แต่พอข้าคิดไปคิดมาก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
“เหอะๆ อาเป่า ทำไมเจ้าถึงพบว่าข้าอยู่ที่นี่ล่ะ?” จิงเฟิงถามอีกคำถามหนึ่ง
เหมียว เพราะร่างกายของเจ้ามีกลิ่นหอม เป็นกลิ่นหอมของสมบัติ ข้าทำท่าทาง ตัวของจิงเฟิงมีกลิ่นหอมรุนแรงออกมา
“หือ?” จิงเฟิงดูแปลกใจเล็กน้อย เขาอุ้มข้าขึ้นมาแล้วมอง จากนั้นก็พึมพำกับตัวเอง “ไม่แปลกใจเลย ที่แท้เจ้าคือแมวล่าสมบัตินี่เอง”
ใช่ จิงเฟิง เจ้ารู้จักครอบครัวเราหรือ?
“เหอะๆ อาเป่า นี่ข้าให้เจ้า ถ้าเจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าเอาสิ่งนี้ออกมาและเรียกชื่อของข้าได้เลยนะ” จิงเฟิงวางข้าลงแล้วหยิบของสีดำออกมายื่นให้ข้า
เหมียว นี่คืออะไร? ข้าเอาสองอุ้งเท้าหน้ารับมา มันเป็นประกายสีดำ วงรี ดูแข็งแรงมากด้วย? ข้าลองใช้ฟันกัด โอ๊ย แข็งมาก! เจ็บฟันจังเลย
“อาเป่าโง่ นี่ไม่ใช่ของกินนะ นี่คือเกล็ดของข้า เมื่อตกอยู่ในอันตราย อย่าลืมใช้สิ่งนี้แล้วเรียกชื่อข้านะ ข้าจะไปช่วยเจ้าทันทีเลย” จิงเฟิงยิ้มและขยี้หูข้า
เหมียว น่าทึ่งมาก มันเหมือนกับวงกลมที่โพ่เทียนมอบใหข้าหรือไม่? ว้าว ถ้าอย่างนั้นก็มีคนสองคนที่จะปกป้องข้าสิ ว้าว เยี่ยมมาก ตอนนี้ข้าไม่ต้องกลัววินนี่ผู้หญิงเลวคนนั้นแล้ว!
“วงกลม? วินนี่?” ดวงตาของจิงเฟิงมองที่วงกลมรอบคอของข้าทันทีที่ได้ยินสิ่งนี้
นี่คือสมบัติที่โพ่เทียนมอบให้ข้า ข้าให้เจ้าไม่ได้นะ จิงเฟิง สิ่งนี้ให้เจ้าไม่ได้
“ฮ่าๆ มันเป็นเพียงสิ่งที่เชื่อมต่อทางจิตใจและมีพลังเคลื่อนย้ายที่ได้” สายตาของจิงเฟิงเป็นประกายที่ข้ามองไม่ออกและพูด “วินนี่คือใคร?”
วินนี่น่ะหรือ วินนี่เป็นผู้หญิงเลว! นางจะแย่งวงกลมของข้าจนเกือบจะฆ่าข้า ข้านึกถึงภาพคืนที่เลวร้ายนั่น ผู้หญิงเลวที่น่ากลัวมาก จิงเฟิง ต่อไปหากเจ้าพบกับนางไม่ต้องไปสนใจนาง นางเลวมาก ข้าสะบัดหาง ยังคงหวาดกลัวอยู่ในใจ นางทำหางของข้าหัก!
“จริงหรือ…” จิงเฟิงหรี่ตาแล้วหันไปมองอีกด้านหนึ่ง “มานี่สิ”
ฮะ? จิงเฟิง เจ้ากำลังพูดกับใคร?
มีเสียงจากพุ่มไม้แล้วก็มีคนสองคนเดินออกไป
โพ่เทียน!
