ตอนที่ 105 ซาบซึ้งและขอบคุณ

Perfect Superstar

ตอนที่ 105 ซาบซึ้งและขอบคุณ

วันที่ 24 กรกฎาคม เวลา19.05 น.

เมืองปินไห่ มณฑลเจ๋อตง หมู่บ้านตงผิง ตึกที่ 7 ห้อง 201 ในห้องครัว

ฟางอวิ๋นนำถ้วยและตะเกียบที่เพิ่งล้างสะอาดเก็บเข้าตู้

“แม่ รีบมาดูเร็ว!”

จากห้องรับแขกด้านนอก เสียงเรียกอย่างตื่นเต้นของลู่เสวี่ยดังขึ้นมา “การแข่งขันของพี่จะเริ่มแล้ว!”

“รู้แล้วน่า!”

ฟางอวิ๋นรับคำ เช็ดมืออันเปียกปอนกับผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่รอบเอวอย่างลวกๆ รีบวิ่งออกมา

เธอนั่งข้างลู่เสวี่ย จ้องดูภาพในโทรทัศน์นิ่งค้าง บ่นออกมาว่า “มีพี่ชายลูกที่ไหน ยังเป็นข่าวฮอตนิวส์อยู่เลย! เด็กคนนี้นี่ชอบหลอกแม่อยู่เรื่อย!”

ลู่เสวี่ยหัวเราะชอบใจ กอดแขนฟางอวิ๋น ซบศีรษะลงบนบ่าของเธอพลางบอก “ถ้าแม่ยังไม่มา แสดงว่ากำลังยุ่งอยู่ หนูเลยหลอกแม่ให้มาพักผ่อนก่อน เดี๋ยวจะถึงรายการของพี่แล้ว”

“พรุ่งนี้จะให้ลูกทำความสะอาดบ้านทั้งหมด!”

ฟางอวิ๋นส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย นัยน์ตาเอ่อคลอไปด้วยความรักและอ็นดู

แต่ดวงตายังจ้องเขม็งอยู่ที่หน้าจอ

เวลา 19.15น.

ห่างออกไปสองพันกิโลเมตรในเมืองหลวง หอพักนักศึกษามหาวิทยาลัยครูแห่งนครปักกิ่ง ตึกหมายเลข 7 ห้อง 305

เยี่ยจื่อถงนั่งพิงหัวเตียงอยู่คนเดียว สวมหูฟังเปิดคอมพิวเตอร์

หลายวันนี้รูมเมทของเธอต่างออกไปเที่ยว แต่เธอก็ไม่เหงาเลย กลับรู้สึกถึงความพึงพอใจว่าทั้งหมดบนโลกใบนี้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว เธอเลื่อนนิ้วควบคุมเม้าส์ไปเปิดเว็บเบราว์เซอร์อย่างคุ้นเคย เปิดที่อยู่เว็บไซต์ที่เก็บเอาไว้

บนหน้าเว็บไซต์ปรากฏรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แห่งเมืองหลวงขึ้น เป็นรอบคัดเลือก 32 คนเหลือ16 คน เข้าสู่การนับถอยหลังเริ่มรายการ

จ้องมองตัวเลขเวลาที่เหลือน้อยลงเรื่อยๆ หัวใจของเยี่ยจื่อถงพลันเต้นแรงขึ้นมา!

เธอไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้น

เหมือนดอกท้อสีสดใส

เวลา 19.20 น.

ย่านทะเลสาบโห่วไฮ่ บาร์เดย์ลิลลี่

วันนี้เป็นคืนวันสุดสัปดาห์ แม้ว่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลาทอง แต่ทั้งบาร์กลับไม่มีที่นั่งเหลือแล้ว

น่าแปลกที่บนเวทีไม่มีการร้องเพลงจากนักร้องคนใด แม้แต่ดนตรียังไม่มีเลย

บนจอแอลอีดีขนาดใหญ่กำลังฉายข่าวของช่องโทรทัศน์ จากตราโลโก้มุมด้านซ้ายของจอเป็นสัญลักษณ์ของช่องสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง

สถานการณ์แบบนี้มักไม่มีให้เห็นได้บ่อยนัก…ใครจะมานั่งดูข่าวในบาร์?

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินเจี้ยนหาวถือไมโครโฟนขึ้นไปบนเวที

พูดใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “เชื่อว่าทุกคนคงรู้แล้วว่า คืนนี้นักร้องหลักที่เคยร้องเพลงอยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่ของเราลู่เฉิน เข้าร่วมการประกวดร้องเพลงรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ รอบ 32 คนคัดเลือกเหลือ 16 คนสุดท้ายในวันนี้”

“พวกเราจะดูการถ่ายทอดสดพร้อมกันที่นี่ เพื่อส่งกำลังใจให้ลู่เฉิน พวกเราต่างเป็นทีมญาติมิตรของเขา!”

