บทที่ 296 ตำนานทงเทียนเจี้ยวจู่

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เมื่อพูดถึงทงเทียนเจี้ยวจู่ จริงๆ แล้วเย่เทียนเฉินไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนคนนี้นัก เขามาจากดาวสิ้นโลก แม้จะเคยได้ยินประวัติศาสตร์โบราณของโลกใบนี้มาบ้าง แต่ไม่เข้าใจทั้งหมด ดังนั้นในตอนที่จางอีเต๋อพูดถึงทงเทียนเจี้ยวจู่ เย่เทียนเฉินก็ไม่รู้จักว่าเป็นใคร รู้แค่ว่าคนคนนี้มีกระบี่ทั้งสี่เล่มจากกระบี่โบราณสิบเล่มที่เป็นกระบี่สังหารอยู่ในมือได้ ทั้งยังสามารถนำมาสร้างเป็นค่ายกลสังหารได้อีกด้วย ไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ

ทุกคนต่างก็รู้ว่า ทงเทียนเจี้ยวจู่คือทงเทียนเจี้ยวจู่ในตำนานเทพนิยายของจีน เป็นผู้ที่มีความเด็ดขาด แม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นนักปราชญ์ก็เคยถือกระบี่ฆ่าคนมากับมือ สามารถนับได้ว่าเป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง มีกระบี่เทพสังหารสี่เล่มและค่ายกลสังหารเทพ คอยจัดการเรื่องการสังหารในสวรรค์และโลก สำนักเทพฝ่ายนามเจี๋ยเจี้ยวที่เขาก่อตั้งก็เป็นสำนักที่มีเทพเซียนอยู่มากที่สุด มีอำนาจแข็งแกร่งมากที่สุด

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงตำนานเทพนิยายเท่านั้น ตกลงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นหรือไม่ก็ไม่มีใครทราบ แต่สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ เรื่องราวมักจะมีเหตุผล และสามารถพูดได้ว่าในประวัติศาสตร์มีคนเช่นทงเทียนเจี้ยวจู่จริงๆ เพียงแต่ชื่อเดิมของเขาย่อมไม่ได้ชื่อว่าทงเทียนเจี้ยวจู่ นั่นเป็นเพราะภายหลังได้ก่อตั้งสำนักการเรียนการสอนขึ้นมา วิธีแห่งการบ่มเพาะสูงส่งลึกล้ำยากคาดเดา มีความสามารถในการหยั่งรู้ฟ้าดิน จึงถูกทุกคนในพรรคเรียกขานด้วยความเคารพว่าทงเทียนเจี้ยวจู่

“เป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งจริงๆ ความจริงแล้วเมื่อก่อนฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีครั้งหนึ่งฉันบังเอิญมีโอกาสได้รับตำราลับเล่มหนึ่งมาจากพรรควรยุทธโบราณ ในนั้นมีการบันทึกเรื่องนี้เอาไว้ด้วย กล่าวว่า สมัยบรรพกาลมีนักพรตคนหนึ่งชื่อว่าอีทงเทียน ท่องเที่ยวพเนจรไปทั่ว มีวิชาการบ่มเพาะสูงส่งลึกล้ำเป็นอย่างมาก เขาได้รับกระบี่เทพทั้งสี่เล่มที่สืบทอดกันมาในสมัยบรรพกาล และได้นำกระบี่เทพทั้งสี่มาหลอมกลายเป็นค่ายกลสังหารที่น่าหวาดกลัวด้วยวิชาอันแข็งแกร่งของทงเทียน ทั้งยังวาดแผนภูมิสังหารขึ้นมาเพื่อใช้ร่วมกับค่ายกลกระบี่ มีพลังอำนาจฆ่าปีศาจสังหารเทพ ด้วยเหตุนี้จึงถูกเรียกว่าค่ายกลเทพสังหาร หลังจากนั้นนักพรตที่ถูกเรียกว่าอีทงเทียนคนนี้ได้สร้างสำนักศึกษาขึ้นมาและกลายเป็นผู้ก่อตั้ง จึงถูกลูกศิษย์ในสำนักเรียกขานอย่างเคารพว่าทงเทียนเจี้ยวจู่”

“ที่แท้ก็มีสาเหตุแบบนี้นี่เอง ดูท่าคนที่ชื่อว่าอีทงเทียนจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก อย่างน้อยก็สามารถไปได้ไกลในเส้นทางการบ่มเพาะ ไม่งั้นคนเพียงคนเดียวคงไม่อาจมีกระบี่สังหารทั้งสี่เล่มได้แน่นอน และยังหลอมรวมพวกมันกลายเป็นค่ายกลอีกด้วย!” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น คนที่ถูกเรียกขานว่าทงเทียนเจี้ยวจู่คนนี้ จะต้องเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งจากโบราณกาลแน่นอน

