บทที่ 82 หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรที่ขุดแร่อย่างบ้าคลัง

Your Talent Is Mine ระบบคัดลอกพรสวรรค์

“ฮ่าๆ ข้าไม่คิดว่าข้าจะยังประเมินเจ้าต่าไป แท้จริงแล้วพรสวรรค์ด้านความเร็วของเจ้าก็อยู่ในระดับปานกลางข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ!”

เฮ่อเหลียนป้ากระอักเลือดออกมาและหัวเราะอย่างคับแค้นใจ

“ตาย!”

หยุนเฟิงโบกมือ คมดาบวายุปรากฏขึ้นและพุ่งออกไปแทงทะลุหน้าอกของเฮ่อเหลียนป้าโดยไม่เปิดโอกาสให้เฮ่อเหลียนป้าได้พูดอะไรอีก

การโจมตีนี้ได้ฆ่าเฮ่อเหลียนป้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างสมบูรณ์

“โชคดีที่ข้าได้รับหญ้าวิญญาณวายุและยกระดับความเร็วของข้าให้อยู่ในระดับปานกลางมีฉะนั้นคนที่ตายก็อาจจะต้องเป็นข้า!”หยุนเฟิงกล่าวด้วยความยินดีทันใดนั้นเขาก็รีบค้นหาถุงเก็บสมบัติของคนเหล่าและเก็บมันไป

ถุงเก็บสมบัติจํานวนมาก แต่ที่ทําให้หยุดเพิ่งตื่นเต้นมากที่สุดเป็นถุงเก็บสมบัติของเฮอเหลียนป้าเพราะภายในถุงคงจะมีสมบัติที่มีมูลค่ามากมายจนไม่อาจจะจินตนาการ

ตัวหยุนเฟิงเป็นเพียงอัจฉริยะจากตระกูลสาขาของตระกูลหยุนเท่านั้น แม้ว่าพรสวรรค์ในการต่อสู้ของเขาจะสูงมากแต่เขาก็ไม่ได้รับการสนับสนุนจากตระกูลหยุนมากนักทรัพยากรทั้งหมดของเขา เขาต้องหามันด้วยตนเองแต่ในวันนี้

พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขายกระดับกลายเป็นระดับหลุดพ้นแล้วเขาคือสุดยอดอัจฉริยะของฐานทะเลมารอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยทรัพยากรจํานวนมากมายเหล่านี้เขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการฝึกฝนในอนาคตอีก

“ยังมีเหมืองหินปราณนี้!”

ดวงตาของหยุนเฟิงลุกโชน

แร่หินปราณเหล่านี้มีค่าอย่างมาก เมื่อเขาฆ่าสัตว์อสูรตัวนั้นแล้ว สายแร่ทั้งหมดจะตกเป็นของเขา

หินปราณเหล่านี้คือกําไรที่แท้จริง!

“ต้องรักษาอาการบาดเจ็บก่อน อย่างไรเสียหินปราณเหล่านี้ก็ไม่ได้หนีไปไหนรอจนอาการบาดเจ็บหายดีแล้วค่อยไปฆ่าสัตว์อสูรตัวนั้น!”
หยุนเพิ่งตัดสินใจอย่างรอบคอบ

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง อาการบาดเจ็บของเขาก็ได้รับการเยียวยาอย่างสมบูรณ์พลังปราณและพละกําลังของเขาฟื้นฟูเสร็จสิ้น

ในตอนนี้หยุนเฟิงพร้อมแล้ว

ตูม!

เมื่อก้าวเข้าไปในปากทางลงอุโมงใต้ดิน

การต่อสู้ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่หยุนเฟิงกําลังต่อสู้พัวพันกับตัวนิ่ม เย่เทียนก็ขดหินปราณไปแล้วกว่า 200 ก่อน

“สี่สี่ พวกเจ้าสู่กันไปเถอะ เมื่อพวกเจ้าต่อสู้กันจนจบ หินปราณส่วนใหญ่ก็อยู่ในกระเป๋าข้าหมดแล้ว!”

เย่เทียนพึมพําด้วยรอยยิ้ม

จากการตรวจสอบด้วยการรับรู้มิติ หินปราณที่อยู่ในสายแร่ปราณนี้ถูกตัวนิ่มกินไปไม่น้อยด้วยตัวนิ่มมีพรสวรรค์ที่เหมาะสมแก่การขุดแร่ใต้ดิน บวกกับสายแร่นี้มีขนาดเล็กหินปราณจึงยังเหลืออยู่ไม่มากนัก

ตอนนี้สายแร่หินปราณทั้งหมดเหลืออยู่ราว 3,000 ก้อนเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเหมืองหินปราณเมื่อสิบปีก่อนมากแต่สําหรับเย่เทียนแล้ว สายแร่หินปราณ 3,000 ก่อนเป็นสมบัติที่ไม่อาจจนตนาการได้

ในขณะเดียวกัน

หยุนเฟิงที่ปะทะกับตัวนิ่มเสียงการต่อสู้ดังมาก ดังนั้นแม้ว่าเย่เทียนจะขุดเหมืองอย่างรวดเร็วตราบใดที่มันไม่รุนแรงจนเกินไปมันก็จะไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขา

“เสี่ยวจือ อย่าขี้เกียจส ช่วยข้าขุดมันเร็วเข้า!”