“คืนนี้ค่าเครื่องดื่มทั้งหมดลด 20 เปอร์เซ็นต์!”

เสียงปรบมือ เสียงหัวเราะ เสียงเป่าปาก เสียงดีใจดังขึ้นในบาร์ทั่วไปหมด

แขกหลายคนยกแก้วในมือขึ้นสูง แสดงความขอบคุณต่อเฉินเจี้ยนหาว ขณะเดียวกันก็เพื่อส่งเสริมลู่เฉิน

อย่าให้ทุกคนผิดหวังนะ!

เวลา 19.25 น.

ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน ตึก A8 ห้อง 1905 ออฟฟิศของลู่เฉิน

ออฟฟิศที่ยังตกแต่งไม่เสร็จข้าวของรกรุงรังไปหมด โต๊ะทำงานและเก้าอี้วางกระจัดกระจายไปทั่ว มุมผนังมีกล่องวอลเปเปอร์ทั้งเล็กใหญ่กองรวมกันอยู่ อากาศในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นกาว

ในห้องออกอากาศสด หลี่เฟยอวี่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหม่ เขาสวมหูฟังอันใหญ่เผชิญหน้าอยู่กับคอมพิวเตอร์ใหม่ กล้องถ่ายวีดีโอใหม่ และไมโครโฟนใหม่ ตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคนดูให้ดี เหลือเวลาอีกห้านาที”

“พอเพลงเริ่มขึ้น ทุกคนร้องไฮออกมาดังๆ เลย ตามผม…”

“เชียร์ลูกพี่ลู่เฉินไปพร้อมกัน!”

“สู้ๆ!”

บนหน้าจอมีข้อความใหม่เด้งขึ้นมานับไม่ถ้วน ลูกบอลปลาอีกมากมายร่วงลงมาเหมือนฝนตก

เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหญ่เข้ามาในจออย่างโอ่อ่าแล้วผ่านไป!

เวลา 19.27 น.

แกรนด์สตูดิโอของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เขตรอหลังเวที

ลู่เฉินกอดกีตาร์สุดที่รักเอาไว้ รอเวลาขึ้นเวที

ด้านนอกเสียงของพิธีกรดังกึกก้องขึ้น

คืนนี้รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ การแข่งขันรอบคัดเลือกรอบ 32 คนเหลือ 16 ผู้แข็งแกร่ง ด้วยการลงคะแนนจากผู้ชมในห้องส่งและการโหวตจากผู้ชมทางบ้าน เวลาที่เคยออกอากาศช้ากว่าเวลาเริ่มถ่ายทำ 60 นาทีเปลี่ยนเป็น 5 นาที ถือว่าเป็นการถ่ายทอดสดของจริงแล้ว!

ลู่เฉินถูกจัดอันดับให้ขึ้นเวที ได้หมายเลข 001

เบื้องหลังยังมีผู้เข้าแข่งขันอีก 31 คน ล้วนแล้วแต่คัดเลือกมาจากคนเป็นพันเป็นหมื่น ถึงได้คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันในคราวนี้

คืนนื้ ต้องมีผู้เข้าแข่งขันครึ่งหนึ่งถูกคัดออกไป อำลาเวทีกลับบ้านไปก่อน

ลู่เฉินรู้ว่าทั้งหน้าจอโทรทัศน์และหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีอีกหลายคนทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จักกำลังรอดูเขาร้องเพลงอยู่ ในนั้นเป็นญาติและเพื่อนฝูง

แต่เขาไม่มีความตื่นเต้นแม้แต่น้อย เขาสงบสุขราวกับกำลังจะได้ดื่มชายามบ่ายและพูดคุยกับเพื่อนเก่า

“ต่อไปขอเชิญผู้เข้าแข่งขันในเขตเมืองหลวงรอบ 32 คน หมายเลข 001 ลู่เฉินบนเวทีครับ!”

เสียงปรบมือดังขึ้น เหมือนกับฝนในฤดูร้อนซึ่งรวดเร็วรุนแรงพัดผ่านไปทั่วทั้งแกรนด์สตูดิโอ

โหมกระหน่ำเข้าสู่แก้วหูของลู่เฉิน

แววตาของลู่เฉินเป็นประกายวับวาว มุมปากแต้มรอยยิ้มน้อยๆ

เขาก้าวขึ้นบนเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือ ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นมั่นคงจนกระทั่งมายืนอยู่กลางเวที ภายใต้แสงไฟสปอร์ตไลท์ที่สาดส่อง

เผชิญหน้ากับกรรมการทั้งสี่คน กล้องถ่ายทำ 27 ตัว และผู้ชมในห้องส่งอีก 1500 คน!

