ตอนที่ 242 จับตัว

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 242 จับตัว

คิดแล้วเชียวว่าคนเหล่านี้ต้องมีปัญหา !

อันอิงเฉิงคิ้วกระตุก หางตาเหลือบเห็นคนด้านข้างพุ่งทะยานออกไปซึ่งก็คือมู่จวินฮานที่กระโจนไล่ตามสายลับเหล่านั้นทันใด

“จับตัวพวกมันเอาไว้ อย่าให้หนีไปได้ ! ”

เสียงตวาดดังขึ้นทีหนึ่งแล้วอันอิงเฉิงก็ขี่ม้าไล่ตามไป เหล่าทหารเซินจีหยิงที่อยู่ด้านหลังก็รีบดึงกระบี่ออกมาแล้วติดตามทั้งสองไปอย่างรวดเร็ว

สายลับเหล่านั้นมีวรยุทธมิธรรมดา เพียงครู่เดียวก็วิ่งไปไกลมาก

ถึงแม้วรยุทธของพวกเขาจักสูงส่งเพียงใด แต่พออยู่ต่อหน้ามู่จวินฮานสุดท้ายก็ยังต้องพ่ายแพ้อยู่ดี

แค่อึดใจเดียว คนเหล่านั้นก็วิ่งไปไกลหลายลี้ ทว่ามู่จวินฮานกระโดดลงจากกลางอากาศ ร่างสูงใหญ่ของเขาขวางทางไว้ เมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบบนร่างก็ปรากฏเงาทอดยาวอยู่บนพื้นราวกับเทพเจ้าแห่งความตายกำลังกวัดแกว่งดาบอยู่มิปาน

“แยกกันหนี ! ”

หนึ่งในสายลับตะโกน จากนั้นพวกมันก็เหมือนนกที่แยกจากกันทันที

แววตาของมู่จวินฮานคมกริบ เสื้อคลุมสะบัดพรึบกลางอากาศ พริบตาเดียวร่างของเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าสายลับแล้ว

คนผู้นี้วรยุทธสูงส่งเหลือเกิน!

สายลับที่โดนขวางไว้ตกใจมากจึงฟาดมือสวนออกมาหนึ่งฝ่ามือ ขณะเดียวกันก็หันหลังแล้วทะยานกลับทางเดิม

ท่าทีเมื่อครู่เป็นเพียงการหลอกล่อ เป้าหมายคือให้มู่จวินฮานสับสนแล้วฉวยโอกาสหนี

ทว่ามู่จวินฮานเพียงพลิกตัวไปด้านข้างเล็กน้อย พริบตาเดียวเขาก็สามาถไล่ตามถึงตัวสายลับได้แล้ว

เขาฟาดฝ่ามือออกมา ฝ่ามือนั้นเต็มไปด้วยกำลังภายในอันแข็งแกร่งประหนึ่งภูเขาถล่มและคลื่นรุนแรงจนมิอาจแบกรับไว้ได้

สายลับที่มิทันได้ป้องกันตัว เพียงได้ยินเสียงดังสนั่นก็สายไปเสียแล้ว ได้แต่รับฝ่ามือนั้นไปเต็ม ๆ

โลหิตสด ๆ พุ่งออกจากปากของมัน

มิมีเวลามาเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก เพียงแค่เงยหน้ามองมู่จวินฮานอย่างเคียดแค้นราวกับต้องการจดจำเอาไว้แล้วกลับมาแก้แค้นในวันข้างหน้า

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”

สายลับจำมู่จวินฮานได้ทันที ในหัวมีความทรงจำผุดขึ้นมา

ตอนที่พวกมันทำสัญลักษณ์ไว้บนก้อนหิน อยู่ ๆ มู่จวินฮานก็เข้ามาชนอย่างแรง อีกทั้งยังร้องโวยวายว่าพวกมันก่อเรื่องจนทำให้หน่วยลาดตระเวนจับพวกมันไว้

ตอนนี้เห็นทหารที่เต็มไปด้วยความดุดันจึงได้เข้าใจ

ที่แท้มู่จวินฮานอยากจับตัวพวกมันไว้ตั้งแต่อยู่บนถนนแล้ว เพียงแต่สถานการณ์ตอนนั้นมิเอื้ออำนวยจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา

เขาคำนวณได้อย่างแม่นยำว่าพวกมันต้องโดนหน่วยลาดตระเวนนำตัวไปโดยมิอาจต่อต้าน จากนั้นค่อยนำทหารมาจับตัวอีกที

แต่มู่จวินฮานรู้ได้อย่างไรว่าพวกมันเป็นใคร !

