ข้าทำอะไรผิดไปหรือ? ข้าร้อนตัวเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ผิดที่จะตอบแทนคนที่ช่วยชีวิตไว้ไม่ใช่หรือ?
โพ่เทียนล่ะ? ข้าหันไปมองโพ่เทียน แต่โพ่เทียนก็ยิ้มอ่อนโยนอยู่ตลอด
เหมียว ไม่มีอะไรผิด ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด โพ่เทียน! ข้าร้องเหมียวแล้วกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของโพ่เทียน
“อาเป่าขอบคุณเจ้า อัลทิส” โพ่เทียนยิ้มอย่างสวยงาม
ใช่ โพ่เทียน ข้าขอบคุณเขา
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้รับของขวัญจากคนอื่น…” เสียงของอัลทิสดูน่าดึงดูดราวกับแม่เหล็ก ”จู่ๆ ข้าก็เข้าใจความรู้สึกของเจ้านิดหน่อยแล้ว เข้าใจที่เจ้าบอกว่านางแตกต่างแล้ว”
โพ่เทียนยิ้มน้อยๆ ”นางบริสุทธิ์ที่สุด”
อัลทิสหัวเราะและหยิบขนมปังแล้วเงยหน้าขึ้นมาหาข้า ”ของขวัญของเจ้า ข้าขอรับไว้นะ”
แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร แต่ข้าก็เข้าใจท่าทางของเขา และเขาก็รับของขวัญขอบคุณจากข้าแล้ว เหมียว เยี่ยมมาก
“นายท่าน อาเป่าน่ารักจัง ฮ่าๆๆ” ลีน่ามองข้าไม่ละสายตาเลย
มองอะไรกัน เอาแต่มองข้าทั้งวันเลย มีอะไรน่ามองนัก?
โพ่เทียนยิ้มและก้มหน้าลงลูบหัวข้าเบาๆ และเริ่มกินอาหารเช้า
จากวันนี้เป็นต้นไป โพ่เทียนก็พาข้าไปกับเขาตลอด ข้าถึงได้รู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่โพ่เทียนต้องทำ ในห้องขนาดใหญ่นั้น มีชั้นหนังสือมากมายและมีหนังสือบนชั้นหนังสือเยอะมาก เขานั่งลงบนโต๊ะและอ่านกระดาษหลายแผ่น ซึ่งบางแผ่นก็มีตราประทับไว้ มีหลายคนเข้ามาบอกอะไรบางอย่างกับเขาที่ข้าไม่เข้าใจ ข้าได้ยินเพียงพวกเขาเรียกโพ่เทียนว่าเจ้าเมืองและอะไรอีกตั้งมาก อ่า ข้าฟังไม่เข้าใจเลย
อาซีกำลังเปิดดูหนังสืออยู่ในห้องนั้น และโพ่เทียนก็ยุ่งจนถึงเที่ยงเลย
“อาเป่าเก่งมากที่อยู่เงียบๆ รอข้าทำงาน ข้าจะให้รางวัลเจ้าตอนเที่ยง จะให้อาหารอร่อยกับเจ้า” หลังจากเสร็จงาน โพ่เทียนก็ลูบหัวข้าและพูดด้วยรอยยิ้ม
เหมียว? ของอร่อย จริงหรือ? ข้าอยากกินเนื้อย่าง เอาเยอะๆ ขอเยอะๆ เลยนะ ข้าทำท่าทางมีความสุข
โพ่เทียนมองและยิ้ม ”ข้าจะให้รางวัลเจ้า เที่ยงวันนี้กินเนื้อย่างกัน”
ยอดเยี่ยมมาก โพ่เทียน เจ้าใจดีมาก
“สองชิ้น” โพ่เทียนพูดคำหลังออกมาช้าๆ
เหมียว! ข้าเกือบจะตกโต๊ะเลย
คนเลว ฮือๆ โพ่เทียนไม่ดีเลย สองชิ้นเท่านั้นเอง! ขี้งก ขี้ตระหนี่!
“ฮ่าๆ…โพ่เทียน ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นว่าเจ้ามีด้านที่ร้ายๆ แบบนี้ด้วยนะ? รังแกแมวน้อยน่ารักเสียได้” อาซีเดินเข้ามามองท่าทางเศร้าสร้อยของข้า เขาก็มีความสุขมากเลย
คนเลว พวกเจ้าเป็นคนเลวทั้งหมด ข้าไม่สนใจพวกเจ้าแล้ว!
