บทที่ 297 สิบสามจ้าวสวรรค์วุ่นวาย

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เย่เทียนเฉินไปจากบ้านตระกูลจางแล้ว เดินทอดน่องอยู่บนถนนของเมืองเล็กๆ เขาคิดอะไรมากมาย และยังมีเรื่องที่จำเป็นต้องกระทำอีกมากนัก

ความจริงหากยกจางรั่วถงเป็นตัวอย่าง ในชั่วขณะที่เขาลืมตาขึ้นตั้งแต่ที่ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ ผู้หญิงที่เขาได้พบส่วนใหญ่ล้วนดีต่อเขา ไม่ว่าจะเป็นหานเจี๋ย ฉีหรูเสวี่ย หรือจะเป็นซูเฟยเฟย หรือแม้แต่หลิ่วหรูเหมยที่ความจริงก็ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันนัก เรื่องเมื่อปีนั้นของทั้งสองเพียงแค่ถูกคนอื่นวางแผนร้ายใส่เท่านั้น จะสามารถปล่อยวางได้หรือไม่นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คนใช่ผักหญ้าจะได้ไร้ความรู้สึก ผู้หญิงเหล่านี้ดีต่อตน มีความรักต่อตน ไม่ใช่ว่าเย่เทียนเฉินจะไม่ซาบซึ้ง แต่เขามีเรื่องมากมายที่ต้องทำ และจำเป็นจะต้องทำให้ได้ นั่นคือภารกิจของเขาและเรียกได้ว่าเป็นชะตากรรม เขาต้องกลับไปยังดาวสิ้นโลกเพื่อแก้แค้นให้พวกพ้องที่ตายไปแล้วของตน นี่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง มิเช่นนั้นจะตายไม่สงบ เขาต้องตามหาเส้นทางการมีชีวิตยืนยาวและไปเยี่ยมชมดาวจักรพรรดิ นี่เป็นสิ่งที่เย่เทียนเฉินซึ่งมีฐานะเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งต้องกระทำ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องการตามหาวิชาที่ทำให้มีชีวิตยืนยาวเพื่อต่อชีวิตให้แก่พ่อแม่และน้องสาวของตนอีกด้วย ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ความสัมพันธ์ดังครอบครัวมา เย่เทียนเฉินจึงหวงแหนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่เสียดายที่จะใช้ความพยายามทุกอย่าง

“พี่ชาย ต้องการรถไหม?” รถมอเตอร์ไซต์สุดเท่คันหนึ่งจอดอยู่ข้างกายของเย่เทียนเฉิน คนขับเป็นผู้หญิงผมทองคนหนึ่ง เพียงแค่เห็นก็รู้ว่าเป็นสาวสวยแบบฉบับของชาวต่างชาติ

“อ้อ? หรือเสน่ห์ของผมจะไม่สามารถสปิดกั้นได้โดยไม่รู้ตัวแล้ว? กระทั่งสาวสวยชาวต่างชาติแบบคุณก็ยังอดไม่ได้ที่จะถูกดึงดูด?” เย่เทียนเฉินมองไปยังสาวสวยผมทอง ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดออกมาด้วยความสนใจ

การที่สาวสวยผมทองคนนี้มาปรากฏตัวอยู่ในเมืองเล็กๆ อันทรุดโทรมแห่งนี้ ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นผู้หญิงคนนี้สวยงามไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สวยยิ่งกว่าดาราหญิงระดับสูงของต่างประเทศเหล่านั้นไม่น้อย มาชวนคุยก่อนแบบนี้ เย่เทียนเฉินย่อมไม่รู้สึกว่าอีก่ายถูกเสน่ห์ของเขาดึงดูดมาจริงๆ แน่นอน

“ฮ่าๆ พี่ชายที่หล่อขนาดนี้ มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็หาไม่ง่ายเลยจริงๆ!” สาวผมทองเป็นคนฉลาดมาก เพียงได้เห็นก็รู้ว่าเย่เทียนเฉินเกิดความสงสัย จึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้มหวานเยิ้ม

“ภาษาจีนของคุณดีมากเลย คงไม่ได้เป็นลูกครึ่งหรอกนะ?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้ม

“ถูกคุณมองออกซะแล้ว ตาแหลมจริงๆ เป็นไง กล้าขึ้นรถหรือเปล่า?” สาวผมทองถามด้วยรอยยิ้ม

“ผู้หญิงสวยสวยอย่างคุณยังไม่กลัวลำบาก แล้วผมจะกลัวด้วยเหรอ?” เย่เทียนเฉินยิ้มแล้วขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซต์

