ตอนที่ 106.2 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 106 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง (2)

ผ่านไปอีกเจ็ดนาที

ฟางผิงเบิกตาขึ้นโดยพลัน ถอนหายใจยาว เอ่ยด้วยท่าทีตื่นเต้น “อาจารย์ ผมทะลวงด่านได้แล้ว!”

“อืม”

หลู่เฟิ่งโหรวเผยสีหน้าเรียบนิ่ง จะให้แปลกใจอย่างนั้นเหรอ?

หรือตกตะลึง?

ไม่มีอะไรให้แปลกใจเลยเถอะ!

หลู่เฟิ่งโหรวมองข้ามความดีใจของฟางผิง เอ่ยอย่างเยือกเย็น

“ใช้โอกาสตอนที่เส้นเลือดเพิ่งถูกทะลวง ฝึกวิชาหลอมกระดูกก่อน ใช้ยาบำรุงเพิ่มพูนปราณ ดูว่าค่าสูงสุดของปราณมีเท่าไหร่?”

ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเพิ่งทะลวงขั้นหนึ่ง ปราณจะอยู่ประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบแคล

ฟางผิงไม่เหมือนกัน เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกมาสามครั้ง ไม่ทันได้ทะลวงปราณก็สูงถึงสองร้อยเก้าแคลแล้ว

เซี่ยเหล่ย นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เซี่ยงไฮ้อีกคนที่หลอมกระดูกสามครั้ง ยังทำได้ไม่ถึงจุดนี้เช่นกัน อีกฝ่ายเพิ่งสั่งสมปราณได้สองร้อยแคล ก็จำต้องรีบทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแล้ว

ถ้าพูดถึงการสั่งสมปราณ เซี่ยเหล่ยยังคงสู้ฟางผิงไม่ได้

หลู่เฟิ่งโหรวไม่ดีใจ ฟางผิงกลับดีใจสุดขีด!

เขาเริ่มฝึกวิชาตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงตอนนี้ รวมเป็นเวลาห้าเดือนแล้ว

สำหรับคนอื่น ห้าเดือนอาจเป็นช่วงสั้นๆ แต่ฟางผิงคิดว่าเป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน!

จากเริ่มแรกที่ไม่รู้อะไร นับถือและอิจฉาผู้ฝึกยุทธ์ จวบจนตอนนี้ที่เขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง!

แม้ปราณของเขาจะไม่ฟื้นฟูเต็มที่ เขาก็รู้ว่าสูงเท่าไหร่

ตอนนี้ตัวเลขด้านหน้าฟางผิงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ทรัพย์สิน : 6,635,000

ปราณ : 145 แคล (239 แคล)

จิตใจ : 189 เฮิรตซ์ (219 เฮิรตซ์)

เพราะใช้ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งไป ฤทธิ์ยายังคงเหลืออยู่ กำลังฟื้นฟูปราณอย่างช้าๆ

ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้ใช้ค่าทรัพย์สิน ห้าพันที่หายไป เป็นเพราะก่อนหน้านี้เขาต้องการประคองค่าต่างๆ ให้อยู่จุดสูงสุด

การบุกเบิกเส้นเลือดทั้งหกสิบสองเส้น ทำให้ขีดจำกัดของเขาเพิ่มขึ้นมาสามสิบแคล ขีดจำกัดค่าจิตใจเพิ่มขึ้นอีกสิบเฮิรตซ์!

ฟางผิงยังจำได้ ตอนแรกถามถานเจิ้นผิงว่าปราณของเขาสูงเท่าไหร่

ถานเจิ้นผิงบองเขาว่า ช่วงที่สูงที่สุดประมาณสองร้อยห้าสิบแคล

แต่ตอนนี้ฟางผิงยังไม่ได้ทำการหลอมกระดูกอย่างลงลึก กระดูกส่วนล่างหกสิบสองชิ้นไม่ทันได้ทำอะไร ขีดจำกัดของร่างกายกลับเพิ่มขึ้นมากแล้ว

เวลานี้พลังปราณของเขาแตะถึงสองร้อยสามสิบเก้าแคล!

รอฟางผิงหลอมกระดูกขาแล้ว จะแตะสูงอีกเท่าไหร่กัน?

แม้หลอมกระดูกชิ้นเดียวจะสามารถเพิ่มขีดจำกัดปราณได้หนึ่งแคล พลังปราณของเขาคงแตะถึงสามร้อยแคลได้อยู่ดี สูงกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปซะอีก!

