บทที่ 32 เอ็มม่า มอร์ติสไม่ใช่เจ้าหนี้ที่แท้จริง

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 32 เอ็มม่า มอร์ติสไม่ใช่เจ้าหนี้ที่แท้จริง

ตอนที่เอ็มม่ายืมหนังสือจากห้องสมุด เป็นช่วงคืนก่อนที่ถนนนักเดินทางจะเปิด

การอ่านชีวประวัติบุคคลในประวัติศาสตร์ และการฟังบรรยายหัวข้อประวัติศาสตร์เป็นหนึ่งในงานอดิเรกที่หายากของเธอ

หนังสือ ‘บันทึกตำนานของบุคคลในประวัติศาสตร์’ นี้ค่อนข้างสนุก ซึ่งได้รวบรวมเรื่องราวที่ดูน่าเหลือเชื่อและน่าสนใจไว้มากมาย

และหน้าที่เธอกำลังอ่านอยู่ตอนนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักประดิษฐ์หมากรุกเวทมนตร์ นามว่าอามิคิด

ตามตำนาน เมื่อนานมาแล้วอามิคิดได้คิดค้นหมากรุกเวทมนตร์รุ่นแรกที่มีกระดานหมากรุกหกสิบสี่ช่อง ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของกษัตริย์ในเวลานั้น ดังนั้นกษัตริย์จึงได้ประทานรางวัลแก่อามิคิดอีกครั้ง

เมื่อกษัตริย์ถามเขาว่าต้องการสิ่งใด เขาก็ตอบว่า “ฝ่าบาท ข้าต้องการข้าวสาลีเพียงเล็กน้อย โปรดให้ผู้ใดเอาเมล็ดข้าวสาลีมาวางบนกระดานหมากรุกที่เราประดิษฐ์ขึ้น หนึ่งเม็ดในช่องแรก สองเม็ดในช่องที่สอง สี่เม็ดในช่องที่สาม แปดเม็ดในช่องที่สี่ และสิบหกเม็ดในช่องที่ห้า และต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าช่องที่หกสิบสี่จะเต็ม”

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงขนาดกระดานหมากรุกที่จะต้องสามารถใส่เมล็ดพืชได้มากขนาดนั้นเลย สรุปสั้น ๆ เรื่องนี้เหมือนกับตอนจบของ ‘เศรษฐีล้มละลาย’ ที่ดาร์กเล่า

ในที่สุดราชาก็พบว่าแม้ว่าเขาจะหมดทุกอย่าง แต่เขาก็ยังไม่สามารถเติมกระดานหมากรุกหกสิบสี่ได้!

เอ็มม่าได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องนี้

เพียงแต่เธอไม่ได้คาดหวังว่าเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตจะแย่ถึงขนาดที่พวกเขาไม่สามารถได้รับคะแนนพื้นฐานจากชั้นเรียน ทั้งที่รู้ว่าตัวเองกำลังมีหนี้ก้อนใหญ่อยู่!

โดยเฉพาะเหตุการณ์ในคาบเรียนคณิตศาสตร์ซึ่งเกินความคาดหมายของเธอ!

ตอนแรกเอ็มม่ารู้สึกหงุดหงิดและโกรธที่บุตรแห่งวีรบุรุษทำตัวเหลวแหลก เธอจึงอยากจะสอนบทเรียนให้กับพวกเขา และคงจะดีไม่น้อยหากพวกเขาสามารถเข้าใจถึงความสำคัญของคะแนนได้

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดมาก่อน

สำหรับหนี้ที่ว่า อันที่จริงแล้วกฎของสถาบันได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า หนี้ที่มากกว่าสิบเท่าของจำนวนเดิมนั้นไม่ถูกต้อง และจะไม่ได้รับการยอมรับจากสถาบัน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไปถึงบ่ายวันจันทร์ สัญญาจะถือเป็นโมฆะโดยสิ้นเชิง และเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตจำเป็นต้องจ่ายคืนเพียงห้าคะแนนเท่าเดิมเท่านั้น

