เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ทั้งสองจะคิดเช่นไร แต่ถึงนางจะรู้นางก็ไม่สนใจ และไม่มีเวลามาสนใจ
เพราะทันทีที่นางก้าวเท้าออกจากบ้าน ก็ถูกรายล้อมไปด้วยสายตาคน
นอกจวนเฟิ่งมีพวกบ่าวไพร่เดินไปเดินมามากมาย ท่าทางเหมือนพวกอันธพาล พวกเขาจดจ้องมาที่ร่างกายของเฟิ่งชิงเฉิน
หากใครดันเผลอไปประสานสายตากับเฟิ่งชิงเฉินเข้า ก็จะเมินหน้าหนีอย่างไม่เป็นมิตร
เป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า……
ทุกคนทำราวกับว่านางเป็นตัวประหลาด
เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ยิ้มอย่างหน้าชื่นอกตรม
นางเทียบไม่ได้กับสิ่งของที่แปลกประหลาดเสียด้วยซ้ำ
เพราะเมื่อของแปลกๆออกมาจัดแสดงให้คนทั่วไปยลโฉม ยังสามารถเก็บค่าเข้าชมได้ แล้วนางล่ะ?
ได้แต่ปล่อยให้ผู้คนมองแล้วมองอีก จนตัวนางดูเหมือนว่าไร้ค่า
บ่าวไพร่ที่อยู่หน้าจวนนาง ล้วนได้รับคำสั่งมาจากนายของตัวเองให้มาคอยดูความน่าสมเพชของเฟิ่งชิงเฉิน จากนั้นก็กลับไปรายงานให้ผู้เป็นนายฟัง
ตอนนี้เฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นประเด็นร้อนของเมืองหลวงไปเสียแล้ว
ในปีนี้ หากมีการรวมกลุ่มกันที่ใดแล้วไม่สามารถเล่าเรื่องความอัปยศของเฟิ่งชิงเฉินได้ คนๆนั้นจะถือว่าตกข่าว
ขณะที่เจ้าหน้าที่มาที่จวนเฟิ่งนั้น ผู้คนที่จับตาดูนางก็ทวีความสอดรู้สอดเห็นมากยิ่งขึ้น พวกเขาจ้องนางราวกับว่าจะทำให้นางเฉาตายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
การที่ต้องออกมาเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ เฟิ่งชิงเฉินหาได้แยแสไม่
บนโลกใบนี้ย่อมมีคนเช่นนี้อยู่เป็นธรรมดา คนที่เห็นความทุกข์ของคนอื่นเป็นเรื่องขบขัน
เฟิ่งชิงเฉินกวาดสายตามองผู้คน พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อยให้พวกเขา นางไม่สนใจสายตาดูถูกเหยียดหยามของผู้คน นางเดินตามเจ้าหน้าที่ไปเรื่อยๆ
ใครจะมองนางว่าเป็นตัวประหลาดก็ช่างเขาปะไร
เฟิ่งชิงเฉินบริสุทธิ์ใจ ไยต้องสนใจคำติฉินนินทา
ช่างมันเถอะ แม้จะรู้สึกหงุดหงิดบ้าง แต่ปรับอารมณ์สักพักก็ดีขึ้น คนเหล่านี้อยากเห็นความพ่ายแพ้ของนางหรือ ไม่มีทางเสียหรอก
“คุณหนูเฟิ่ง……”
“คุณหนูเฟิ่ง……”
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเดินไป ผู้คนที่มามุงดูนางทั้งหลาย ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงพากันก้มหน้า และทำความเคารพอย่างอ่อนน้อม เฟิ่งชิงเฉินเดินผ่านคนพวกนี้ไป
เจ้าหน้าที่ที่เดินนำนางต่างสงสัยยิ่งนัก คุณหนูเฟิ่งผู้นี้ดูแปลกจริงๆเลย……
ด้านหลังของฝูงชน มีชายหญิงที่แต่งตัวดูดีหน่อยยืนดูอยู่ที่มุมเล็กๆ พวกเขาจ้องมองมายังเฟิ่งชิงเฉิน
พวกเขาเข้ามาแฝงตัวอยู่ในราชวงศ์ตงหลิงอย่างเงียบๆ ซีหลิงเทียนเหล่ยหรือรัชทายาทซีหลิงและองค์หญิงซีหลิงเหยาหวา การมาของพวกเขาในครั้งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อมาดูเฟิ่งชิงเฉินโดยเฉพาะ
ก็แค่บังเอิญเท่านั้นเอง
