ตอนที่ 105.2 อัจฉริยะหรือจะสู้คนมีความสามารถ (2)

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน

ตอนที่ 105 อัจฉริยะหรือจะสู้คนมีความสามารถ (2)

หลู่เฟิ่งโหรวตัดบทว่า “ได้ยินมาจากใคร? ช่างเถอะ ไม่มีความจำเป็นต้องสนใจเรื่องพวกนี้ นายยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ ใครจะมาคิดเล่นงาน อย่าหลงตัวเองเกินไป นี่เป็นการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยทั่วไปกับมหาวิทยาลัยชื่อดัง ไม่เกี่ยวกับพวกนาย! แต่ตอนนี้หวังจินหยางมีส่วนเกี่ยวพันอยู่จริงๆ อาจารย์ของเขาติดอยู่ใน…อยู่ในสถานที่อันตราย เขาอยากจะทะลวงด่านให้เร็วที่สุด แต่เมื่อไม่มีอำนาจและการสนับสนุนของครอบครัว เขาจึงเลือกทำตัวเป็นจุดสนใจ ยอมฝ่าฟันเพื่อมณฑลหนานเจียง เพื่อมหาวิทยาลัยหนานเจียง แลกเปลี่ยนกับทุกสิ่งที่เขาต้องการ! หวังจินหยางอาจจะตายไว ทั้งอาจจะพัฒนาอย่างพุ่งพรวด นี่เป็นเส้นทางที่เขาเลือกเอง คนอื่นไม่อาจซ้ำรอยได้ง่ายๆ แต่นายอย่าได้กังวลเกินไป หวังจินหยางไม่ใช่พวกไร้สมอง เขายังมีปรมาจารย์หนุนหลังอยู่ คงไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัย หากเขาสามารถทะลวงขั้นเป็นปรมาจารย์ได้รวดเร็วจริงๆ ปรมาจารย์สองคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนล้วนเป็นพลังที่ไม่อาจมองข้าม! เมื่อเรื่องเกี่ยวพันถึงปรมาจารย์ ระยะห่างก็จะไกลจากนาย ตอนนี้นายไม่มีความจำเป็นต้องสนใจ นายอยากจะทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์นี่? ยื่นคำร้องขอยาบำรุงหรือยัง?”

“ผมมีแล้ว”

ฟางผิงเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ในใจ ไม่คิดจะสาวความต่อ เหมือนที่หลู่เฟิ่งโหรวบอก เขายังอ่อนแอเกินไป ไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าไปเกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

การแข่งขันของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหล่าหวัง เกี่ยวพันไปถึงการแข่งขันของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และพวกปรมาจารย์ ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะเข้าไปยุ่งได้

เรื่องที่สำคัญในตอนนี้คือการทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์

“มีก็ดีแล้ว เอาแบบนี้ พรุ่งนี้ฉันจะไปหานายที่หอพัก นายเตรียมตัวสักหน่อย ดีแล้วที่เลือกทะลวงด่าน ความจริงนายหลอมกระดูกสามครั้ง การปะทุปราณระหว่างทะลวงด่านจะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อนาย ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ของนาย ฉันหวังให้นายก้าวหน้าอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ก้าวกระโดดเร็วเกินไปจนต้องไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้ จำบทเรียนของรุ่นพี่พวกนั้นของนายไว้ให้ดี พวกเขาตายไปกว่าครึ่งแล้ว หลายปีที่ผ่านมา ฉันใกล้ชิดผูกพันกับพวกเขา แต่เมื่อฉันมองพวกเขาเป็นลูกของตัวเอง เป็นคนผมขาวที่ต้องส่งศพคนผมดำ ฉันค่อยเข้าใจขึ้นมาและก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ฉันเป็นแค่อาจารย์ของพวกนาย ส่วนเส้นทางพวกนายต้องเป็นคนเลือกเอง…หากมอบความผูกพันให้พวกนาย นายตายฉันคงเสียใจ กลับกันฉันตาย นายคงเสียใจไม่ต่างกัน เรื่องนี้ไม่ต้องคิดจริงจัง”

“หวังจินหยางก็เป็นแบบนี้ จางชิงหนานไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ความจริงอาจจะตายไปนานแล้ว แต่หวังจินหยางยังเพ้อฝันว่าจะช่วยเขาได้ หากไม่ใช่แบบนี้ เขาคงไม่มีความจำเป็นต้องทำเรื่องทั้งหมด…”

หลู่เฟิ่งโหรวถอนหายใจ เธอไม่ใช่ไร้ความรู้สึก ทั้งไม่ได้ชอบเรื่องวุ่นวาย แต่ไม่อยากให้พวกลูกศิษย์ผูกพันกับตัวเองอีกแล้ว

มันเกินกว่าจะรับได้!