แต่เรื่องที่พวกเขาสองคนไม่เคยอ่านกฎของโรงเรียน…

เอ็มม่าไม่คิดว่ามันเกี่ยวข้องกับเธอ

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เธอให้คะแนนกับพวกเขา เธอก็ไม่เคยคิดที่จะเอามันกลับคืนมา

ทว่าเธอเองก็ไม่ได้ใจดีพอที่จะเตือนพวกเขา

เมื่อเห็นคนน่ารำคาญสองคนวิ่งเต้นไปทั่วอย่างไร้ประโยชน์เพื่อ ‘หนี้ก้อนโต’ ที่ไม่มีอยู่จริง เอ็มม่าก็อดไม่ได้ที่จะสนุกไปกับมัน

พูดได้เพียงว่านี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ตัวเธอไม่ใช่คนที่จิตใจดีแสนบริสุทธิ์

ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังแปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีแล้ว ท้ายที่สุด พวกเขาก็ไม่เคยเข้าห้องสมุดเร็วขนาดนี้มาก่อน!

อีกด้าน ดาร์ก เดม่อนเอาตัวเข้ามาอยู่ในห้องทดลองแล้ว

พอยืมกุญแจจากศาสตราจารย์เคเซอร์ได้ เขาก็เข้ามาในห้องทดลองทันที

หลังจากเก็บ [อัตตา] ไว้เป็นเวลาสามวัน ดาร์กก็แทบทนรอไม่ไหวที่จะทดสอบมัน

[อัตตา] หยดที่สามถูกดึงออกมาจากร่างกาย ซึ่งนี่ไม่ได้ทำให้เขาลำบากมากนัก

กลับกัน ตอนนี้เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับการสร้าง [อัตตา I] แล้ว

ดาร์กดึง [อัตตา] ของวันนี้ออกมาก่อน จากนั้นก็โยนมันลงใน [ขวดแห่งความคิด] และผสมกับ [อัตตา] จากสองวันก่อนหน้า แล้วจึงปิดฝาขวดพร้อมกับเขย่าเล็กน้อยเพื่อผสมให้เข้ากัน

ในไม่ช้า ร่องรอยของสีทองคำเข้มที่มองเห็นไม่ชัดก็ปรากฏขึ้นในขวด

สองนาทีต่อมา เขาก็หยิบวัตถุดิบพื้นฐานจากตู้ทดลองและเริ่มต้มยาเสริมที่เรียกว่า ‘น้ำสมอง’

การใช้น้ำยาชนิดนี้กับการ์ดเวทมนตร์ล่วงหน้าอาจทำให้คุณสมบัติพื้นฐานของการ์ดเวทมนตร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย และทำให้สสารแห่งความคิด เช่น อารมณ์ต่าง ๆ เคลือบไปกับมันได้ง่ายขึ้น

นี่ถือได้ว่าเป็นกำไรจากการอ่านหนังสือในช่วงนี้

หลังจากที่ต้ม ‘น้ำสมอง’ สำเร็จแล้ว มันก็กลายเป็นของเหลวที่ดูเหมือนไข่ขาวและมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย

ขั้นตอนต่อไปคือการต้มลงในแผ่นที่ทำหน้าที่เป็น ‘ของเหลวปิดผนึก’

หลังจากที่ ‘ของเหลวปิดผนึก’ พร้อมแล้ว ในที่สุดก็ถึงคราวทำการ์ดเวทมนตร์

จำนวนที่เหลืออยู่ของการ์ดเวทมนตร์เปล่าคือสอง

ใบหนึ่งซื้อมาและอีกใบคือ ของที่เหลือจากคาบเรียนวิชาเวทมนตร์

ดาร์กหยิบหนึ่งในนั้นมาวางบนโต๊ะทดลองแล้วเกลี่ย ‘น้ำสมอง’ ให้ทั่ว

จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกและค่อย ๆ สงบอารมณ์ลง นิ้วของเขาไม่สั่นอีกต่อไป

[ขวดแห่งความคิด] มีแผ่นฟิล์มที่ป้องกันการสูญเสียสสารแห่งการคิด เช่น ความทรงจำ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าปากขวดหนึ่งถึงสามนิ้ว