เย่เทียนสั่ง

“ตกลง!”
เสียวจอพยักหน้าไม่หยุด

การขุดสมบัติเป็นสิ่งที่มันชื่นชอบมากที่สุด

มันคิดจะขุดหินปราณมานานแล้ว แต่ตัวนิ่มตัวนั้นอยู่ที่นี่ มันจึงไม่กล้าที่จะเข้ามาขุดในเมื่อตอนนี้มีโอกาสแล้วอีกทั้งยังมีเจ้านายคอยหนุนหลังมันก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก

หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรเริ่มขุดอย่างบ้าคลั่ง หากคนทั่วไปมาขุดมันขึ้นมาคงจะต้องใช้เวลานานกว่าจะเจอหินปราณซักก่อนเพราะด้วยความที่มันอยู่ในชั้นหินคนส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจสอบได้

แต่เย่เทียนนั้นต่างกัน เขาสามารถใช้การรับรู้มิติเพื่อค้นหาหินปราณผ่านชั้นหินเขาจึงรู้ตําแหน่งของหินปราณได้อย่างแม่นยําดังนั้นความเร็วในการขุดของเขาจึงรวดเร็วอย่างมาก

แน่นอนว่าเย่เทียนไม่ได้ขดหินปราณที่อยู่ลึกจนเกินไปเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเขาจึงเสาะหาเฉพาะหินปราณที่ขุดออกมาง่ายเท่านั้น
300 ก้อน!

400 ก่อน!

500 ก้อน!

“บ้าเอ๊ย การป้องกันของสัตว์อสูรตัวนี้แข็งแกร่งเกินไป พรสวรรค์คมดาบวายุระดับสูงของข้าไม่สามารถฆ่ามันได้ในครั้งเดียวเว้นเสียแต่ว่าข้าจะโจมตีโดนจุดอ่อนของมันแต่มันก็ยังสามารถหลบหนีด้วยทักษะขุดดินได้ครั้งแล้วครั้งเล่ามันเป็นเรื่องยากมากหากจะฆ่ามันที่นี่”

หยุนเฟิงขมวดคิ้ว

เขาไม่สามารถล้มเลิกการฆ่าสัตว์อสูรตัวนี้ได้เพราะตอนนี้มันรู้ตัวแล้วมันจะต้องระวังเขามากขึ้นอย่างแน่นอนไม่มีทางที่เขาจะสามารถแอบลอบเข้าไปขุดหินปราณทางเลือกเดียวคือต้อง สังหารมันก่อนเท่านั้น

“ข้าได้โจมตีมันไปแล้วมันน่าจะโกรธมากถ้าข้าสามารถล่อมันออกไปจากตรงอุโมงนี้ได้พื้นที่ด้านนอกทําไมข้าได้เปรียบมากกว่าข้าสามารถใช้พรสวรรค์คมดาบวายุได้ง่ายดายยิ่งกว่าตอนนี้!”

หยุนเฟิงประเมินสถานการณ์คร่าวๆ

ดังนั้นเขาจึงพยายามล่อตัวนิ่มออกไป

แต่การกระทําของเขากลับยิ่งทําให้เย่เทียนสะดวกมากขึ้น

เดิมที่เย่เทียนกังวลว่าจะถูกตัวนิ่มค้นพบ จึงตั้งใจทิ้งระยะห่างและขุดหินปราณในระยะไกลออกไปตอนนี้ตัวนิ่มถูกล่อออกไปแล้วเย่เทียนจึงเริ่มขุดอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม!

700 ก่อน!

800 ก้อน!

เย่เทียนเร่งการขุดอย่างต่อเนื่อง เสียงการขุดก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ

จนทําให้หยุนเพิ่งที่กําลังต่อสู้กับตัวนิ่มอยู่ได้ยินเสียงจากใต้ดิน แม้ว่ามันจะเบามากแต่ก็ยังคงได้ยิน”มีการเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน?”