การหลอมกระดูกสามครั้ง นอกจากจะทำให้ฝึกวิชาได้รวดเร็ว ยังเพิ่มขีดจำกัดของปราณ ทำให้การต้านพลังและการระเบิดพลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

หลู่เฟิ่งโหรวให้เขาฟื้นฟูปราณ ฟางผิงไม่อาจใช้ทรัพย์สินแลกเปลี่ยน ทำได้เพียงหยิบยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดากลืนลงไป

ตอนที่ใช้ยาบำรุงเลือดและปราณ เขาทำใจไม่ได้อยู่บ้าง

เม็ดหนึ่งขายข้างนอกตั้งหนึ่งแสนหยวน!

แม้เขาจะใช้ค่าทรัพย์สินแลกเปลี่ยนเกือบหนึ่งแสน แต่มันก็สามารถฟื้นฟูปราณจนถึงจุดสูงสุดได้

ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ช่วยเพิ่มพูนปราณอย่างช้าๆ ทั้งเป็นเรื่องยากที่กินเม็ดเดียวจะทำให้ปราณฟื้นฟูถึงค่าสูงสุด

ฟางผิงลอบมองหลู่ฟิ่งโหรว ก่อนจะแอบใช้ค่าทรัพย์สินฟื้นฟูปราณ ทั้งชำเลืองมองตัวเลขด้านหน้าไปพลาง

ค่าทรัพย์สินยังมีเศษอยู่สามหมื่นห้าพันหยวน ใช้ไปก่อนค่อยว่ากัน

“เอ๋?”

ระหว่างที่ฟางผิงอาศัยฤทธิ์ยา และใช้ค่าทรัพย์สินฟื้นฟูปราณไปพลาง หลู่เฟิ่งโหรวก็คล้ายสัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้

“ปราณฟื้นฟูเร็วชะมัด!”

หลู่เฟิ่งโหรวตกใจอยู่บ้าง ‘ประสิทธิภาพน่าตกใจเกินไปแล้ว พลังดูดซับของเขาแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว?’

‘หรือว่าคนที่หลอมกระดูกสามครั้งเป็นแบบนี้เหมือนกันทั้งหมด?’

ถึงจะเป็นเธอ ก็มีโอกาสพบเจอคนที่หลอมกระดูกสามครั้งมาไม่เยอะเช่นกัน

ทั้งคนพวกนี้ไม่ได้สนิทอะไรกับเธอ ตอนที่คนอื่นฝึกวิชา เธอไม่อาจลอบมองได้อยู่แล้ว

ฟางผิงเป็นลูกศิษย์ของเธอ เธอถึงได้มองฟางผิงฝึกวิชาอย่างไม่ต้องกังวลอะไร

แต่หลู่เฟิ่งโหรวคาดไม่ถึงว่า ฟางผิงใช้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาแค่เม็ดเดียว กลับให้ผลลัพธ์แบบนี้

พลังปราณของฟางผิงนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

“เกือบสองร้อยแคลแล้ว…”

“เร็วอะไรขนาดนี้!”

หลู่เฟิ่งโหรวครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยออกไปว่า “กินเพิ่มอีกเม็ดสิ!”

ฟางผิงมุมปากกระตุก เบิกตาว่า “อาจารย์…รอให้ร่างกายฟื้นฟูสักหน่อยเถอะ…อีกอย่างยังดูดซึมยาไม่หมด…”

หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างหงุดหงิด “ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาฉันมีเหลือเฟือ กินหมดแล้วจะเอาให้นายอีก!”

เธอเพิ่งจะให้ฟางผิงสิบเม็ด ฟางผิงกลับขี้เหนียวขนาดนี้แล้ว นี่ทำให้หลู่เฟิ่งโหรวรู้สึกทั้งโมโหและขบขัน

แต่ความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการดูดซับยาของฟางผิงทำให้เธอตกตะลึงจริงๆ

เธออยากเห็นว่า เด็กหนุ่มคนนี้จะสามารถดูดซับประสิทธิภาพของยาบำรุงสองเม็ดจนหมดในครั้งเดียวได้หรือเปล่า

ฟางผิงจนใจ ทำได้แค่หยิบยาบำรุงมาอีกหนึ่งเม็ด ตอนนี้เขาเหลือยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสิบหกเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งเจ็ดเม็ด

แน่นอนว่าฟางผิงไม่ได้ดูดซับยาบำรุงเร็วถึงขนาดนั้นอยู่แล้ว

เขากังวลว่าหลู่เฟิ่งโหรวจะให้กินยาเพิ่มอีก ฟางผิงจึงใช้ค่าทรัพย์สินช่วยฟื้นฟูปราณอีกครั้ง

ครึ่งชั่วโมงให้หลัง

ฟางผิงฟื้นฟูค่าปราณจนถึงจุดสูงสุด

ทรัพย์สิน : 6,580,000

ปราณ : 239 แคล

จิตใจ : 200 เฮิรตซ์ (219 เฮิรตซ์)

แววตาที่หลู่เฟิ่งโหรวมองฟางผิงเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด

ฟางผิงใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการดูดซับยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสองเม็ด!