เห็นมาดอันสูงส่งของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว ทุกคนไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่มีใครกล้าสบประมาทเฟิ่งชิงเฉิน ทางด้านของซีหลิงเทียนเหล่ย แววตาของเขาส่องประกายราวสัตว์ร้ายที่จ้องเหยื่อ
สำหรับผู้ชายแล้ว ผู้หญิงสูงส่งอย่างเช่นเฟิ่งชิงเฉินถือเป็นเหยื่อชั้นเลิศ
“เหยาหวา ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนที่เจอความทุกข์ก็เก็บงำไว้ในใจ และไม่ใช่คนที่ได้แต่นั่งรอความตายให้มาเยือนเท่านั้น”
“ไม่เห็นมีอะไรยากเลย ก็แค่ลูกที่กำพร้าพ่อแม่ จะฆ่านางทิ้งนั้นง่ายแสนง่าย เพียงแต่ว่าหากฆ่านางแล้วมันคงยังไม่หายแค้น” องค์หญิงเหยาหวายืนอยู่หลังฝูงชน นางมองดูเฟิ่งชิงเฉินที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน ใบหน้าที่สวยสดของนางแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยา
นางไม่รู้จริงๆว่าคนอย่างเฟิ่งชิงเฉินนั้นมีอะไรดีกันแน่ เสด็จพ่อของตนถึงเอาแต่ทอดพระเนตรภาพวาดของมารดาเฟิ่งชิงเฉินอยู่ทุกวัน จนไม่สนพระทัยเสด็จแม่ของตนเลย
ผู้ชายที่ตนเองหมายปอง ก็ดันเป็นคู่หมั้นของเฟิ่งชิงเฉินอีกต่างหาก
“เหยาหวา การที่เสด็จพ่อทรงให้เจ้ามาที่ตงหลิง ไม่ได้ให้เจ้ามาหาเรื่องเฟิ่งชิงเฉินนะ” ซีหลิงเทียนเหล่ยกล่าวกับน้องสาวหัวรั้นอย่างหนักใจ
“พอเถอะเสด็จพี่ ไม่ต้องมาสอนข้าหรอก ท่านเองก็เล่นสนุกไปไม่น้อยเลยนี่”
“เอาล่ะ เหยาหวา ไปทำภารกิจได้แล้ว” ซีหลิงเทียนเหล่ยตบบ่าของน้องสาวเบาๆ
เหยาหวาพยักหน้า แล้วเดินไปทางโรงเตี๊ยมในเมือง
ซีหลิงเทียนเหล่ยนึกเอะใจเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามเฟิ่งชิงเฉิน
ด้านหลัง ชายชุดดำหน้ากากเงินคอยเฝ้าดูอยู่ไกลๆ เขาน่าจะตามเหยาหวาไป แต่นี่……
ชายชุดดำหน้ากากเงินกลับเลือกที่จะเดินตามหลังซีหลิงเทียนเหล่ย
แต่สายตาของเขา ยังคงจับจ้องมาที่ร่างเฟิ่งชิงเฉิน
มีคนเดินตามหลังนางมา เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้ตัวเลยสักนิด นางกำลังดื่มด่ำกับโลกส่วนตัวของตัวเอง ทั้งมองดูถนนหนทางในยุคโบราณ พลางคลำนาฬิกาข้อมือสีดำของตัวเอง แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ทุกอย่างตรงหน้านางพลันฝ้าฟางขึ้นมาในทันใด……
ซาลาเปาไอกรุ่นที่อยู่ทางด้านซ้าย แผงขายถุงหอมและพัดทางด้านขวา พ่อค้าแม่ขายต่างส่งเสียงเรียกลูกค้า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก……
เดินผ่านถนนที่แปลกตา เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกไม่คุ้นเคย
นี่ตัวเองยังอยู่ในโลกเดิมอยู่หรือเปล่า?
ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงๆหนึ่งร้องดังขึ้นมาขัดจังหวะห้วงความคิดของเฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉินหยุดเดินแล้วหันหลังไปมองเจ้าของเสียง
เด็กน้อยแต่งตัวมอมแมมกำลังนอนอยู่บนพื้น เขาร้องไห้งอแง ท่าทางเหมือนจะเจ็บปวดมาก มีผู้คนมามุงดูเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“แย่จริง เด็กน้อยคนนี้ถูกงูพิษที่ตัวเองจับมากัดเสียแล้ว”
“งูนี่มันพิษร้ายจริงๆเลย!”
……
มีคนบาดเจ็บหรือ?