เหอะๆ นั่นโพ่เทียน
ข้ารีบไปอย่างมีความสุขและไม่ลืมที่จะคาบของสีดำที่จิงเฟิงมอบให้ไปด้วย
ข้ากระโจนไปที่เท้าของโพ่เทียน จากนั้นโพ่เทียนก็อุ้มข้าขึ้นมา
ข้าคายสิ่งที่อยู่ในปากในอ้อมแขนของโพ่เทียนแล้วยื่นอุ้งเท้าออกและแสดงท่าทาง ข้าจะบอกเจ้านะโพ่เทียน คนนั้นชื่อจิงเฟิง ต่อไปจะเป็นครอบครัวของข้า เจ้าต้องพาเขาไปด้วย เขาเป็นเหมือนกับข้าเลย เขาไม่มีญาติแล้ว เจ้าต้องให้อาหารอร่อยๆ กับเขา อาบน้ำให้เขา แล้วก็ แล้วก็แบ่งเตียงของเราครึ่งหนึ่งกับเขา ของสีดำนี้จิงเฟิงให้ข้ามา…
เหมียว? ข้าคุยมาตั้งนาน ทำไมโพ่เทียนไม่ตอบเลย? ข้ามองโพ่เทียนอย่างสงสัย แต่เห็นว่าสีหน้าของโพ่เทียนดูแปลกมาก ขาวจัง? มันเกิดอะไรขึ้น? หน้าของอาซีก็ขาว เกิดอะไรขึ้น? พอหันไปมองจิงเฟิง ตอนนี้จิงเฟิงดูแตกต่างออกไปจากเมื่อครู่นี้แล้ว ตอนนี้เขาดูเย็นชามากขึ้น และก็มีเครื่องหมายแปลกๆ อยู่ตรงกลางหน้าผากของเขา นั่นคืออะไร?
“มนุษย์ที่อ่อนแอ มานี่” จิงเฟิงพูดด้วยเสียงต่ำ
ไม่ใช่นะ! โพ่เทียนไม่ได้อ่อนแอ โพ่เทียนแข็งแกร่งที่สุด จิงเฟิง เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูดอย่างนั้นกับโพ่เทียนนะ! ข้ายื่นอุ้งเท้าออกไปและโบกอย่างไม่พอใจ
จากนั้นข้าก็รู้สึกว่าร่างกายกระชับมากขึ้น โพ่เทียนกอดข้าอย่างแรงและกระซิบด้วยเสียงต่ำ “อาเป่า อย่าหยาบคายสิ”
ข้าหรือ? เหมียว! ข้าหยาบคายตรงไหน?
“เจ้าชื่อโพ่เทียน?” จิงเฟิงถามช้าๆ
“ครับ” น้ำเสียงของโพ่เทียนดูแปลกๆ
“ดูแลอาเป่าให้ดีๆ นะ นี่ข้าให้เจ้า สิ่งนี้จะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นและดูแลอาเป่าได้” เสียงของจิงเฟิงเย็นชา จากนั้นข้าก็เห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ เขายาวๆ ปรากฏขึ้นบนหัวของจิงเฟิง จากนั้นจิงเฟิงยื่นมือออกและหักส่วนบนของเขาออก
โอ้! หอมจังเลย เหมียว หอมจัง นี่คือสิ่งที่ข้าได้กลิ่นเมื่อครู่นี้!
เวลาต่อมา เขาเล็กๆ นั้นก็กลายเป็นดาบที่สวยงามในมือของจิงเฟิง
ว้าว! จิงเฟิงสุดยอดเลย ทำให้เขากลายเป็นดาบได้ด้วย!
“ใช้ดาบเล่มนี้เพื่อปกป้องอาเป่า” จิงเฟิงส่งดาบในมือของเขามา
เหมียว? ปกป้องข้าหรือ?
“ขอบคุณครับ” ในที่สุดน้ำเสียงของโพ่เทียนก็กลับไปแบบก่อนหน้านี้ เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วพูด ”แม้ว่าข้าจะไม่ใช้ดาบนี้ ข้าก็ปกป้องอาเป่าได้”
“ฮ่าๆ…” จิงเฟิงอึ้งและขำออกมาแล้วก็หันมามองข้า ข้าก็มองเขา เหมียว? จิงเฟิง เป็นอะไรไป?
