างกายเปล่งประกายราวกับอัญมณีที่แข็งตัว นางกางแขนออก ทำให้โครงของใบหน้าเปลี่ยนรูปไปอย่างช้าๆ ราวกับถูกแกะสลักใหม่ก็ไม่ปาน

 

 

ร่างของนกอมตะปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของนางและปีกขนาดใหญ่ค่อยๆ ประสานรวมกับแขนของนาง ร่างของมันก็ค่อยๆ ประสานเข้ากับร่างกายของนางทีละน้อย

 

 

ขณะที่ประสานวิญญาณยุทธ์นกอมตะและร่างกายได้รับการปรับใหม่นั้น สามารถใช้รักษาตัวเองและใช้ทักษะพรสวรรค์ชำระไขกระดูกทำให้เกิดใหม่ได้ แต่สามารถใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น โดยสามารถเรียกนกอมตะมาช่วยรักษาผู้อื่น รักษาร่างกาย แต่ไม่สามารถรักษาวิญญาณและไม่อาจต้านทานความเป็นความตายได้

 

 

เมื่อเจียงหลีประสานเข้ากับนกอมตะได้แล้ว ข้อมูลใหม่ก็ผุดขึ้นในความทรงจำของนาง

 

 

นางเข้าใจแล้วว่าสามชีวิตนั้นหมายถึงอะไร!

 

 

ณ ห้องแห่งนั้น ภายในเนตรญาณที่สาม ร่างของนกอมตะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ราวกับว่าถูกแกะสลักไว้ในเนตรญาณ และหินวิญญาณที่อยู่รอบๆ เจียงหลี ได้กลายเป็นผงที่ไร้ประโยชน์ไปหมดแล้ว

 

 

ทันใดนั้น ความทรงจำของเจียงหลีที่มีต่อนกอมตะได้แตกเป็นเสี่ยงๆ และความทรงจำบางอย่างที่ไม่ได้เป็นของนางก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจของนางราวกับกระแสน้ำไหล

 

 

สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นชิ้นส่วนของความทรงจำอันซับซ้อนและยิ่งใหญ่ จนเกือบจะทำให้จิตของนางแตกสลาย

 

 

อ้ากกก! นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

 

 

ฉากเหล่านั้นเป็นฉากของสงครามอันน่าสลดใจอย่างยิ่ง โดยมีลูกไฟจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากฟากฟ้าและพุ่งเข้าชนดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลที่นางไม่เคยพบเจอมาก่อน

 

 

ทั้งบนพื้นดินและบนท้องฟ้าล้วนเป็นสนามรบทั้งหมด ซากศพจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากฟากฟ้า และร่างอันอ่อนแอจำนวนนับไม่ถ้วนถูกเหยียบย่ำ

 

 

เลือดหลากสีผุดขึ้นในความทรงจำ โดยที่ความเศร้าโศกและความโกรธเหล่านี้ไม่ได้เป็นของนาง แต่เป็นของ…

 

 

“ไสหัวออกไปซะ!” เจียงหลีกุมศีรษะตะโกนและสลายฉากสงครามทำลายล้างนั้น

 

 

นั่นคือความทรงจำของต่างวิญญาณ

 

 

บางที อาจเป็นเหมือนที่นางพูดไว้ว่าคือ สงครามสามร้อยปีต่อมา

 

 

แต่ทว่า เรื่องราวเหล่านั้นเกี่ยวข้องอะไรกับนางตอนนี้

 

 

เจียงหลีลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว และปรากฏแสงสีทองจางๆ ในดวงตาของนาง ซึ่งแสดงถึงตำแหน่งที่สูงเกินเอื้อมของนาง

 

 

ภายในห้อง เจียงหลีมิได้สวมเสื้อผ้า

 

 

ร่างกายและรูปลักษณ์ของนางได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์

 

 

ขณะนี้ แม้ว่าใบหน้าของนางจะยังอ่อนเยาว์ แต่กลับมองเห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่อันน่าหลงใหล ใบหน้านี้ยังคงเป็นเจียงหลี แต่มันค่อยๆ พัฒนาไปสู่นางคนเดิมในภพก่อน

 

 

ไม่! บางทีเมื่อนางโตเป็นผู้ใหญ่ ใบหน้านี้จะมีเสน่ห์อันน่าหลงใหลมากกว่าในภพที่แล้วเสียอีก

 

 

ใบหน้านี้ผสมผสานกับความงามของคนสองชั่วอายุ ทำให้ใบหน้าของนางเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า!