ด้วยสัญชาตญาณของหมอ เฟิ่งชิงเฉินรีบเดินไปทางเด็กน้อยคนนั้น
“ขอทางหน่อย……” นางเดินแหวกฝูงชน เฟิ่งชิงเฉินหยุดอยู่ตรงหน้าเด็กน้อยผู้เคราะห์ร้าย นางมองขาซ้ายของเด็กน้อยที่เป็นรอยบวมคล้ำ ข้างๆกันนั้นมีตะกร้าไม้ไผ่ตกอยู่ ในตะกร้าไม้ไผ่ยังมีงูพิษที่ตัวยาวราวๆ 1 เมตรได้ งูตัวนั้นสีเขียว ตัวอวบอ้วนเท่ากับข้อมือเด็ก
นางดูบาดแผลอย่างละเอียด โชคดีที่เขี้ยวพิษไม่ได้ปักบนบาดแผล พิษจึงไม่แพร่กระจายตัวเร็วนัก
“คุณหนูเฟิ่ง คุณหนูเฟิ่ง……”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองไม่เห็นใครเดินตามหลังมา เมื่อมองดูรอบๆ ก็พบว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเด็กน้อยที่ถูกงูพิษกัด ทำให้เจ้าหน้าที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
คุณหนูผู้สูงศักดิ์ คงไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนน่ะสิ
“คุณหนูเฟิ่ง อย่าไปจับนะขอรับ มันมีพิษ ข้า ข้าจะไปตามหมอเอง” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ
“ข้ารู้ กว่าพวกท่านจะไปตามหมอมา เขาก็คงจะไม่รอดแล้วล่ะ”
เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจคำเตือนเจ้าหน้าที่ นางจับขาของเด็กน้อยวางราบลงกับพื้น แล้วหยิบมีดสั้นที่ตัวเองพกไว้มาฉีกกางเกงขายาวของเด็กน้อย
แล้วหยิบเศษผ้าชิ้นที่ยาวที่สุดมาผูกมัดไว้ที่ต้นขาของเด็กน้อยอย่างแน่นหนา เป็นการชะลอพิษไม่ให้ไหลซึมเข้าไปสู่หัวใจ……
จากนั้นนางก็รีบหยิบมีดผ่าตัดขนาดเล็กที่มัดไว้กับขามากรีดบริเวณที่งูกัด โดยกรีดเป็นรูปเครื่องหมายบวก แล้วทำการบีบเลือดที่ปะปนพิษออกมา……
“คุณหนูเฟิ่ง คุณหนู คุณหนูกำจัดพิษงูเป็นด้วยหรือ?” เจ้าหน้าที่ทั้งสองตกใจเป็นอย่างมาก
ในยุคโบราณมีคนถูกงูกัดอยู่บ่อยๆ แต่เนื่องจากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที จึงสิ้นใจเพราะพิษงูในที่สุด……
“ไม่เป็นหรอก” เฟิ่งชิงเฉินตอบแบบไม่ได้คิดอะไรมาก
นางทำไม่เป็นจริงๆ เพียงแค่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นเท่านั้นเอง
จนกระทั่งนางเห็นว่าเลือดที่ไหลออกมาจากขาซ้ายของเด็กน้อยกลายเป็นสีแดงสด นางคำนวณเวลาดูคร่าวๆ แล้วจึงแกะผ้าที่ผูกมัดต้นขาของเด็กน้อย
หากยังผูกผ้าไว้ต่อไป กล้ามเนื้อต้นขาจะต้องเกิดปัญหาแน่
หลังจากแกะผ้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ตรวจดูรูม่านตาของเด็กน้อย ทุกอย่างดีมาก ดวงตาของเด็กน้อยตอบสนองต่อแสงได้เป็นอย่างดี แสดงว่าเขารับพิษไปไม่มาก ไม่มีสิ่งใดน่าเป็นห่วงแล้ว
“พี่นางฟ้า ผมตายแล้วใช่ไหม?” เด็กน้อยนอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็ได้พบกับหญิงสาวที่หน้าตาสะสวย จึงนึกว่าตัวเองตายไปแล้ว
ระหว่างที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังใช้มีดอยู่ น้ำเสียงของนางไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เมื่อได้ยินคำถามของเด็กน้อย ก็ตอบไปด้วยอารมณ์ไม่สู้ดี
“ข้าไม่ใช่พี่นางฟ้า แล้วเจ้าก็ยังไม่ตายด้วย ข้าแซ่เฟิ่ง ชื่อเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้กำลังช่วยเจ้าอยู่”
เฟิ่งชิงเฉินพูดเร็วมาก เมื่อนางพูดจบก็ไม่สนใจเด็กน้อย นางหันไปมองงูพิษในตะกร้าไม้ไผ่ พลางล้วงมือเข้าไปในตะกร้าไม้ไผ่นั้น ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน……
“คุณหนูเฟิ่ง ระวัง……”
“คุณหนูเฟิ่ง มันมีพิษ……”
เจ้าหน้าที่สองคนตกใจจนหน้าซีด พลางก้าวถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว
งู งูพิษ……
“หา……”
หนึ่งในฝูงชนร้องลั่นขึ้นมา……
ที่มุมเล็กๆแห่งหนึ่ง ซีหลิงเทียนเหล่ยเกือบเอาศีรษะไปกระแทกขอบกำแพง
เฟิ่งชิงเฉิน เจ้านี่มัน……
ซีหลิงเทียนเหล่ยครุ่นคิด เขาควรจะจับเฟิ่งชิงเฉินมาเป็นชายารองดีไหมนะ?
อืม!
ซีหลิงเทียนเหล่ยพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ความคิดนี้ไม่เลวเลย!
จะได้หักหน้าราชวงศ์ตงหลิง แถมยังสามารถทำให้ตนเองมีความสุขอีกด้วย……
บทที่ 11 รับศพ

บทที่ 13 ฆ่างู