ตอนที่ 106 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง (1)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 106 ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง (1)

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน

โซนหนึ่งหอพักนักศึกษาใหม่

วันนี้ฟางผิงไม่ได้ออกกำลังกายเหมือนอย่างเคย เขาเตรียมสภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อมรอคอยหลู่เฟิ่งโหรว

บนโต๊ะมียาบำรุงอยู่สามเม็ด ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ยาเสริมสร้างกระดูก และยาป้องกันอวัยวะภายใน

ยาพวกนี้เขาได้มานานแล้ว ไม่ได้ใช้มาโดยตลอด

นอกจากยาบำรุงตรงหน้า ในมือของฟางผิงยังมียาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาอีกสิบแปดเม็ด

ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งเจ็ดเม็ด สำหรับเด็กใหม่ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว

แม้ตามความเห็นของทุกคน ฟางผิงนั้นหลอมกระดูกครั้งที่สาม การทะลวงด่านคงไม่อันตรายอะไร แค่ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งก็เพียงพอแล้ว

แต่เงินทองเป็นของนอกกาย ชีวิตน้อยๆ นี้เป็นของตัวเขาเอง

ฟางผิงไม่คิดเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อประหยัดยาบำรุงพวกนี้เช่นกัน

หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้มาเร็วนัก รอจนเก้าโมงค่อยมาถึง

ตอนที่เข้าประตูมา เธอมองสำรวจไปทั่วเป็นอันดับแรก พอเห็นยาบำรุงบนโต๊ะ ค่อยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เตรียมซะครบครันเชียว”

บัตรผู้ฝึกยุทธ์ของนักศึกษาใหม่จะแจกให้ในวันนี้ แต่วันนี้ฟางผิงไม่ได้เข้าคลาสอบรม คงไม่ได้บัตรมาอยู่แล้ว

ยาบำรุงพวกนี้ต้องเป็นของที่ฟางผิงเตรียมไว้เอง

หลู่เฟิ่งโหรวกระจ่างเรื่องฐานะของฟางผิงดี

เขาสามารถหายาบำรุงสามเม็ดนี้ก่อนที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย

นักศึกษาหัวกะทิหลายคน พยายามทำงานนับแรมปี ยังไม่อาจรวบรวมของพวกนี้ได้ด้วยซ้ำ

หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดพล่ามอีก “คนธรรมดาข้ามขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ใช้สิ่งใดทะลวงข้อจำกัด?”

“การบุกเบิกของเส้นเดินปราณ!”

“นายฝึกเคล็ดหลอมกระดูกมาแล้ว คงเข้าใจประสิทธิภาพของมันดี ทะลวงเส้นเลือดในร่างกายมนุษย์ ให้ปราณไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงกระดูกและกล้ามเนื้อ คนธรรมดาฝึกเคล็ดหลอมกระดูก เพื่อที่ทะลวงเส้นเลือดหลักทั้งสิบสี่สายผ่านทั่วร่างกาย”

“แน่นอนว่า นี่เป็นความหมายกว้างๆ ร่างกายมนุษย์นั้นมีส่วนประกอบที่ซับซ้อน ตกลงมีเส้นเลือดทั่วร่างเท่าไหร่ แม้จะเป็นตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด คนธรรมดาทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์เพื่อที่จะเปิดเส้นเลือดใหม่ให้มากกว่าเดิม ปราณจะได้สามารถหล่อเลี้ยงกระดูกและกล้ามเนื้อลึกล้ำยิ่งขึ้น นายวางแผนจะหลอมกระดูกขาใช่หรือเปล่า?”

“ครับ”

ฟางผิงพยักหน้า เขาคิดไว้นานแล้ว

“ในเมื่อวางแผนจะหลอมกระดูกขาก่อน งั้นก็ต้องบุกเบิกเส้นเลือดส่วนล่างของร่างกาย เตรียมความพร้อมที่จะหลอมกระดูกขา”

หลู่เฟิ่งโหรวถามไปพลาง “ตอนนี้การบุกเบิกเส้นเลือดส่วนล่าง ต้องทะลวงทั้งหมดหกสิบสองเส้น นายกระจ่างใจเรื่องนี้ดีใช่หรือไม่?”