“อาเป่า ถ้าวันหนึ่งเจ้าไม่อยากอยู่กับคนคนนี้แล้ว อย่าลืมใช้เกล็ดของข้าและเรียกชื่อข้านะ” จิงเฟิงลูบหัวข้าแล้วพูด
เหมียว? ข้าอยากอยู่กับโพ่เทียนนะ ข้าจะอยู่กับเขาตลอดไปเลย
“จำสิ่งที่ข้าพูดในวันนี้ไว้” เสียงของจิงเฟิงดังที่ข้างหูของข้า แต่ตรงหน้าไม่มีร่างของจิงเฟิงแล้ว
เหมียว? จิงเฟิง? จิงเฟิง? เจ้าไปไหนแล้ว? ข้ากระโดดออกจากอ้อมกอดของโพ่เทียนและมองหาร่างของจิงเฟิงไปทั่ว แปลกจริงๆ เมื่อครู่จิงเฟิงยังอยู่ในตรงนี้อยู่เลย อีกอย่างจิงเฟิงกับข้าเป็นครอบครัวกันแล้ว เขาก็น่าจะอยู่ไม่ใช่หรือ?
จิงเฟิง เจ้าไปไหนแล้ว?
“อาเป่า ไม่ต้องหาแล้ว เขาไปแล้ว” โพ่เทียนนั่งลงและอุ้มข้าขึ้น
ไปแล้ว? จิงเฟิงไปแล้ว? ทำไมเขาถึงไปล่ะ? ทำไมเขาไม่อยู่?
“โอ้ พระเจ้า เกล็ดของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ เขาของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โพ่เทียน เจ้าร่ำรวยแล้ว แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร? หากไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ทำไมเขาถึงสนใจลูกแมวตัวนี้มากขนาดนี้ล่ะ?” ทันใดนั้นอาซีก็พูดโวยวายเหมือนแวนซ์เลย
โพ่เทียนไม่ได้พูดอะไรแค่กอดข้าแน่นขึ้น
“ข้าไม่นึกเลยจริงๆ ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะใจดีกับลูกแมวของเจ้ามากขนาดนี้” อาซีพูดเสียงดัง น่ารำคาญมาก พูดถึงเรื่องอะไรกัน?
“อาเป่า เจ้าจะอยู่กับข้าตลอดไปใช่หรือไม่?” โพ่เทียนกอดข้าแน่นขึ้นและถาม
ใช่ โพ่เทียน ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป เหมียว แต่ปล่อยมือเจ้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะโดนเจ้ารัดคอตายแล้ว
“อาเป่า เช่นนั้นข้าจะเก็บสิ่งนี้ให้เจ้านะ?” โพ่เทียนเห็นข้าพยักหน้าก็ยิ้มออกมา และสุดท้ายก็คลายอ้อมแขนลงเล็กน้อย อืม หายใจออกแล้ว
อ๋อ ของสีดำนั้น อืม เจ้าช่วยเก็บไว้ให้ข้าหน่อยนะ ข้าก็ไม่มีที่เก็บเลย ข้ามองสิ่งที่จิงเฟิงให้แล้วพยักหน้า
“แมวน้อย โอ้ ไม่สิ เจ้าชื่ออาเป่า เจ้ารู้จักสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ทำไมเขาดีกับเจ้าขนาดนั้นล่ะ? แถมยังให้เขาของเขาแก่โพ่เทียนอีก พระเจ้า รู้อย่างนี้ข้าเป็นเจ้าของของเจ้าดีกว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะได้ให้ของข้าไว้ปกป้องเจ้า” อาซีเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ น่ารำคาญมาก พูดอะไรที่ข้าไม่เข้าใจเลย น้ำลายก็กระเด็นเต็มหน้าข้าแล้ว! คนไม่มีมารยาท
“พอแล้ว อัลทิส อย่าไปบอกเรื่องนี้กับใครล่ะ” ดีมากเลยโพ่เทียนที่หยุดผู้ชายคนนี้ไม่ให้ส่งเสียงดังต่อ อัลทิส ใช่ ผู้ชายที่เสียงดังคนนี้ชื่ออัลทิส! ในที่สุดข้าก็จะจำชื่อเขาได้ชัดๆ สักที
หิวข้าว โพ่เทียน ข้าท้องร้องแล้ว ได้เวลากินแล้ว!
ข้าใช้อุ้งเท้าตบท้องบอก
ได้เวลากินแล้ว เนื้อย่าง เนื้อย่าง! เหมียว!