 

 

แม้แต่ร่างกายของนางก็เพรียวขึ้น สวยงามและสง่างามมากขึ้น ความงามตามธรรมชาตินี้ก็ได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว

 

 

ผมสีดำของนางประดุจหินอัคนีสีดำวาวที่โบกสะบัดบนร่างกาย สอดคล้องกับผิวขาวผ่องและบอบบางของนาง

 

 

เนตรญาณสลายไปอย่างช้าๆ เจียงหลีลุกขึ้นจากเตียงและหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ออกมาสวมใส่ ซึ่งชุดเหล่านี้เคยสวมใส่พอดี และตอนนี้ดูเหมือนจะรัดรูปเล็กน้อย

 

 

“สำเร็จแล้ว!” เจียงหลีรู้สึกตื่นเต้น

 

 

นางรีบเดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็วและมองไปที่เฟิงสิงอวิ๋นพที่อยู่นอกประตู

 

 

เมื่อสังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวด้านหลัง เฟิงสิงอวิ๋นพจึงรีบหันไปมอง แต่กลับต้องประหลาดใจในแวบแรกที่เขาเห็นหน้าเจียงหลี เจียงหลีที่อยู่ตรงหน้าเขาดูมีเสน่ห์แบบธรรมชาติ ซึ่งทำให้ผู้คนใฝ่หา แต่ในขณะเดียวกันก็มิบังอาจลบหลู่ได้

 

 

“ท่านอาจารย์เฟิง การพนันระหว่างท่านกับข้ายังนับอยู่หรือไม่” เจียงหลีพูดตรงๆ

 

 

เมื่อได้ยินเสียงของเจียงหลี ลู่เสวียนและเจียงเฮ่าก็รีบวิ่งไปด้วยกัน

 

 

เมื่อเห็นเจียงหลีอีกครั้ง ก็ถึงกับตกใจเช่น

 

 

“ซ้อเปลี่ยนไป…เปลี่ยนไป…สวยขึ้นเยอะเลย!” ลู่เสวียนบ่นพึมพำ

 

 

เจียงเฮ่าได้สติหลังจากคำพูดของเขา ก็ได้เชิดหน้าขึ้นและยืดอกกล่าว “น้องสาวข้าสวยที่สุดอยู่แล้ว!”

 

 

“…” ลู่เสวียนกระตุกมุมปากโดยลืมไปว่าผู้ชายที่อยู่ข้างๆ คือปีศาจที่รักน้องสาวมาก

 

 

“นับแน่นอน” เฟิงสิงอวิ๋นพยักหน้า

 

 

เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นรวบรวมพลังวิญญาณไว้ในมือ

 

 

เฮื้อกก พลังวิญญาณในมือพุ่งเข้าไปในตาข่ายป้องกันที่มองไม่เห็น โดยตาข่ายนั้นสั่นสะเทือนจนแตกเป็นรูปดาวและสลายไปในที่สุด

 

 

เจียงหลีดีใจอย่างมากและก้าวไปข้างหน้า

 

 

“ข้าจะให้ของขวัญเจ้าอีกชิ้นหนึ่ง” เฟิงสิงอวิ๋นหยิบกระสวยหยกออกมาและมอบให้เจียงหลี “นี่คือกระสวยเวลา สามารถพาคนเดินทางข้ามเวลาได้ และไปถึงสถานที่ที่ต้องการภายในพริบตา แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ข้านำสิ่งนี้มาจากซีฮวง ช่างเสียเปรียบเจ้าเสียจริง”

 

 

เป็นสมบัติเช่นนี้นี่เอง!

 

 

ในดวงตาของเจียงหลีรู้สึกตื่นเต้นและพูดกับเฟิงสิงอวิ๋นว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์เฟิงมาก”

 

 

เฟิงสิงอวิ๋นบอกคาถาการใช้งานให้แก่เจียงหลี คนหลังรีบใช้งานทันทีและไม่ทันได้พูดคุยกับกับเจียงเฮ่าก็ได้หายตัวไปต่อหน้าคนทั้งสาม

 

 

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เจียงหลีก็พบว่าเขาอยู่ในพระราชวังของอาณาจักรจยาเซียนเสียแล้ว

 

 

เมื่อมองเห็นการปรากฏตัวขององค์หญิงเสวียนเทียนกะทันหันเช่นนี้ ทหารองครักษ์ไม่สามารถเก็บซ่อนความตกใจนี้ไว้ได้

 

 

“ลู่เจี้ยอยู่ที่ไหน” เจียงหลีถามอย่างตรงไปตรงมา