สายลับเกลียดเล่ห์เหลี่ยมของคนผู้นี้ มันมองไปรอบ ๆ เพื่อหาโอกาสหลบหนี

ทว่ามู่จวินฮานมิยอมเสียเวลา ดังนั้นจึงยื่นมือออกไปแล้วจับสายลับเอาไว้

“ถูกต้อง คือเปิ่นซื่อจื่อเอง”

เขาหักแขนของสายลับคนนั้น ปรากฏเสียงร้องดังลั่นออกมาอย่างเจ็บปวด ดังมากจนทำให้เหล่าทหารเซินจีหยิงได้ยินแล้วก็ประหลาดใจตามกัน

มิคิดว่าบุรุษที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองจิงจักมีวรยุทธล้ำเลิศถึงเพียงนี้ เพียงครู่เดียวก็สามารถหักแขนคนทิ้งได้ ฝีมือเช่นนี้ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง

มู่จวินฮานมิสนว่าเหล่าทหารคิดอันใดอยู่ พอเขาจับสายลับได้จึงหันไปมองอันอิงเฉิง เขาเอ่ยเสียงทุ้มราวน้ำใสกระทบหิน เหมือนหยกแขวนที่ดังอย่างเพลินหู “ท่านโหวอัน มีพวกมันหลุดไปได้หรือไม่ ? ”

อันอิงเฉิงส่ายศีรษะแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ทั้งหมด 12 คนถ้วน รวมกับในมือมู่ซื่อจื่ออีกหนึ่งคนก็ครบสิบสามโดยมิขาดเลยสักคน”

เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคล้ายอยากกล่าวบางสิ่งบางอย่างออกมา แต่พอเห็นสีหน้าของทั้งสองคนแล้ว ในที่สุดก็ได้แต่เอ่ยคำนี้ “ท่านโหวอัน มู่ซื่อจื่อ โจรเหล่านี้โหดร้ายมิเบา กล้าแม้กระทั่งทำร้ายทหาร เรามิอาจปล่อยพวกมันโดยง่ายเป็นอันขาดขอรับ ! ”

ระหว่างที่ทำการจับสายลับยังมีทหารอีกมิน้อยได้รับบาดเจ็บ หากพวกมันเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาย่อมทำเช่นนี้กับตนมิได้ ทหารลาดตระเวนโกรธมากจึงได้เอ่ยเช่นนี้ออกมา

อันอิงเฉิงพยักหน้า มองสายลับเหล่านั้นด้วยแววตาคมกริบ “ใต้เท้าเมิ่งวางใจได้ ข้าจักนำพวกมันไปสอบสวนที่หน่วยเซินจีหยิงเอง”

ในเมื่อสายลับของแคว้นชิงเยว่มาสืบข่าวในต้าโจว อีกทั้งยังทำให้ทหารของต้าโจวบาดเจ็บ แม้เผลอลงมือสังหารคนเหล่านี้ทิ้ง ฮ่องเต้และประชาชนก็มีแต่โห่ร้องว่าดีเท่านั้น

เหล่าสายลับที่โดนมัดไว้อย่างแน่นหนาดิ้นไปมามิหยุด มีบางคนด่าออกมาอย่างหยาบคายจึงทำให้ถูกทหารตบหน้าไปทีหนึ่ง

“บัดซบ จักตายอยู่แล้วยังปากดีอีก กลัวว่าจักตายมิเร็วพอหรือไร ? ”

หัวหน้าทหารที่เอ่ยมีรูปร่างสูงใหญ่ราวหมีป่า เมื่อเขาตบไปทีหนึ่งจึงทำให้ฟันของสายลับหลุดออกมาหนึ่งซี่