ดาร์กใส่เครื่องหยดสมองวิเศษเข้าไปในปากขวดอย่างระมัดระวัง เขาค่อนข้างระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ชั้นฟิล์มแตก

เมื่อวางปลายเครื่องหยดสมองวิเศษลงในตำแหน่งที่เหมาะสม เขาก็บีบสมองวิเศษเบา ๆ และปล่อยมัน

หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง หยดสมองวิเศษก็ส่งเสียงร้องแหลม ๆ ออกมา

ดาร์กหยุดบีบ จากนั้นเขาก็ดึงหลอดเครื่องหยดสมองวิเศษออกมา และกดปลายหลอดหยดสมองวิเศษกับการ์ดเวทมนตร์เปล่า และบีบสมองวิเศษออกมาอย่างแรง!

ค่า [อัตตา] ที่สมองวิเศษดูดเข้าไปก็ถูกบ้วนออกมาทันที!

ผลของ ‘น้ำสมอง’ ปรากฏขึ้นทันที และ [อัตตา] ก็ค่อย ๆ กระเพื่อมออกไปด้านนอกราวกับหมึกถูกเทลงในน้ำ

เมื่อการ์ดเวทมนตร์เปล่าถูกย้อมเป็นทองคำเข้ม ดาร์กก็รีบเอา [อัตตา] อีกหนึ่งหยด ปล่อยมันลงบนพื้นผิวของการ์ด

จนสีทองเข้มขึ้นเรื่อย ๆ

และท้ายที่สุด ก็ถึงหยดที่สามของ [อัตตา]!

ด้วยหยดของ [อัตตา] ที่แผ่ออก ‘สีดำ’ ค่อย ๆ กลืนกินสีที่เรียกว่า ‘ทองคำเข้ม’ และสุดท้ายก็กลายเป็น ‘ทองนิล’

ดาร์กบันทึกปรากฏการณ์นี้และเริ่มใช้ ‘ของเหลวปิดผนึก’

เมื่อวงเวทขั้นสุดท้ายแสดงผล การ์ดเวทมนตร์ [อัตตา] ทองนิลแบบใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์!

ดาร์กฝืนต้านความอยากที่จะทดลองต่อ จากนั้นเขาก็ลบหลักฐานในห้องทดลองก่อน แล้วจึงคืนกุญแจให้ศาสตราจารย์เคเซอร์

ก่อนจะรีบกลับไปที่ห้องนอนและหยิบการ์ดคัดสรร [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] [อัตตา I] [การ์ดแห่งความสุข] และการ์ด [อัตตา] ใบใหม่นี้ออกมา นี่คือการ์ดเวทมนตร์ทั้งหมดที่เขามีตอนนี้

โดยทั่วไป การทดลองจำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบ

ดาร์กหยิบ [อัตตา I] ขึ้นมาดูสักพักแล้ววางลงอีกครั้ง จากนั้นก็เตรียมทดสอบการ์ด [อัตตา] ใบใหม่ทันที

จากนั้นก็มองดูการ์ดคัดสรรสลับกับ [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] แล้วจึงค่อยหยิบการ์ดคัดสรรขึ้นมา

การ์ดคัดสรรเป็นการ์ดเวทมนตร์ระดับสูงที่แจกโดยสถาบัน มันถูกทำขึ้นมาอย่างดีและไม่มีทางเสียหายได้ง่าย ๆ

ในฐานะที่เป็นวิญญาณรับใช้ รุกกี้เดวิมอนจึงทนทานกว่าสปิริตทั่วไปเช่นกัน

ดาร์กสูดหายใจเข้าลึก ๆ

“ในนามของดาร์ก เดม่อน ขออัญเชิญวิญญาณรับใช้!”

ดาร์กถือการ์ดคัดสรรไว้ด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง พร้อมกับร่ายคำ [อัญเชิญ]!

ด้วยการสูญเสียพลังเวทมนตร์จำนวนมาก วงแหวนเวทมนตร์หกแฉกก็ปรากฏขึ้น

รุกกี้เดวิมอนออกมาจากวงแหวนเวทอย่างน่าสงสาร มันรู้โดยทันทีว่าคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ยากลำบาก