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้คิดมาก

ตัวนิ่มไม่ได้ให้ความสําคัญกับหินปราณมากนัก หินปราณไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้มันได้มากนักในสายตาของมันหินลมปราณเปรียบเสมือนขนมขบเคี้ยวเท่านั้นก่อนหน้านี้มันกิน ไปจํานวนมากและตอนนี้มันเลิกสนใจแล้ว

สิ่งที่ทําให้มันโมโหมากที่สุดในขณะนี้คือ หยุนเฟิงที่ทําร้ายมัน

แม้ว่ามันจะรู้ว่ามีคนบุกเข้ามาใต้ดิน แต่มันก็ยังต้องการที่จะกําจัดหยุนเฟิงก่อน
สติปัญญาของมันค่อนข้างต่ำเทียบกับเสี่ยวจื่อแล้วมันด้อยกว่ามาก หากเสียวจอไม่ฉลาดเย่เทียนคงไม่สามารถขุดหินปราณได้ง่ายๆขนาดนี้

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และเสียงขุดยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ

เสียงนี้ทําให้หยุนเพิ่งเริ่มเอะใจหรือว่า…มีคนขุดหินปราณอยู่?”

หยุนเพิ่งคาดเดา

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หยุนเฟิงก็ร้อนรนทันที

“ต้องเร่งมือแล้ว!”

ไข่มุกเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของหยุนเฟิง

นี่ไม่ใช่ไข่มุกธรรมดา แต่เป็นไข่มุกค่ายกล ภายในมีค่ายกลขนาดเล็กสลักไว้ไข่มุกค่ายกลนี้เรียกว่าค่ายกลมายาลวงตาเป็นสมบัติล้ําค่าชิ้นหนึ่งของเขา

หากใช้พลังปราณกระตุ้นค่ายกลนี้ขึ้น มันเพียงพอที่จะสามารถสร้างค่ายกลมายาลวงตาขนาดเล็กขึ้นมาได้แต่เมื่อเปิดใช้งานแล้วมันจะถูกทําลายมันจึงเป็นสมบัติที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว

สมบัติเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลกับนักรบผู้เชี่ยวชาญ แต่สติปัญญาของสัตว์อสูรไม่ได้สูงเท่ามนุษย์ค่ายกลนี้จึงต้องส่งผลกับมันอย่างแน่นอน

เพล้ง!!!

ไข่มุกค่ายกลถูกกระตุ้นค่ายกลก็แผ่ขยายออกมา ทําให้ตัวนิ่มที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาเมื่อครู่หยุดชงัก

ภายในค่ายกลมายาลวงตาตัวนิ่มคิดว่าตนเองโจมตีหยุนเฟิงได้สําเร็จขณะที่มันกําลังภาคภูมิใจอยู่นั้นดวงตาของเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดศีรษะของมันเริ่มเลอะเลือน

วินาทีถัดมา

จิตสํานึกของตัวนิ่มก็หายไปอย่างสมบูรณ์ และล้มลงไปกองกับพื้น

เมื่อสักครู่หยุนเฟิงได้ใช้ค่ายกลมายาลวงตาและในขณะเดียวกันเขาก็ปลดปล่อยคมดาบวายุเจาะทะลุผ่านดวงตาเข้าไปทําลายสมองของตัวนิ่มโดย

แม้จะรู้สึกปวดใจกับการที่ต้องสูญเสียค่ายกลล้ําค่าไป แต่หยุนเฟิงก็โยนความคิดนี้ทิ้งไปและรีบมุ่งหน้าเข้าไปยังสายแร่หินปราณ

อุโมงใต้ดิน

เย่เทียนที่ตรวจสอบสถานการณ์ด้านบนอยู่ตลอดเวลา ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“เราคงขุดได้แค่นี้ ไม่คิดเลยว่าหยุนเฟิงจะมีไพ่ตายแบบนั้นอยู่ด้วย ตัวนิ่มถูกฆ่าเร็วกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ตอนนี้เราขุดหินปราณมาเกือบ 1,800 ก้อนแล้วเสียวจ่อก็ขุดได้ไม่น้อยแม้ว่าจะยังเหลือหินปราณอยู่จํานวนมากแต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ลึกลงไปในชั้นหินหยุนเฟิงน่าจะขุดมันขึ้นมาได้ไม่มากนัก!
พรึบ!

เย่เทียนขยับตัวหายตัวไป พร้อมส่งกระแสจิตบอกให้เสียวจ่อรีบตามออกมา

หนึ่งคนหนึ่งสัตว์อสูรผ่านอุโมงค์ใต้ดินและมาถึงพื้นที่ใต้ดินอย่างรวดเร็วจากนั้นพวกเขาก็ออกจากทะเลสาบและหลบหนีไป

จนถึงตอนนี้

หยุนเฟังไม่รู้เลยว่ามีคนหนึ่งคนและสัตว์อสูรหนึ่งตัวได้แอบขุดเอาหินปราณไปมากมายก่อนที่เขาจะไปถึง