ลูกศิษย์ที่เธอรับเข้ามากลุ่มแรกมีสามคน เป็นคนที่เธอดูแลเหมือนเป็นลูก!

ผลลัพธ์ล่ะ?

ทั้งสามคนยินดีไปถ้ำใต้ดิน ตายไปสอง พิการอีกหนึ่ง!

หลู่เฟิ่งโหรวอยากร้องไห้กลับไม่รู้ว่าจะไปร้องที่ไหน อยากล้างแค้นก็ไม่รู้ว่าต้องจัดการกับใคร!

หลังจากนั้นลูกศิษย์ยังตายคนแล้วคนเล่า เธอรับไม่ไหวไปตั้งนานแล้ว

ตอนนี้รับลูกศิษย์เป็นเพราะได้รับคำสั่งมา

คุยกับฟางผิงไม่กี่คำ หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยปากไล่คน “เอาล่ะ ตามนี้แล้วกัน ฉันจะนอนกลางวันแล้ว”

ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะไล่คนตรงเกินไปแล้ว

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลู่เฟิ่งโหรวชอบทำอะไรง่ายๆ ลดปัญหาของเขาไปได้เช่นกัน

รอจนฟางผิงหยัดกายขึ้น หลู่เฟิ่งโหรวคล้ายจะคิดอะไรได้ รีบบอกเลขออกมารัวๆ “นี่เป็นเบอร์โทรของรุ่นพี่ มีเรื่องสามารถติดต่อเธอได้ แต่ถ้าไม่มีอะไร อย่าได้รบกวนคนอื่น แน่นอนว่าถ้ามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงกว่ามาหาเรื่องนาย ติดต่อเธอได้เลย หากเป็นอาจารย์ก็บอกฉันโดยตรง นายจะตายในภารกิจได้ ตายข้างนอกไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเรื่องในมหาวิทยาลัยให้มาหาฉัน!”

“ขอบคุณครับอาจารย์”

หลู่เฟิ่งโหรวโบกมือไล่คน ไม่สนใจสักนิดว่าเขาจะซาบซึ้งหรือเปล่า

รอฟางผิงจากไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะต่อสายหาใครบางคน “พวกคุณจะสู้ก็สู้กันเอง อย่าลากมาเกี่ยวข้องกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว โดยเฉพาะทางฉัน! อย่าหาเรื่องให้ฉัน หากแตะโดนขนฉันแค่เส้นเดียว ฉันจะตัดคอพวกคุณทั้งตระกูล!”

ปลายสายอีกฝั่งตกตะลึงไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยว่า “คุณเป็นภรรยาผมนะ!”

“หย่าไปนานแล้ว!”

“งั้นเหรอ?”

“ไร้สาระ!”

“งั้นที่คุณอ้างชื่อผมไปข่มคนอื่นล่ะ?”

“ฉันพอใจ คุณจะทำไม รอฉันทะลวงเป็นปรมาจารย์แล้ว คุณจะไปไหนก็ไปเลย!”

“…”

ปลายสายนั้นไร้คำจะเอ่ย ผ่านไปพักหนึ่งค่อยเอ่ยด้วยเสียงอ่อนล้า “ไม่หรอก แค่มองภาพรวมเป็นหลักเท่านั้น ไม่มีใครคิดจะลากเรื่องไปเกี่ยวพันกับคนอื่นหรอก มหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เซี่ยงไฮ้แย่งชิงทรัพยากรมากมายขนาดนี้เพื่อให้ผมหรือไง? ลูกสาวของผมตายไปนานแล้ว ภรรยาก็หย่าไปแล้ว หัวเดียวกระเทียมลีบอย่างผมจะแย่งชิงทั้งหมดไปเพื่อใคร? ผมทำเพื่อรวบรวมทรัพยากร…”

“อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้กับฉัน ไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน!”

หลู่เฟิ่งโหลวตัดบท วางสายไปทันที

ด้านนอกประตู

ฟางผิงพึมพำ “เอาแต่พูดเรื่องตาย ตกลงผู้ฝึกยุทธ์ตายยังไงกัน!”

“ลัทธินอกรีต?”

“ภารกิจ?”

“หรือสาเหตุอื่น?”

“อาจารย์ของหวังจินหยางอาจจะตายแล้ว…เด็กผู้หญิงครั้งก่อน เป็นลูกสาวของอาจารย์เขา?”

“เรื่องที่หวังจินหยางตระเวนไปทั่วเซี่ยงไฮ้และทางเหนืออาจมีเหตุผลอื่นอยู่ในนั้น…ซับซ้อนชะมัด!”