“แมวน้อย มาเถอะ ข้าจะให้อาหารอร่อยเยอะๆ เลย ข้าจะพาเจ้าไปกิน” อาซีเอื้อมมือมาอุ้มข้า
ของอร่อยหรือ? ดีเลย
แต่ชื่อของข้าคืออาเป่า ข้ามีชื่อนะ
“อาเป่า” เสียงของโพ่เทียนเอ่ยขึ้นพร้อมกับเสียงขู่เล็กน้อย
หืม? ข้าหันไปช้าๆ และเห็นโพ่เทียนมองมาที่ข้าและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เหมียว ข้าไม่ไปก็ได้ ข้าไม่กินแล้ว ข้าจะฟังเจ้า ข้าหันหน้าไปทางโพ่เทียนแล้วเดินเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
“อาเป่าเด็กดี อัลทิสเป็นคนเลว อย่าไปสนใจเขาเลย เขาเชี่ยวชาญในการลักพาตัวผู้หญิงที่รู้ไม่ทัน” โพ่เทียนพูดเบาๆ และลูบหัวข้า
เหมียว? หมายถึงอะไร?
แต่ถ้าโพ่เทียนไม่ให้ข้าเข้าใกล้อัลทิส ข้าก็จะไม่ไป
“เจ้า…” สีหน้าของอัลทิสประหลาดมาก ใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย น่าสนใจมาก มันเหมือนกับตอนที่ข้าไปโกนขนที่หางของพ่อตอนเขาหลับเลย สนุกจริงๆ
แต่ถึงเวลาสำหรับมื้อกลางวันแล้ว เหมียว เนื้อย่างอร่อยๆ สองชิ้นก็สองชิ้น
โพ่เทียนอุ้มข้าเดินไปตามทางเดิน ข้ามองไปรอบๆ ทันใดนั้น ข้าก็เห็นเงาดำอยู่ในสวนและมีกลิ่นหอมลอยมา กลิ่นหอม! นี่ไม่ใช่กลิ่นอาหาร กลิ่นแบบนี้ สมบัติ!
เหมียว นั่นอะไรน่ะ?เงาดำที่อยู่ในสวนคืออะไร? ดูเหมือนเขาจะไปที่ทะเลสาบเล็กๆ ตรงนั้นนะ เหมียว นั่นอะไรน่ะ?
โพ่เทียน โพ่เทียน มีบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นสมบัติเลย
ข้าร้องเหมียวๆ ออกไปและดิ้นหลุดจากอ้อมแขนของโพ่เทียน ทำท่าทางและไล่ตามไปที่นั่น ไม่ผิดหรอก กลิ่นหอมที่เข้มข้นนี้ต้องเป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากแน่ๆ ข้าจะไปหาเอามันมาให้โพ่เทียน
“อาเป่า?!” เสียงโพ่เทียนดังมาจากด้านหลัง
เหมียว โพ่เทียน มากับข้า มีสมบัติ มากับข้าเร็วเข้า
“แมวน้อยพบสิ่งผิดปกติหรือ?” เสียงของอัลทิสก็ดังมาจากด้านหลังเช่นกัน
ใช่น่ะสิ พวกเจ้ารีบๆ ตามมาเร็วเข้า
“ไปดูกันเถอะ” เสียงของโพ่เทียนใกล้เข้ามา โพ่เทียนตามมาแล้ว
ข้าเร่งฝีเท้าและวิ่งไปข้างหน้า กลิ่นหอมนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เลย
หลังจากผ่านพุ่มไม้ไปก็มีทะเลสาบเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า ที่นี่ก็เป็นสวนของโพ่เทียนเช่นกัน ที่นี่ข้ารู้จัก
สิ่งของที่หอมๆมั นอยู่ไหนล่ะ?
ตรงนั้นไง! ฮ่าๆๆ สีดำๆ
ข้ารีบวิ่งไปอย่างมีความสุข
หืม? ไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นคน!
คนที่สวมชุดสีดำ?