ฟางผิงละล่ำละลักว่า “รู้ครับ มนุษย์มีกระดูกทั้งหมดสองร้อยหกชิ้น สอดคล้องกับเส้นเลือดสองร้อยหกเส้น ทุกเส้นล้วนสัมพันธ์กับกระดูกแต่ละชิ้น สามารถทำให้การหลอมกระดูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น! กระดูกส่วนล่างมีทั้งหมดหกสิบสองชิ้น…”

ข้อมูลพวกนี้เป็นเนื้อหาในหนังสือเคล็ดหลอมกระดูกพื้นฐาน ตอนที่สอบวิชาเฉพาะก็มีเรื่องพวกนี้ ฟางผิงจึงพอมีความรู้อยู่บ้าง

“งั้นการกระจายของเส้นเลือดหกสิบสองเส้น นายเข้าใจเหมือนกันใช่ไหม?”

“เข้าใจ…”

หลู่เฟิ่งโหรวไม่มากความ เปิดรูปร่างกายมนุษย์ออกมา พูดประกอบว่า

“ทั้งหมดนี้คือเส้นเลือดหกสิบสองเส้น รวมถึงลำดับการบุกเบิก ถ้าเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว นายก็เลือกทะลวงด่านได้ จำไว้ว่าต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน ไม่อย่างนั้นนายบุกเบิกมั่วซั่ว พิกลพิการขึ้นมาอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”

ฟางผิงเผยสีหน้าจริงจัง รีบพยักหน้า เขาไม่ล้อเล่นกับชีวิตตัวเองหรอก ดูจากการเตรียมยาบำรุงน่าจะรู้แล้ว

เขาค่อยๆ ชี้เส้นเลือดในภาพ เรียงลำดับการบุกเบิกให้เธอเห็น

หลู่เฟิ่งโหรวไม่แสดงความเห็นอะไรอีก รอเขาพูดจบ ค่อยเอ่ยว่า “พอใช้ได้ ใช้ยาป้องกันอวัยวะภายในก่อน แล้วกินยาเสริมสร้างกระดูกตาม สุดท้ายถ้าทะลวงเส้นเลือดแล้วรู้สึกว่าปราณไม่เพียงพอ ค่อยใช้ยาบำรุงเลือดและปราณเพื่อให้ปราณสามารถทะลวงผ่านเส้นเลือดที่ถูกปิดกั้นพวกนี้ต่อไปได้ เส้นเลือดหกสิบสองเส้นไม่ได้ถูกปิดทั้งหมด แต่ถูกปิดกั้นแค่ครึ่งเดียว การบุกเบิกไม่ใช่เรื่องยากนัก จากปราณของนาย แม้จะไม่ใช้ยาบำรุงก็มีโอกาสทะลวงเส้นเลือดทั้งหมดได้สูงอยู่ดี นอกจากนี้…”

หลู่เฟิ่งโหรวทิ้งช่วงไปเล็กน้อย “นายยังกลัวตาย!”

ฟางผิงทำหน้ากระดากอาย ดูพูดเข้าสิ!

เขาแค่เตรียมพร้อมให้ครบถ้วนเถอะ?

มียาบำรุงไม่เอามาใช้ จะให้เอาชีวิตไปเสี่ยง นั่นคงเป็นคนโง่แล้ว ถ้ามีโอกาสสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอก

ฟางผิงไม่กล้าโต้แย้ง กินยาเตรียมทะลวงด่านอย่างสงบเสงี่ยม

หลู่เฟิ่งโหรวคอยมองอยู่ด้านข้าง ไม่พูดอะไรอีก

ความจริงเธอคิดว่า มาหรือไม่มาล้วนเหมือนกัน จากความสามารถหลอมกระดูกสามครั้งของฟางผิง รวมถึงเตรียมยาบำรุงทั้งสามเม็ด

หากยังทะลวงด่านไม่สำเร็จ งั้นคนอื่นๆ คงไม่รอดกันหมดแล้ว!

ใครจะสิ้นเปลืองเหมือนฟางผิงขนาดนี้!

ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่ง ราคาสามแสนหยวน

ยาเสริมสร้างกระดูก ราคาห้าแสนหยวน

ยาป้องกันอวัยวะภายใน ราคาหกแสนหยวน

สามอย่างนี้เป็นราคาหนึ่งล้านสี่แสนหยวนแล้ว รวมกับการฝึกวิชาในวันปกติ ฟางผิงที่เป็นคนธรรมดาใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งคนอื่นซะอีก

การทะลวงด่านขั้นหนึ่ง มีแต่คนรวยเท่านั้นที่จะใช้ยาป้องกันอวัยวะภายในแบบนี้

การบุกเบิกเส้นเลือดทั้งหกสิบสองเส้นนั้นง่ายกว่าที่คิดไว้

อย่ามองว่าเส้นเลือดมีจำนวนมาก แต่เดิมทีเส้นเลือดพวกนี้ก็ไม่ได้ปิดกั้นทั้งหมด

ฟางผิงหลอมกระดูกสามครั้ง ปราณสูงถึงสองร้อยเก้าแคล ที่จริงได้ทะลวงเส้นเลือดบางส่วนไปนานแล้ว

ฟางผิงใช้ยาเสริมสร้างกระดูกและยาป้องกันอวัยวะภายใน ชั่วพริบตาเดียวทะลวงได้กว่าสิบเส้นแล้ว

ฟางผิงยังมีใจมาเหลือบมองการลดลงของปราณ

เขาพบว่าปราณสิ้นเปลืองน้อยกว่าที่คาดไว้

ปราณ : 198 แคล (215 แคล)

ทะลวงเส้นเลือดบางส่วนไปแล้ว ขีดจำกัดปราณของฟางผิงเพิ่มขึ้นมาหกแคล แต่สิ้นเปลืองแค่สิบเอ็ดแคลเท่านั้น

เวลานี้ฟางผิงค่อยวางใจ เริ่มพุ่งเป้าไปที่การทะลวงเส้นเลือดแทน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ฟางผิงทะลวงเส้นเลือดเกินกว่าครึ่งแล้ว

ตอนนี้ปราณมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

ปราณ : 175 แคล (225 แคล)

หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างหาวหวอดออกมา ไม่มีท่าทีแปลกใจกับการทะลวงด่านของฟางผิงสักนิด

เห็นเขาก็รู้แล้ว ไม่ต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณคงสามารถบุกเบิกเส้นเลือดทั้งหมดได้อยู่ดี

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง

ตอนนี้เส้นเลือดทั้งหกสิบสองเส้นของฟางผิง เหลือแค่ส่วนของกระดูกสะโพกสองเส้นที่ยังไม่ได้ทะลวง

ในเวลานี้ปราณยังคงลดลงน้อยกว่าที่คาดไว้

ปราณ 132 แคล (234 แคล)

ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะขยับมือคว้ายาบำรุงเลือดและปราณเข้าปาก

มุมปากของหลู่เฟิ่งโหรวกระตุกเล็กน้อย ลูกศิษย์ก่อนหน้านี้แทบไม่กลัวตาย เธอนั้นกลุ้มใจจริงๆ

แต่ตอนนี้ล่ะ?

เจอกับลูกศิษย์ที่กลัวตายอย่างสุดขีด เธอไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะรู้สึกยังไง!

เธอรับรู้ได้ว่าปราณของฟางผิงยังอยู่ในระดับสูง อย่างน้อยคงประมาณหนึ่งร้อยสามสิบแคล

สถานการณ์แบบนี้ อย่าบอกเลยว่าฟางผิงยังเหลือเส้นเลือดหลายเส้นไม่ได้ทะลวงเลย แต่ถึงจะเหลือกว่าครึ่ง บางคนคงยืนหยัดทะลวงต่อไปอยู่ดี

คนธรรมดาทั่วไป ปราณมีแค่หนึ่งร้อยห้าสิบแคลเท่านั้น พวกเขาถึงจำเป็นต้องใช้ยาบำรุงเลือดและปราณเพื่อช่วยเหลือ

เงื่อนไขของฟางผิงนั้นดีกว่า คาดไม่ถึงว่ายังจะใช้ยาบำรุงเลือดและปราณอีก!

หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยากพูดอะไรแล้ว หากฟางผิงทะลวงไม่สำเร็จ เธอจะไปเปลี่ยนชื่อในทะเบียนบ้านว่า ‘ฉันตาบอด!’

—————-