ดวงตาของมู่จวินฮานมีประกายมืดมนแล่นผ่าน ทันใดนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าสองก้าวแล้วใช้มือบีบกรามของสายลับให้อ้าปากออก จากนั้นหยิบห่อกระดาษเล็ก ๆ ออกจากปากของสายลับ

“เตรียมยาพิษไว้ด้วยหรือ? ” อันอิงเฉิงอุทานออกมา ครู่หนึ่งจึงได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติของพวกสายลับ

สายลับถูกใช้ให้มาสืบข่าว หากโดนจับตัวได้และภายใต้การสอบสวนที่รุนแรงอาจทำให้พวกมันทนมิไหวจนเผยบางอย่างออกมา

เมื่อมู่จวินฮานลงมือแล้ว ทหารคนอื่นก็ทำตามทันที พวกเขาง้างปากของสายลับออกแล้วดึงห่อยาพิษในปากออกมา ทำให้อีกฝ่ายมิสามารถกลืนยาพิษเพื่อฆ่าตัวตายได้

“นำคนเหล่านี้กลับไป ! ”

เมื่อเห็นว่าคนเหล่านี้มิมีกำลังต่อต้านแล้ว อันอิงเฉิงจึงโบกมือและออกคำสั่งทหารเซินจีหยิง

ทหารเซินจีหยิงทำงานว่องไวมาก เพียงเคลื่อนไหวมิกี่ก้าวก็สามารถมัดสายลับเอาไว้กับม้า ส่วนตนก็นั่งอยู่บนหลังม้าแล้วลากสายลับกลับไปยังหน่วยเซินจีหยิง

“ท่านโหว คนถูกนำตัวไปหมดแล้วขอรับ”

ทหารที่สวมเกราะมองมู่จวินฮานทีหนึ่งแล้วหยุดกล่าว

เดิมทีที่ตั้งของหน่วยเซินจีหยิงเป็นสถานที่สำคัญด้านการทหาร คนนอกมิอาจเข้าไปได้ แต่เมื่อมองท่าทีของอันอิงเฉิงแล้วดูเหมือนว่ามิได้ตระหนักถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย

คำพูดเหล่านั้นติดอยู่ในปาก แต่สุดท้ายก็ต้องกลืนลงท้องไป

เรื่องของเหล่าใต้เท้าระดับสูงมิใช่เรื่องที่นายทหารเล็ก ๆ จักมาสอบถามได้

อันอิงเฉิงตอบ อืม แล้วโบกมือ “นำตัวพวกมันเข้าคุก ข้าจักสอบสวนด้วยตนเอง”

นายทหารพาอันอิงเฉิงและมู่จวินฮานมาถึงคุกใหญ่ของหน่วยเซินจีหยิงที่ขังสายลับเอาไว้

เมื่อเห็นมู่จวินฮาน พวกมันก็มีสีหน้าโกรธแค้นขึ้นมา แววตาดูโหดร้ายแม้โดนมัดตัวอย่างแน่นหนาจนมิอาจขยับได้ แต่ก็ยังมีท่าทีเหมือนอยากกระโดดขึ้นมา

“พวกเจ้าคือสายลับของแคว้นชิงเยว่ใช่หรือไม่ ? ”

ทหารด้านหลังพากันตกใจเพราะเดิมทีนึกว่าคนที่โดนจับมาเป็นแค่โจรก่อความวุ่นวาย มินึกเลยว่าจักเป็นสายลับของศัตรูต่างแคว้น เรื่องนี้ร้ายแรงกว่าโจรก่อการร้ายเสียอีก

เนื่องด้วยยาพิษในปากถูกนำออกไปแล้ว เพื่อให้สะดวกในการสืบสวนพวกเขาจึงดันกรามของสายลับให้กลับสู่สภาพเดิม

แต่พอได้ยินคำของอันอิงเฉิงแล้วสายลับเหล่านั้นเพียงหัวเราะออกมา แม้เพียงประโยคเดียวก็มิยอมกล่าว ราวกับกำลังขบขันคนตรงหน้าก็มิปาน