“ช่างเถอะ ฉันอ่อนแอเกินไป ตอนนี้ยังต้องสะสมความสามารถและเงินทอง มีทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉันถึงจะมีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวเรื่องพวกนี้ ช่วยเหล่าหวังก็ดี ช่วยตัวเองก็ดี ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความสามารถทั้งสิ้น”

“ไม่มีความสามารถ อาจจะเป็นเรื่องปลอดภัย แต่นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการเหรอไง?”

“หลู่เฟิ่งโหรว…”

สุดท้ายค่อยพึมพำชื่อของอาจารย์ตัวเอง อาจารย์คนนี้ไม่ได้สติฟั่นเฟืองอย่างที่ตัวเองคิดไว้

เป็นคนใจเย็นและเฉลียวฉลาดคนหนึ่ง

สาเหตุที่มีอัตรานักศึกษาตายสูง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะก้าวหน้ารวดเร็วเกินไป!

จุดนี้ทำให้ฟางผิงคาดไม่ถึงจริงๆ

“ไม่สนแล้ว ทะลวงขั้นหนึ่งก่อน จากนั้นค่อยพยายามเข้าสู่ขั้นสามให้เร็วที่สุด จากที่ได้ฟังคำพูดของทุกคนแล้ว ถ้าตัวเองไม่รนหาที่ตาย คงจะไม่ตายง่ายๆ ถ้าตายนั่นหมายถึงทำตัวเอง ฉินเฟิ่งชิงก็ใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ไม่ใช่หรือไง? เหล่าหวังยังอยู่มาจนถึงตอนนี้ เพราะมีความสามารถมากพอ สรุปแล้วต้องมีความสามารถ ไม่งั้นก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ถึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้…”

พึมพำเรื่องพวกนี้แล้ว ฟางผิงค่อยถอนหายใจ ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไป

ในเวลาเดียวกัน

ปักกิ่ง

หวังจินหยางหมุนกายเตรียมจะจากไป

ด้านหลังคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายจากมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้ปักกิ่ง กระอักเลือดว่า “หวังจินหยาง เก่งจริงทำไมไม่ประลองกับประธานของพวกเรา! นายเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยต่อสู้หนานเจียงไม่ใช่เหรอ? หรือไม่กล้าจะลองสักครั้ง?”

หวังจินหยางไม่สนใจ รอจนลงเวทีแล้ว มีคนเอ่ยว่า “ทำไมไม่ลองดูสักหน่อย?”

หวังจินหยางชำเลืองตามองเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “นายปัญญาอ่อนหรือคิดว่าฉันปัญญาอ่อนกัน?”

ทิ้งคำพูดไว้ ก่อนหวังจินหยางจะเดินผ่านไป ขั้นสามสู้กับขั้นสี่ จะให้ส่งตัวเองไปตายหรือไง?

เขาไม่ได้ติดหนี้คนพวกนี้ ทุกคนแค่ยินยอมทั้งสองฝ่าย นายได้ประโยชน์ของนาย ฉันได้ประโยชน์ของฉัน เรื่องมอบชีวิตให้ คิดว่าเขาจะทำหรือไง?

หรือคิดว่าหวังจินหยางนั้นทนแรงยั่วยุไม่ได้?

คนที่ถูกตะคอกนั้นไม่พอใจอยู่บ้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงโมโห “หวังจินหยาง นายอย่าลืมว่า…”

เขาพูดไม่ทันจบ ชั่วพริบตานั้นดาบยาวก็ฟาดลงที่ไหล่เขาทันที!

“พลั่ก!”

การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วจนทำให้คนไม่ทันตั้งตัว!

“โง่เง่า! พูดพล่ามอีก ครั้งต่อไปจะเป็นหัวของนายแทน!”

แค่นหัวเราะแล้ว หวังจินหยางไม่รั้งตัวอยู่นาน เดินออกไปทันที

“อ๊าก!”

เสียงร้องโอดครวญดังขึ้นโดยพลัน ผู้คนที่มุ่งดูรอบๆ ต่างใบหน้าเปลี่ยนสี มองไปที่หวังจินหยางอีกครั้ง

ผู้ฝึกยุทธ์ที่กระอักเลือดบนเวทีหน้าซีดเผือดเช่นกัน ไม่พูดพร่ำอะไรอีก มองอีกฝ่ายจากไปอย่างเงียบเชียบ

คนอื่นๆ ต่างไม่กล้าส่งเสียง หวังจินหยางใกล้จะทะลวงขั้นสี่แล้ว ยังมีปรมาจารย์คอยหนุนหลัง ไม่ใช่คนที่ใครจะแตะต้องได้ง่ายๆ

———————–