คนอื่นๆ ทั้งกระทั่งระดับอย่างเธอ อาจจะดูดซับได้เร็วกว่าฟางผิงอยู่บ้าง

แต่เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะทะลวงขั้นหนึ่ง กลับสามารถดูดซับยาบำรุงได้เร็วพอๆ กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แล้ว!

“ปราณน่าจะอยู่ระหว่างสองร้อยสามสิบแคลถึงสองร้อยห้าสิบแคล”

หลู่เฟิ่งโหรวคาดคะเน ไม่พูดเรื่องความเร็วในการดูดซับอีก เอ่ยอย่างพอใจ

“ทำได้ดี ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปเพิ่งทะลวงด่าน ปราณแตะหนึ่งร้อยแปดสิบถือว่าใช้ได้แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกสองครั้งอยู่ที่ประมาณสองร้อยแคล นายเพิ่งเริ่มก็สูงกว่าสองร้อยสามสิบแคลแล้ว ได้เปรียบกว่าคนอื่นไม่น้อย! ปราณสูง พลังระเบิดและพลังต้านทานแข็งแกร่ง การหลอมกระดูกจะเร็วขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน…คงต้องพูดว่า ความได้เปรียบของการหลอมกระดูกสามครั้งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว ในอนาคตถ้าเป็นไปได้มหาวิทยาลัยคงต้องพยายามกระตุ้นให้นักศึกษาหอมกระดูกครั้งที่สาม…”

พูดได้ครึ่งเดียว หลู่เฟิ่งโหรวก็ส่ายหน้า หลอมกระดูกสามครั้งสิ้นเปลืองเกินไป ทั้งยังใช้เวลานาน ที่สำคัญไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำได้

เรื่องนี้ไม่อาจทำให้เป็นเรื่องทั่วไปได้ ถ้าทำได้จริงๆ มหาวิทยาลัยคงไม่ปล่อยไว้นานขนาดนี้หรอก

แค่หลอมกระดูกสองครั้ง ยังทำได้แค่คนส่วนน้อย

ทั้งยืดเยื้อไม่ให้นักศึกษาทะลวงด่าน รออยู่ในระดับคนธรรมดา จะเป็นการเพิ่มความกดดันให้นักศึกษาด้วยเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์และคนธรรมดา ในสายตาคนส่วนมากยังคงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถึงจะหลอมกระดูกสองครั้งหรือสามครั้งแล้วก็ตาม!

“วันนี้นายเพิ่งทะลวงด่าน ทำความคุ้นเคยกับปราณที่เพิ่มขึ้นเสียหน่อย พรุ่งนี้…ไม่สิ วันเสาร์ให้นายและจ้าวเสวี่ยเหมยมาหาฉัน ไม่ต้องไปที่บ้านพัก ไปโรงฝึกซ้อมนักศึกษาใหม่ ฉันจะสอนอะไรบางอย่างให้พวกนาย พวกนายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันแล้ว ฉันเคยเห็นนายลงมือมาก่อน พื้นฐานวิชาขาถือว่าใช้ได้ แต่ขาดกระบวนท่าที่ระเบิดพลัง ไม่ค่อยมั่นคง พลังทำลายล้างยังอ่อนด้อยอยู่บ้างเช่นกัน สอนกระบวนท่าที่พอจะช่วยรักษาชีวิตพวกนายแล้ว ภารกิจต่อไปของพวกนายก็คือหลอมกระดูก เส้นเลือดและร่างกาย รวมถึงเรียนวิชาวัฒนธรรมและความรู้พื้นฐานของศิลปะการต่อสู้”

พูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดรั้งตัวอยู่ต่อ เดินจากไปทันที

ด้านฟางผิง รอจนเธอออกไปแล้ว ก็อดใจไม่ไหวยกโทรศัพท์ขึ้นมา ข่าวดีอย่างการทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ต้องแบ่งปันให้คนอื่นฟังสักหน่อย!

—————-