เหมียว? เจ้าคือใคร? ทำไมเจ้าถึงมีกลิ่นหอม แถมยังมาปรากฏตัวอยู่ในสวนของโพ่เทียนอีก? ข้าเอียงหัวมองไปยังคนชุดดำที่อยู่ข้างหน้า คนๆ นี้มีผมยาวสีดำและหน้าขาวมาก แต่ก็สวยมาก ตาสีดำ ความรู้สึกลึกล้ำมาก เหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนในฤดูหนาวเลย ขนตายาว ปากบาง จมูกเป็นสัน อืม ดูดีจัง ดูดีกว่าอัลทิส แต่ถ้าเปรียบเทียบกับโพ่เทียนของข้านะ ไม่มีใครที่จะดูดีไปกว่าโพ่เทียนหรอก
“เจ้าตัวเล็ก เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?” เขาพูด แต่ทำไมเสียงของเขาถึงทำให้ข้ารู้สึกหนาวเหน็บราวกับเป็นฤดูหนาวเลย แม้ว่าคนตรงหน้าจะสวยมาก สวยกว่าแม่ข้าเสียอีก แต่พอเข้าเอ่ยปากข้าก็รู้ทันทีเลยว่าเขาเป็นผู้ชาย
กลัวเจ้า? ทำไมต้องกลัวเจ้าด้วยล่ะ? ข้าเอียงหัวอย่างสงสัยและมองคนสวยตรงหน้าอย่างงุนงง ทำไมโพ่เทียนและอัลทิสยังไม่ตามมาอีก? แปลกจัง
“ฮ่าๆ น่าสนใจ ไม่กลัวคนที่ไม่รู้จักหรือ?” เขาพูดแปลกๆ! เขาค่อยๆ ย่อตัวลงและโน้มตัวเข้ามาใกล้และมองมาที่ข้า
หมายถึงอะไร? เจ้าคือใคร? ทำไมเจ้ามาที่นี่คนเดียว? ไม่มีใครมากับเจ้าหรือ? ครอบครัวของเจ้าอยู่ที่ไหนล่ะ? ข้ามองไปรอบๆ มีเขาอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว
“ข้าไม่มีครอบครัว ข้าอยู่คนเดียวมาตลอดเลย” น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา
เช่นนั้นเจ้าก็เหมือนกันกับข้าสิ เจ้าน่าสงสารมาก เช่นนั้น เช่นนั้นข้าจะเป็นครอบครัวของเจ้า ต่อไปข้าจะอยู่กับเจ้า จู่ๆ ข้าก็นึกถึงภาพที่ทุกคนในครอบครัวของข้าเสียชีวิตทั้งหมด และข้าก็ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ความรู้สึกนั้นแย่มาก แย่มากๆ คนตรงหน้าข้าก็เคยโดนแบบนี้หรือ? เขาเหมือนกับข้าหรือ? ข้ารู้สึกเศร้าขึ้นมาเลย
“ฮ่าๆ…” เขาหัวเราะเบาๆ ใบหน้าของเขาที่เมื่อครู่ยังเย็นชา ในตอนนี้กลับสดใสราวกับดวงอาทิตย์ งดงามมาก
เจ้ายิ้มแล้วดูดีนะ เหอะๆ ต่อไปก็ยิ้มให้มากขึ้นสิ ข้าก็ยิ้มตาหยีเช่นกัน
“ข้าดูดีเวลาข้ายิ้มหรือ?” รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชุดดำหายไปแล้วเขาก็มองมาที่ข้าด้วยความสับสน
ใช่สิ เจ้าดูดีเวลาที่ยิ้ม มันดูดีกว่าที่เจ้าเป็นเมื่อครู่นี้มากเลย ข้าพยักหน้าและตอบอย่างจริงจัง เดิมทีคนคนนี้ก็หน้าตาดีอยู่แล้ว แต่ตอนยิ้มดูดียิ่งกว่าอีก ข้าไม่ได้โกหกนะ
“เหอะๆ เจ้าเป็นคนแรกเลยที่พูดแบบนั้นกับข้า” เขาหัวเราะอีกครั้งแล้วก็นั่งลงช้าๆ และลูบหัวข้าเบาๆ “เจ้าชื่ออะไร”