“อาจารย์กรรมการทั้งสี่ท่าน ผู้ชมทุกท่าน สวัสดีครับ!”

ลู่เฉินมองตรงไม่วอกแวก พูดใส่ไมโครโฟนว่า “ผมคือผู้เข้าแข่งขันหมายเลข001 ลู่เฉิน”

พูดจบ เขาก้มตัวลงคำนับ

เสียงปรบมือที่เพิ่งขาดหายไปกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง ฟังออกว่าเขาได้รับความชื่นชอบและการสนับสนุนจากผู้ชมมากแค่ไหน

ทั้งเพลง ‘เดินไปร้องไป’ เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ทำให้การแข่งขันในรอบแรกของลู่เฉินโดดเด่น ชื่อเสียงของเขาโด่งดังในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ และทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกถึงความแปลกหน้าอีกต่อไป

ต่อให้เป็นการแข่งขันซ้ำจนถึงรอบ 32 คน

สัปดาห์ก่อนหรือก็คือวันที่ 19 กรกฎาคม การจัดอันดับเพลงยอดนิยมในประเทศจีนสัปดาห์ที่สามของเดือนกรกฎาคม จากการโฆษณาเผยแพร่ เพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของอันดับเพลงจีน!

วงเฮสิเทชั่นมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก กลายเป็นวงนักร้องหน้าใหม่มาแรง ผู้ที่แต่งคำร้องและทำนองเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ อย่างลู่เฉิน ชื่อของเขาถูกจารึกไว้ในใจของคนในวงการไม่น้อย

หนึ่งในกรรมการผู้ร้องเพลงรักหวานซึ้งอย่างเฉินเฟยเอ๋อร์ถามว่า “ลู่เฉิน เราได้พบกันอีกแล้ว คืนนี้คุณเตรียมเพลงอะไรมาฝากทุกคนคะ เป็นเพลงที่คุณแต่งเองอีกหรือเปล่า”

เธอทำท่าตั้งตารอ ประจวบเหมาะกับจังหวะที่กล้องตัวหนึ่งหันไปจับภาพเธอ

ลู่เฉินไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เขาพยักหน้าตอบว่า “ใช่ครับ คืนนี้เพลงที่ผมนำมามอบให้ทุกคนพิเศษมาก เป็นหนึ่งในผลงานเพลงของผม เป็นเพลงบัลลาดในมหาวิทยาลัย…”

“ชื่อของมันคือ เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน!”

ถานหงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะรอคอยการแสดงที่สุดยอดของคุณ”

เสียงดนตรีดังขึ้น

ลู่เฉินก้มหน้าลง ดีดลงบนกีตาร์เบาๆ

เริ่มการแสดงของเขา

“พรุ่งนี้เธอจะนึกออกไหม ไดอารี่ที่เธอเขียนไว้เมื่อวาน พรุ่งนี้เธอจะจำได้ไหม คนที่ชอบร้องไห้ที่สุด”

“พวกอาจารย์คงลืมไปแล้ว ว่าเธอเดาคำตอบไม่เคยถูก ฉันบังเอิญไปเปิดอัลบั้มรูป จึงนึกถึงเธอที่เคยนั่งอยู่ข้างๆ!”

เพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ ลู่เฉินได้ขับร้องมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาทุกครั้งไม่เหมือนกันเลย บอกไม่ได้ว่าครั้งไหนที่ร้องดีที่สุด แต่ทุกครั้งเขาเปล่งเสียงร้องออกมาจากหัวใจ

บทเพลงไม่ซับซ้อน เนื้อร้องที่ธรรมดาสองท่อน ความแตกต่างของโทนเสียงไม่กว้างมาก เพียงแค่หกโทนเท่านั้น

แต่ทำนองของมันดีเยี่ยม เรียบง่าย ร้องง่าย ยังเจือปนด้วยความละเอียดอ่อนดุจแพรไหมในคำร้อง สามารถกระตุกใจคนฟังได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกคล้อยลอยตามอย่างฉุดไม่อยู่ พาให้นึกย้อนกลับไปถึงห้วงเวลาในอดีต

ตัวโน้ตอันอ้อยอิ่ง ทำนองที่สดใสของเพลง ให้ความรู้สึกถึงช่วงเวลาแห่งอารมณ์อันใสซื่อบริสุทธิ์และหมกมุ่นในวัยเรียน ดังนั้นจึงเป็นผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมของลู่เฉินเพลงหนึ่ง

ต่างจากช่วงเวลาปกติ เพลงนี้เมื่อผ่านการเรียบเรียงเพลงใหม่จากสตูดิโอเนี่ยผาน เสียงเปียโนและเครื่องดนตรีที่หวังจิ้งใส่เป็นทำนองเพิ่มเข้าไป ทำให้เพลงดูมีสีสันมากขึ้น ยิ่งเพิ่มความโหยหาอดีตให้ดิ่งลงไปมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ ลู่เฉินถึงได้นำเพลง ‘เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน’ มาแสดงบนเวทีประกวดที่แท้จริง เพลงนี้เป็นผลงานคลาสสิคที่มีเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย กลับยิ่งทำให้คนหลงใหล

ต่อให้เคยฟังแล้วหลายรอบ ยังถูกเพลงทำให้ซาบซึ้งคล้อยตามได้ทุกที!