ต้องรู้ว่า ถ้าหากเป็นดั่งที่จางอีเต๋อพูด กระบี่โบราณทั้งสิบเล่มไม่ได้มาจากโลกใบนี้ แต่ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใดถึงได้ตกลงมาจากที่อื่น และยังเคยเป็นค่ายกลกระบี่เดียวกัน กระบี่เทพที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เมื่อจัดตั้งขึ้นเป็นค่ายกลกระบี่ไม่รู้ว่าต้องการจะฆ่าปีศาจสังหารเทพ หรือต้องการถล่มฟ้าทลายดินกันแน่ กระทั่งจะทำลายจักรวาลนี้ทั้งหมดก็ยังได้

ถ้ากระบี่เทพทั้งสิบเล่มเคยเป็นค่ายกลกระบี่เดียวกันจริงๆ เช่นนั้นหากต้องการนำกระบี่เล่มใดเล่มหนึ่งออกมาเล่มเดียว ดูเหมือนจะไม่มีทางทำได้เลย เพราะกระบี่นั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของค่ายกลกระบี่ไปแล้ว หากฝืนนำออกมามีแต่จะทำให้กระบี่เทพกระจัดกระจายออกไปและทำร้ายร่างกายของตัวเอง แต่ทงเทียนเจี้ยวจู่กลับฝืนนำกระบี่เทพทั้งสี่เล่มออกมา และยังสร้างเป็นค่ายกลใหม่ที่มีพลังอำนาจแข็งแกร่งอีกค่ายกลหนึ่ง จะไม่ทำให้ผู้คนประหลาดใจและนับถือได้อย่างไร? ชื่อทางเต๋านามว่าทงเทียน(หยั่งรู้ฟ้าดิน) ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

“เรื่องนี้ไม่มีทางรู้ได้หรอก ว่ากันว่าทงเทียนเจี้ยวจู่หายไปในค่ำคืนหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็หายไปจากโลก ลูกศิษย์ในสำนักของเขา ใช้พลังอำนาจมากแค่ไหนในการตามหาก็ยังหาไม่พบ ไม่รู้ว่าไปไหน!” จางอีเต๋อขมวดคิ้วพูด

เย่เทียนเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง จากที่จางอีเต๋อเล่าให้ตนฟัง ตำนานเทพนิยายของประเทศจีนหรือเรื่องเล่าขานของบุคคลมีชื่อเสียงจำนวนมาก ท้ายที่สุดล้วนหายตัวไปอย่างกระทันหัน เรียกได้ว่าอยู่ไม่พบคนตายไม่พบศพ นี่เป็นเรื่องแปลกมากนัก หากเป็นแค่คนคนเดียว ยังสามารถบอกได้ว่าคนคนนี้ฝังศพตัวเองไปแล้ว จะอย่างไรยอดฝีมือจำนวนมาก เมื่อถึงขอบเขตพลังที่แน่นอน ล้วนมีใจเปิดกว้างในเรื่องของความเป็นความตาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นนี้หรอกใช่หรือไม่?

ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนที่ยอดฝีมือที่แท้จริงไปถึงขอบเขตขั้นสูงสุดแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาล้วนไล่ตามสิ่งหนึ่งทั้งสิ้น นั่นคือการมีชีวิตยืนยาว ถึงแม้เส้นทางการบ่มเพาะจะเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน เต็มไปด้วยคนกินคน แต่ดูเหมือนผู้บ่มเพราะทุกคนจะมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน นั่นคือการมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะ

จางอีเต๋อเองก็ไล่ตามสิ่งนี้ เย่เทียนเฉินเองก็ย่อมไล่ตามสิ่งนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถสนทนากันเรื่องความลับต่างๆ ได้ สามารถสนทนาเรื่องความลับในสมัยโบราณของประเทศจีนได้ ซึ่งความลับเหล่านี้คนธรรมดาไม่มีทางรู้ได้เลย และไม่มีทางเข้าใจด้วย เพราะความคิดของคนในสมัยปัจจุบันถูกจำกัดเอาไว้ ทำได้เพียงใช้ชีวิตเงียบๆ ไปทั้งชาติ ต่อให้เป็นบุคคลชั้นสูงหรือบุคคลร่ำรวยสูงศักดิ์ก็ไม่สามารถหนีพ้นความตายไปได้ แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า?