สาวผมทองหันไปมองเย่เทียนเฉินครั้งหนึ่งแล้วยิ้มหวาน ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกไป สตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์แล้วขับออกไปทันที

สาวผมทองคนนี้ก็คืออลิซ อลิซเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M ได้รับคำสั่งจากโฮบาม่าให้มาที่ประเทศจีนเพื่อตรวจสอบและฆ่าเย่เทียนเฉิน เพื่อกู้หน้าให้เขาโฮบาม่า กระทั่งเรียกได้ว่าเพื่อล้างความอัปยศให้แก่ประเทศ M ทั้งประเทศ

เย่เทียนเฉินไม่รู้เลยว่าสาวผมทองคนนี้ชื่ออลิซ เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองพิเศษแห่งประเทศ M มาเพื่อฆ่าเขา และให้เขาติดรถมาโดยไม่ได้บังเอิญเลยแม้แต่น้อย

อลิซลอบติดตามเย่เทียนเฉินมาตลอดทาง ลอบติดตามมาตั้งแต่มณฑลชวนจนกระทั่งเย่เทียนเฉินได้รับบาดเจ็บและรักษาจนหายดี เธอลอบติดตามมาเงียบๆ โดยไม่ถูกใครพบ ต่อให้เป็นเย่เทียนเฉินก็ไม่รู้ ไม่กล่าวไม่ได้ว่าหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M คนนี้มีความสามารถมากและร้ายกาจมาก

เรื่องของเย่เทียนเฉิน อลิซสามารถมั่นใจแล้วว่า ผู้ชายที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซด์เธออยู่คนนี้เป็นคนที่ก่อเรื่องที่วอชิงตัน เป็นคนที่เที่ยวก่อเรื่องใช้อำนาจบาตรใหญ่จนทำให้โฮบาม่าโกรธจนเขวี้ยงแก้วทิ้งไปหลายใบแน่นอน ดูเหมือนว่าคนระดับสูงของประเทศ M จะรู้กันหมดจนกลายเป็นเรื่องขบขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ได้อยู่พวกเดียวกับโฮบาม่าต่างหัวเราะจนเจ็บท้องไปหมด โฮบาม่าจะไม่โกรธได้อย่างไร จะไม่อยากฆ่าเขาได้อย่างไร

แน่นอนว่าอลิซที่มีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M ตั้งแต่อายุ 20 ปีย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน และไม่ใช่คนที่สะเพร่าบุ่มบ่าม เธอจดจำคำพูดของโทมัสอยู่ตลอด ความสามารถของเย่เทียนเฉินลึกล้ำไม่อาจคาดเดา อย่าได้ดูถูกและตัดสินจากอายุโดยเด็ดขาด ต่อให้อลิซมีฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองแห่งประเทศ M  มีใบหน้างดงามและฉลาดเฉลียว ทั้งยังมีฝีมือแข็งแกร่งห้าวหาญ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถใช้พลังของเธอเพียงคนเดียวฆ่าเย่เทียนเฉินได้

ดังนั้นอลิซจึงเลือกที่จะเข้าใกล้เย่เทียนเฉิน มีเพียงตอนที่เข้าใกล้เย่เทียนเฉินและทำให้เขาไม่ระวังตัวค่อยลงมือฆ่าเขาเท่านั้นถึงจะมีเงื่อนไขครบจนทำภารกิจให้สำเร็จได้

“คุณคนสวย เป็นลูกครึ่งที่ไหนกับที่ไหนเหรอ?” เย่เทียนเฉินยิ้มถาม

“แม่ของฉันเป็นคนจีน พ่อของฉันเป็นคนประเทศ M  แต่ฉันเติบโตมาในประเทศจีน ดังนั้นนอกจากรูปลักษณ์ภายนอก พวกภาษาและวิถีชีวิตก็เหมือนคนประเทศจีน!” อลิซตอบด้วยรอยยิ้ม

ที่นี่ ไม่พูดถึงไม่ได้ว่า มีผู้รุกรานจากต่างประเทศจำนวนมากยังมีความคิดที่ต้องการกำจัดชาวจีนของพวกเราอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศ M และประเทศชิบะ เจ้าหน้าที่พิเศษและนักลอบสังหารของพวกเขาจำนวนมากต่างเรียนรู้วัฒนธรรมจีนรวมไปถึงภาษาและวิถีชีวิตต่างๆ นานาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศนี้ยิ่งกว่าคนจีนเองเสียอีก หากให้พวกเขามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศจีน ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่มีใครสงสัยเลยว่าพวกเขาไม่ใช่คนจีน