ห้องแกรนด์สตูดิโอถ่ายทอดสดตกอยู่ในความเงียบ เงียบสนิท ทุกคนต่างเงี่ยหูฟังดื่มด่ำไปกับมัน

หลายคนมากๆ ที่ถูกเสียงร้องอันโหยหาของลู่เฉินชักจูงให้กลับไปนึกย้อนถึงวันวาน ไปสู่วัยเยาว์อันสวยงามของตัวเอง….ทั้งยางลบก้อนที่เคยยืม สมุดโน้ตที่เคยลอก คำขีดเขียนบนโต๊ะเรียน…

มันช่างสวยงามเหลือเกิน ทั้งหวานซึ้ง ล้วนลอยผ่านไปเหมือนสายลม!

“ใครกันช่วยมัดผมให้เธอ ใครเล่าที่ตัดชุดแต่งงานให้เธอ ลา…”

จนกระทั่งลู่เฉินร้องจบ ทั้งห้องส่งยังคงเงียบสงัดเหมือนเดิม

แปะ! แปะ! แปะ!

เสียงปรบมือจากคนแรกคือกรรมการหลินจื้อเจี๋ย

ในสายตาของผู้อำนวยเพลงแห่งเฟยสือเรคคอร์ด มีแววเห็นดีเห็นงามและชื่นชมที่ปิดไว้ไม่มิด

หลังจากนั้นเหมือนทุกคนเพิ่งตื่นจากภวังค์ เสียงปรบมือค่อยๆ ดังขึ้น จากเสียงปรบมือสะเปะสะปะค่อยๆกลายเป็นจังหวะเดียวกันที่พร้อมเพรียง ช่างเป็นเสียงปรบมือที่ทรงพลังมาก!

เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืน ปรบมือให้กับลู่เฉิน ดวงตาของเธอสุกสกาวราวกับคริสตัล

ผู้ชมหลายคนลุกขึ้นยืนตาม แม้การแข่งขันจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ลู่เฉินเป็นผู้เข้าแข่งขันคนแรกที่ขึ้นเวที แต่บรรยากาศในห้องส่งคึกคักจนถึงขีดสุด!

“ขอบคุณครับ!”

ลู่เฉินก้มโค้งตัวขนานกับพื้น เอ่ยอย่างจริงใจ “ขอบคุณทุกคนมากครับ!”

หัวใจของเขาไม่สงบราบเรียบอีกต่อไป

ความรู้สึกแบบนี้ช่างดีจริง!

ผ่านไปหนึ่งนาทีเต็ม ในที่สุดเสียงปรบมือก็สิ้นสุดลง ทุกคนกลับไปนั่งลงที่ของตัวเอง

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดว่า “ลู่เฉิน ฉันชอบเพลงของคุณเพลงนี้มาก ชอบมากจริงๆ!”

เธอถึงกับตื่นเต้นเล็กน้อย “ดังนั้นฉันให้คุณสิบคะแนนเต็ม!”

เธอเพิ่งพูดจบ ราชินีแห่งเพลงหวานกดปุ่มให้คะแนนบนโต๊ะกรรมการ ให้ลู่เฉินคะแนนสูงสุด

ลู่เฉินทั้งดีใจทั้งตกใจ พูดได้แต่คำว่า

“ขอบคุณครับอาจารย์”

การแข่งขันคัดเลือก 32 คน เหลือ 16 คน รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จะต้องได้คะแนนจากกรรมการ ผู้ชมทางห้องส่ง และผู้ชมทางบ้านมาตัดสินผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 16 คน ในนั้นคะแนนจากกรรมการมีอัตราส่วนสูงถึง 40%

เฉินเฟยเอ๋อร์คนแรกก็ให้เขา 10 คะแนนไปแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชัยชนะของลู่เฉินข่มหมายเลขอื่นไปหมด!

เธอยิ้มพลางพูดว่า “ฉันก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกันที่ทำให้ฉันได้ฟังเพลงที่ดีเพลงหนึ่ง จริงๆ นะ”

ในรอยยิ้มปนน้ำตา

รู้สึกเหมือนเธอจะซาบซึ้งเช่นเดียวกัน

…………………………………………………………….