ที่โต๊ะอาหาร ข้านั่งอย่างมีความสุข แม้ว่าข้าจะกินเนื้อได้เพียงสองชิ้น แต่ข้าก็พอใจแล้ว
แต่ตรงหน้านี่มันอะไรกัน? ฮ่าๆ เนื้อย่างอร่อยจำนวนมาก!
เหมียว? ข้าหันไปมองโพ่เทียนและชี้ไปที่จานที่เต็มไปด้วยเนื้อย่างจากนั้นก็ชี้มาที่ตัวเอง นี่สำหรับข้าหรือ? ให้ข้าทั้งหมดเลยหรือโพ่เทียน? ข้างงแต่ก็ตั้งตารอ หากอาหารดีๆ จำนวนมากนี้เป็นของข้าก็ดีเลย
“อืม ของเจ้า แต่ต้องกินช้าๆ ต้องเคี้ยวมันให้ละเอียดนะ” โพ่เทียนยิ้มและพยักหน้า
เหมียว! ให้ข้าจริงๆ ด้วย โพ่เทียนใจดีมาก ใจดีที่สุดเลย โพ่เทียน ข้าชอบเจ้ามากเลย! เหมียว เช่นนั้นข้าเริ่มแล้วนะ
“โพ่เทียน ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีวันนี้ที่เจ้าทำเรื่องเด็กๆ แบบนี้ติดสินบนลูกแมวด้วย” อัลทิสพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยสบายนัก
สินบน? การติดสินบนหมายความว่าอย่างไร? ข้าเคี้ยวเนื้อย่างหอมๆ พลางนึกถึงสิ่งที่อัลทิสพูดไปด้วย ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าคำพูดของพวกเขามันฟังยากตลอดเลยนะ ไม่เข้าใจตลอดเลย
“อยากตายหรือ?” โพ่เทียนพูดอย่างเย็นชา
“เอ่อ…ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไร ข้าไม่เคยพูดว่าเจ้ากลัวอาเป่าทิ้งเจ้าเลย ให้เนื้อย่างอาเป่า มากขนาดนั้น ข้าไม่เคยพูดว่าโพ่เทียนที่ฉลาดและใจเย็นอยู่เสมอจะทำเรื่องตลกแบบนี้” อัลทิสพูด
“พรืด…”
“พรืด…”
แวนซ์และลีน่าหลุดหัวเราะกันทั้งคู่
พวกเขาหัวเราะอะไรกัน?
ข้าจะไปจากโพ่เทียนได้อย่างไร? พูดอะไรกัน?
แปลก? ข้ากัดเนื้อย่าง จับสองชิ้นไว้ที่อุ้งเท้าและมองใบหน้าที่มืดมนลงเรื่อยๆ ของโพ่เทียนด้วยความประหลาดใจ
“ไปตายซะ อัลทิส! เจ้าไปตายซะ ยิ่งไกลจากข้าเท่าไหร่ยิ่งดี!” เสียงของโพ่เทียนดังขึ้นแล้วจาน ส้อม มีด และแก้วไวน์ก็ลอยผ่านหัวข้าไป และทั้งหมดนั้นลอยไปหาอัลทิสอย่างดุเดือด
อัลทิสกรีดร้องและหลบอยู่ตรงข้ามข้า
“หงุดหงิดมากหรือ? ข้าพูดแทงใจดำใช่หรือไม่? ข้ารู้ความจริงเจ้าเลยเป็นเช่นนี้ เหอะๆ นี่คือสไตล์ของเจ้าเมืองหรือ?” อัลทิสหลบไปพูดไป
เหมียว? เหมียว? โพ่เทียนดูเหมือนจะโกรธเลย อัลทิสทำให้เขาโกรธหรือ? ข้าควรช่วยโพ่เทียนสั่งสอนอัลทิสหรือไม่? แต่อัลทิสเคยช่วยข้าไว้นะ…
ถ้าอย่างนั้นขู่สักหน่อย? ข้าคิดว่าจะยกอุ้งเท้าเพื่อขู่อัลทิสแต่พบว่าอุ้งเท้าของข้าไม่ได้ว่าง มันมีเนื้อย่างที่ข้าชอบอยู่ ช่างเถอะ ข้าจะกินก่อน ของอร่อยห้ามทิ้ง!