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง คุณจะไปไหนเหรอ?” เย่เทียนเฉินพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเอ่ยถาม

“ฉันชอบท่องเที่ยวไปทั่ว มีอาชีพอิสระ เขียนนิยายอะไรประมาณนั้น ไม่มีที่ไหนต้องไป สนใจเชิญฉันไปเที่ยวที่บ้านคุณเหรอ?” อลิซพูดด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าคุณคนสวยไม่รังเกียจก็ขอเชิญด้วยความยินดี!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน

การพบกันของอลิซและเย่เทียนเฉินไม่ได้ทำให้เย่เทียนเฉินเกิดความสงสัยเลย แค่รู้สึกว่าคนคนนี้สวยและมีใจเปิดกว้าง เป็นสาวผมทองที่มีนิสัยเปิดเผยเท่านั้น

ตอนนี้เอง ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่อู๋เสวี่ยซื้อไว้ คนของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์กำลังฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่มีภารกิจอะไร ต่างรอให้พี่ใหญ่เย่เทียนเฉินกลับมา เวลาผ่านไปแปดเก้าวันแล้ว ในใจของทุกคนรู้สึกกังวลและร้อนใจมาก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี การก่อกวนที่เคยมีในสิบสามจ้าวสวรรค์ แม้จะถูกอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยกดข่มเอาไว้ได้ แต่พวกเขาก็เข้าใจกระจ่างว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเปล่าประโยชน์ จะอย่างไรทุกคนก็มีเรื่องที่ตนต้องทำและอยากทำ

ในตอนนี้ อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสองคนพาสมาชิกของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มารวมตัวกัน ทั้งหมดยืนอยู่ในตำแหน่งว่างเปล่าบริเวณสระน้ำของคฤหาสน์ ทุกคนยืนกันเรียบร้อย มีอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาทั้งหมดด้วยท่าทางเคร่งขรึมทั้งยังดูมีอำนาจ เย่เทียนเฉินเลือกให้หวังเจี๋ยและอู๋เสวี่ยควบคุมดูแลสิบสามจ้าวสวรรค์ด้วยกันนั้นย่อมมีเหตุผล สองคนนี้มีฝีมือที่แข็งแกร่งและมีความซื่อสัตย์ภักดี ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะยืนหยัดจนกว่าเขาจะกลับมาได้

“ฉันรู้ว่าหลายวันมานี้ทุกคนร้อนใจมาก ต่างเป็นห่วงพี่ใหญ่กันทั้งนั้น สิ่งที่ฉันจะบอกทุกคนได้ก็คือ พี่ใหญ่ไม่เป็นอะไรแล้ว รักษาตัวจนหายดีแล้ว เพียงแต่มีเรื่องบางอย่างต้องไปทำก่อน อีกไม่นานก็จะกลับมานำพวกเรา!”อู๋เสวี่ยพูดอย่างจริงจัง

“ใช่ วันนี้เช้าพี่ใหญ่โทรมาหาฉันแล้ว แสดงให้เห็นแล้วว่าครั้งนี้พวกเรากำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางไปได้อย่างราบรื่น ในเรื่องของสวัสดิการของแต่ละคนก็ให้เพิ่มขึ้นอีกขั้น เส้นทางของสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเรายังอีกยาวไกล แสงสว่างโชติช่วงเพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น!”

“แม่งเอ้ย พวกแกจะหลอกพวกเราทำซากอะไร พี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นตายไม่รู้ พวกแกสองคนยังมาโอ้เอ้กับพวกเราที่นี่ เห็นพวกเราเป็นคนโง่หรือไง?”

“ใช่ เดิมทีพวกเราคิดว่าได้ติดตามคนที่แข็งแกร่งและมีอนาคตอย่างพี่ใหญ่ ไหนเลยจะรู้ว่าไอ้หมอนี่จะอายุสั้น สู้แค่สองครั้งก็ตายซะแล้ว ทำให้ผิดหวังจริงๆ”