อาเป่า ข้าชื่ออาเป่า เจ้าชื่ออะไร? ต่อไปข้าจะเป็นครอบครัวของเจ้า ข้าก็ต้องรู้จักชื่อของเจ้า ข้าถูเข้ากับมือใหญ่ของเขา มันเย็นจัง น่าสงสาร คงจะเหมือนกับข้าที่สูญเสียญาติทุกคนไปแล้วยืนอยู่กลางสายฝน
“เป็นครอบครัวของข้า…” มือเขาหยุดลงแล้วเขาก็มองมาที่ข้าไม่กะพริบตา
ใช่ เพราะเจ้าอยู่คนเดียว ข้าจะเป็นครอบครัวของเจ้า และเจ้าก็จะไม่อยู่คนเดียวอีกต่อไป ข้ายื่นอุ้งเท้าออกไปแตะมือเย็นๆ ของเขาและพูดอย่างจริงจัง
“ฮ่าๆ ตกลง เจ้าจะเป็นครอบครัวของข้า ข้าชื่อจิงเฟิง จำได้หรือไม่?” เขาอุ้มข้าไว้ในอ้อมแขนและพูดเบาๆ
เหมียว จิงเฟิง? อื้ม ข้าจำได้แล้ว ชื่อของเจ้าเพราะมากเลย จิงเฟิง จิงเฟิง! แต่การโอบกอดอันแสนเย็นชาของจิงเฟิงนั้นแตกต่างกับโพ่เทียนอย่างสิ้นเชิงเลย มันไม่ค่อยสบายนัก แต่ในเมื่อเป็นครอบครัวของข้า ข้าจึงกระโดดออกจากอ้อมแขนของเขาไม่ได้
จริงสิ! ทำไมโพ่เทียนถึงไม่ตามมาอีกล่ะ? ข้าคุยกับจิงเฟิงมาตั้งนานแล้ว เขากับอาซีน่าจะตามมาแล้วสิ
“อาเป่า ไปกันเถอะ เจ้าจะอยู่กับข้าตลอดไปใช่หรือไม่?” เสียงของจิงเฟิงเย็นชา
ไป? ไปที่ไหน? โพ่เทียนยังต้องมาหาข้านะ ข้าเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่งดงามและสง่างามของจิงเฟิงและถามอย่างสับสนว่าจะไปไหน? ที่นี่ก็คือบ้านของข้านะ
“โพ่เทียน? ใครกัน? มนุษย์ผู้อ่อนแอที่อยู่นอกเขตกั้นหรือ?” จิงเฟิงขมวดคิ้วและถามข้า
หือ? อ่อนแอ? ไม่ใช่แน่นอน! โพ่เทียนนั้นน่าทึ่งมาก! โพ่เทียนดีมาก เขาดีกับข้าที่สุดเลย เขาช่วยชีวิตข้า ให้อาหารอร่อยแก่ข้า กอดข้าให้หลับและอาบน้ำให้ข้าด้วย เขาเป็นคนที่ดีที่สุดในโลก
“หือ? อย่างนั้นหรือ? เขาเก่งมากหรือ?” น้ำเสียงของจิงเฟิงแผ่วเบา
ใช่! จิงเฟิง ข้าบอกเลย เจ้าก็อยู่ที่นี่ก็ได้นะ ที่นี่คือบ้านของอาเป่าและยังเป็นบ้านของเจ้าอีกด้วย โพ่เทียนจะต้องดีกับพวกเรามากๆ เลย กลางคืนเจ้านอนกับพวกเราก็ได้ เตียงนั้นใหญ่มาก อุ่นมากด้วย โพ่เทียนช่วยเจ้าอาบน้ำได้ด้วยนะ เขาช่วยเกาคางให้ข้า สบายมากๆ ข้าทำท่าทางและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะบอกจิงเฟิงว่าอยู่ที่นี่มีข้อดีเยอะมาก
“เหอะๆ เช่นนั้นเขากับข้าใครดีกว่ากัน?” จิงเฟิงถามข้าแบบนี้
ฮะ! ข้าจะตอบได้อย่างไรล่ะ? ที่จริงแล้วแน่นอนว่าโพ่เทียนดีที่สุด แต่จิงเฟิงน่าสงสารมาก เขาไม่มีญาติเลย ตอนนี้ข้าเป็นครอบครัวคนเดียวของเขา ถ้าบอกว่าเขาไม่ดี เขาจะไม่ยิ่งน่าสงสารไปมากกว่านี้หรือ? ข้าควรทำอย่างไรดี? ยาก ยากมาก! ข้าควรตอบอย่างไรดี? ข้าเอาอุ้งเท้ามาปัดๆ หูและคิดหนักว่าจะตอบอย่างไรดี