“หรือว่าเขาเองก็ไปดาวจักรพรรดิแล้ว?” เย่เทียนเฉินเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วเอ่ยถาม

“บางทีคงเป็นแบบนั้น หากสามารถหาเส้นทางไปได้ ฉันก็อยากจะไปที่ดาวจักรพรรดิดูสักหน่อย บางทีที่นั่นอาจจะเป็นโลกที่สามารถอยู่ได้โดยมีชีวิตยืนยาวเป็นอมตะจริงๆ ก็ได้!” จางอีเต๋อเองก็มองไปยังท้องฟ้า พูดอย่างวาดหวัง

“เอาล่ะตาแก่ มีเรื่องอะไรก็มาหาผมได้ ผมจะรับผิดชอบจางรั่วถงเอง แต่ตอนนี้ผมยังมีเรื่องมากมายต้องทำ ไม่อยู่เป็นเพื่อนแล้ว!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืน หมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป ตอนนี้เขายังมีเรื่องมากมายที่ต้องกระทำ หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้ว ถึงจะกลับไปยังดาวสิ้นโลก ถึงจะสามารถไปค้นหาความลับของดาวจักรพรรดิได้

เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินหมุนตัวเตรียมจะเดินจากไป จางอีเต๋อเองก็ลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าบางทีเย่เทียนเฉินอาจจะสามารถประสบความสำเร็จก็เป็นได้ เป็นคนของโลกคนต่อไปที่จะสามารถเดินทางไปยังดาวจักรพรรดิได้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่มีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา มีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ และกระทำเรื่องต่างๆ อย่างเด็ดขาด เมื่อพลังรวมเข้ากับสมอง นั่นคือความสามารถ

“ถ้าหากสักวันหนึ่ง นายสามารถหาเส้นทางที่จะไปยังดาวดวงอื่นได้ ฉันก็หวังว่านายจะพารั่วถงไปด้วย เธอช่วยเหลือนายได้!” จางอีเต๋อมองไปยังแผ่นหลังของเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของจางอีเต๋อเย่เทียนเฉินก็หยุดฝีเท้าของตนลงโดยไม่ได้หันกลับมา ทำเพียงพูดอย่างแน่วแน่ว่า “รั่วถงเสียสละเพื่อผมมามาก ผมจำไว้ในใจแล้ว จะไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างเลวร้ายแน่นอน วางใจเถอะ!”

เย่เทียนเฉินไปแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรมากมาย แต่คำมั่นสัญญาของลูกผู้ชายคนหนึ่งเขาก็ให้ไปแล้ว ต่อให้เขาจะไม่ได้มีความรู้สึกระหว่างชายหญิงต่อจางรั่วถง ก็จะไม่ปฏิบัติตัวแย่ๆ กับจางรั่วถง ผู้หญิงคนหนึ่งยอมเสียสละร่างกายของตนเพื่อช่วยเหลือเขา นี่ต้องใช้ความกล้ามากขนาดไหนกัน ต้องใช้ความรักมากขนาดไหนกัน? ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไร ชั่วชีวิตนี้ของเย่เทียนเฉินก็จะไม่ทำตัวแย่ๆ กับจางรั่วถง จะปกป้องเธอไปชั่วชีวิตและจะคุ้มครองเธอ

ผ่านไปแปดวันแปดคืนแล้วหลังจากที่เย่เทียนเฉินสะบัดดาบเจ็ดดาวไปต้านทานกระบี่ไท่อา ไม่กล่าวไม่ได้ว่า อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยมีความสามารถมาก ภายในแปดวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีสมาชิกของสิบสามจ้าวสวรรค์บางคนไม่พอใจ บอกว่าเย่เทียนเฉินตายไปแล้ว ควรจะแยกย้ายกันไปได้แล้ว แต่กลับถูกอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยกดข่มเอาไว้ ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังกำจัดร่องรอยการต่อสู้ของกลุ่มสิบสามราชาเสือดาวของตระกูลโอวหยางและเสวี่ยโม่เจียวที่เป็นลูกน้องของคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไปทั้งหมดแล้วด้วย ทำให้สายสืบของกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่จำนวนมากไม่ได้ข้อมูลไปแม้แต่น้อย กระทั่งคุณชายใหญ่ที่มีความสามารถแข็งแกร่งและกว้างขวางขนาดนั้นยังเพิ่งได้รับการรายงาน

ข้างทะเลสาบเล็กๆ ที่เดิม คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงยังคงนั่งตกปลาหันหลังให้คนอื่น ดูลึกลับเป็นอย่างมาก คล้ายกับไม่สนใจว่าด้านนอกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยแม้แต่น้อย ความจริงเป็นเพราะเขามีฝีมือแข็งแรงจนโดดเดี่ยวมาหลายปี รู้สึกว่าไม่มีเรื่องอะไรน่าสนุก และไม่ได้ลงมือมาหลายปีแล้ว การปรากฏตัวของเย่เทียนเฉินจึงทำให้เขารู้สึกสนใจอยู่บ้าง แต่ยังคงเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุมของตน

“คุณชาย…” โม๋สู่ยืนอยู่ด้านหลังคุณชายใหญ่ กล่าวออกมาด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน

“เสวี่ยโม่เจียวมีข่าวมาหรือยัง?” คุณชายใหญ่ดึงเบ็ดตกปลาขึ้นมาช้าๆ พลางถามเสียงเรียบ

“มีข่าวมาแล้วครับ!” โม๋สู่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

“พูดมา!” คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงเอ่ยถามต่อไป

“ครั้งนี้สิบสามจ้าวสวรรค์ของเย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่จะกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนไปได้ แต่ยังสามารถรับมือกับสิบสามราชาเสือดาวของตระกูลโอวหยางและกำจัดพวกเขาไปทั้งหมดแล้ว ส่วนเสวี่ยโม่เจียว…เขาถูกฆ่าไปแล้ว…ไม่มีแม้แต่ศพ!”

“หืม? กระบี่ไท่อาในมือเสวี่ยโม่เจียว เป็นกระบี่เทพในยุคบรรพกาลเล่มหนึ่ง พลังอำนาจที่ไม่มีอะไรเทียบได้ ต่อให้เสวี่ยโม่เจียวไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะต่อต้านได้” ถึงแม้คุณชายใหญ่จะแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นตกตะลึง คนประเภทนี้ไม่กล่าวไม่ได้ว่าสามารถควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ขุนพลคนหนึ่งถูกฆ่ายังไม่มีสีหน้าโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เป็นศัตรูตัวฉกาจของเย่เทียนเฉินจริงๆ

 คนของเย่เทียนเฉินปิดบังร่องรอยทั้งหมดเอาไว้ ทำให้พวกเราไม่ได้รับข่าวคราวในทันที แต่ได้ยินว่าเย่เทียนเฉินเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไป และถูกลูกน้องพาตัวไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะไปให้หมอรักษา!” โม๋สู่พูดต่อไป

“อาการบาดเจ็บที่เกิดจากกระบี่ไท่อา พลังอำนาจที่ทรงอานุภาพขนาดนั้นไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะสามารถรับได้ เย่เทียนเฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ในเมื่อลูกน้องของเขาพาเขาไปรักษาอาการบาดเจ็บ ดูท่าทางคงจะไม่ธรรมดาซะเเล้ว รีบไปตรวจสอบซะว่าเย่เทียนเฉินไปรักษาที่ไหน…” คุณชายใหญ่คิดถึงปัญหาสำคัญได้ในทันที ถ้าหากเย่เทียนเฉินถูกรักษาจนหายได้จริงๆ จะเป็นการอธิบายให้เห็นว่าบนโลกนี้ยังมีหมอเทวดาอยู่คนหนึ่ง คนเช่นนี้หากคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงไม่สามารถใช้งานได้ก็จำเป็นต้องตาย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นอุปสรรคภายหลัง

“ครับ!” โม๋สู่รีบตอบรับ

“ใช่แล้วส่งคนไปซักหลายคน ไปฆ่าสิบสามจ้าวสวรรค์ของเย่เทียนเฉินให้หมดซะ ไม่ว่าเย่เทียนเฉินจะอยู่หรือตาย ฉันก็ต้องการให้เขารู้ว่า หากฉันต้องการฆ่าเขานั้นง่ายมาก!” คุณชายใหญ่พูดสบายๆ ไม่โอหังไม่ร้อนรนสักนิด นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความสามารถอย่างแท้จริง

สมาชิกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์แต่ละคนล้วนเป็นยอดฝีมือแข็งแกร่งที่เป็นอย่างมาก แต่ลูกน้องของคุณชายใหญ่ก็เป็นกลุ่มปีศาจกระหายเลือดเช่นกัน ไม่เพียงแต่จะมีฝีมือแข็งแกร่งเหนือระดับ แต่ยังมีความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์อีกด้วย แค่เสวี่ยโม่เจียวคนเดียวก็สามารถสู้กับอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยได้แล้ว แน่นอนว่านี่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังถือกระบี่ไท่อา ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ลูกน้องของคุณชายใหญ่ยังไม่ได้ออกโรง ครั้งนี้จะถือโอกาสที่เย่เทียนเฉินไม่อยู่ทำร้ายทุกคนในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เสีย คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงต้องการเคลื่อนไหวอำนาจอันยอดเยี่ยมของตนอย่างชัดเจนแล้ว

……….