ชายทั้งสองเอะอะโวยวายขึ้นมา ตลอดเวลาที่ผ่านมาล้วนเป็นพวกเขาสองคนที่ก่อเรื่องทะเลาะวิวาท สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน เป็นพี่น้องฝาแฝดที่มีความสามารถไม่อ่อนแอเลย หากสู้เพียงลำพังอาจจะไม่สามารถสู้อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยได้ แต่หากสองพี่น้องร่วมมือกันโจมตีจะน่ากลัวไม่น้อย เนื่องจากระหว่างฝาแฝดมีกระแสจิตเชื่อมถึงกันอยู่ รวมกับที่เดิมทีพวกเขาก็ฝึกฝนเคล็ดวิชาผสานของพรรควรยุทธโบราณ ทำให้ยากจะรับมือ

“จางเหลย จางต๋า พวกแกสองพี่น้องคิดจะก่อกบฏหรือไม่กันแน่? ถ้าหากไม่คิดจะทำก็ไสหัวไปซะ” หวังเจี๋ยพูดอย่างจริงจังดุดัน

สองพี่น้องที่ชื่อว่าจางเหลยและจางต๋าเป็นฝาแฝดกัน พวกเขาก่อเรื่องตั้งแต่วันที่สองแล้ว ตอนนั้นยังไม่รุนแรงนัก คงจะเป็นเพราะพวกเขายังไม่มั่นใจว่าเย่เทียนเฉินจะกลับมาหรือไม่ รวมกับที่หวังเจี๋ยและอู๋เสวี่ยแข็งแกร่งมากจนสามารถกดข่มพวกเขาไว้ได้

แต่เมื่อถึงวันหลังๆ อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยก็เริ่มกดข่มเอาไว้ไม่ไหว เนื่องจากเมื่อมีคนก่อเรื่องขึ้นมาในกองกำลังหนึ่งๆ มักจะส่งผลกระทบไปถึงอารมณ์ของคนอื่น เดิมทีกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก็เพิ่งจะก่อตั้งขึ้น หากจะบอกว่าทุกคนมีความสามัคคีและมีจิตใจซื่อสัตย์ภักดีต่อเย่เทียนเฉินนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้น  ปัจจัยที่ไม่มั่นคงเหล่านี้ก็ถูกเปิดเผยและสะท้อนออกมา

คำที่ฝาแฝดจางเหลยและจางต๋าพูดได้ส่งผลกระทบกับคนอื่นอื่นโดยทางอ้อม ทุกคนรู้สึกสงสัยอยู่บ้างว่าเย่เทียนเฉินอาจจะตายไปแล้ว ไม่อาจกลับมาได้อีกส่วนกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก็จะต้องแยกย้ายกันไป จิตใจของทุกคนออกห่างแล้ว นี่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

“หึ หวังเจี๋ย แกวางมาดกับพวกฉันให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ แกคิดว่าแกเป็นหัวหน้ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์จริงๆ รึไง? ไม่ใช่ว่าตอนแรกก็ดูถูกเย่เทียนเฉินเหรอ? ทำไม? ถูกมันอัดจนแพ้ก็ยอมเป็นสุนัขให้มันแล้วเหรอ? แกมันจะไร้อนาคตเกินไปหรือเปล่า?” จางเหลยมองไปยังหวังเจี๋ยอย่างไม่พอใจแล้วพูดขึ้น

“แก…แกลองพูดอีกรอบสิ?” หวังเจี๋ยมองจางเหลยอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น

“พูดแล้วยังไงล่ะ? หรือแกยังคิดจะอัดพวกเราทุกคนให้หมอบอีก? อย่ามาวางมาดเป็นจ้าวสวรรค์ของแกกับพวกเราอีกเลย บิดารับไม่ไหว และจะไม่ฟังคำพูดโยกโย้ของพวกแกด้วย เย่เทียนเฉินตายไปแล้ว กลับมาไม่ได้แล้ว พวกเราไม่คิดจะทำแล้ว แน่นอนว่าจะไม่ทำงานเปล่า ให้พวกเราสองพี่น้องมาคนละห้าล้านหยวนก็นับว่าหมดเรื่องกันไป ต่างคนต่างไป!” จางต๋ามองไปยังหวังเจี๋ยอย่างเย็นชาแล้วพูดขึ้น

“แม่งเอ๊ย พวกแกสองพี่น้องหาเรื่องซะแล้ว บิดาจะหักกระดูพวกแกเอง!” หวังเจี๋ยเป็นคนอารมณ์ร้อน พอถูกสองพี่น้องกระตุ้นก็อดไม่ได้ที่จะโกรธขึ้นมา กำหมัดแน่นเตรียมจะพุ่งเข้าไปสั่งสอนคนทั้งสองที่ไม่รู้จักซื่อสัตย์ภักดี

……..