บทที่ 299 มือสังหารทั้งสี่ที่แข็งแกร่งถึงขั้นวิปลาส

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ในตอนที่กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เริ่มมีคนก่อความไม่สงบภายใน อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยก็ทำการตัดสินใจไล่สองพี่น้องจางเหลยและจางต๋าออกไปจากกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์อย่างเด็ดขาด หากมีคนไม่เคารพกฎเกณฑ์หรือกระทั่งฝ่าฝืนกฎข้อบังคับของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ ไม่มีใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับทุกคน ถ้าไม่มีท่าทีแข็งกร้าว ภายภาคหน้ากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์จะควบคุมเอาไว้ได้อย่างไร?

ในตอนที่อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยตัดสินใจไล่สองพี่น้องจางเหลยจางต๋าออกไปนั้น ก็มีคนสวมเสื้อสีดำร่างเตี้ยเหลือคนหนึ่งมาลอบโจมตี ความสามารถแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก สามารถปะทะหมัดกับเปาเทียนหลงที่เคยเป็นขุนพลระดับทัพฟ้าได้เลยทีเดียว ถึงขั้นที่สามารถยืนได้โดยไม่แพ้ อดไม่ได้ที่จะทำให้คนรู้สึกแปลกใจ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้มาลอบโจมตี อู๋เสวี่ยจึงรีบออกคำสั่งให้หลินตวนลงมือด้วย คนเช่นนี้จำเป็นต้องรีบฆ่าในทันที ไม่ใช่จะกล่าวว่าเปาเทียนหลงคนเดียวเอาชนะคนชุดดำร่างเตี้ยคนนี้ไม่ได้ แต่สำหรับคนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องไว้มือ

เมื่อมีการร่วมมือกันของเปาเทียนหลงและหลินตวน คนชุดดำร่างเตี้ยที่ยโสโอหังคนนี้ รับมือไม่ถึงห้ากระบวนท่าก็กระอักเลือดออกมา เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ภายในกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ที่เย่เทียนเฉินเพิ่งจะก่อตั้งขึ้น แต่ละคนจะมีฝีมือที่แข็งแกร่งเหนือระดับขนาดนี้ นี่เป็นอำนาจที่น่าหวาดกลัวอย่างหนึ่ง มิน่าเล่าคุณชายใหญ่ถึงให้พวกเขาลงมือฆ่าสิบสามจ้าวสวรรค์

ฉัวะ!

หลินตวนตวัดดาบเจ็ดดาวออกไป ฟาดฟันลงไปยังคนชุดดำร่างเตี้ยที่อยู่บนพื้น ประกายดาบส่องแสง กระทบไปถึงสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านข้าง เสาน้ำพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ถึงแม้ในปากของคนชุดดำร่างเตี้ยจะกระอักเลือดออกมา แต่ก็รีบพลิกตัวกลิ้งออกไป หลบดาบที่มุ่งเอาชีวิตไปได้ เพียงแต่เขาเพิ่งจะพลิกตัวหลบดาบเจ็ดดาวไปครั้งหนึ่ง หมัดของเปาเทียนหลงก็ปะทะลงมาบนใบหน้าของเขาอย่างแรง

ตู้ม!

คนชุดดำร่างเตี้ยถูกอัดจนกระเด็นออกไป กระแทกเข้ากับกำแพงที่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร ทำให้กำแพงเกิดรูใหญ่ขึ้นมารูนึง ในตอนที่ยังไม่ได้ลุกขึ้นมา ดาบของหลินตวนก็แทงตรงเข้ามาที่ลำคอของเขา

หลินตวนและเปาเทียนหลงต่างเป็นยอดฝีมือระดับสูงทั้งคู่ และไม่เคยร่วมมือกันต่อสู้มาก่อน แต่ตอนนี้กลับร่วมมือกันได้อย่างไร้ช่องโหว่ ทำให้สองพี่น้องจางเหลยและจางต๋าที่ได้เห็นถึงกับตกตะลึง ความแข็งแกร่งของพวกเขาสองพี่น้องเป็นเพราะเคล็ดวิชาผสานที่ฝึกฝน แต่ก็ไม่แน่ว่าจะแข่งแกร่งไปกว่าการร่วมมือกันระหว่างหลินตวนและเปาเทียนหลง ดูท่าทางพวกตนจะเป็นพวกไร้เหตุผลซะแล้ว

ตู้ม!

ในตอนที่ดาบของหลินตวนแทงตรงไปยังลำคอของคนชุดดำร่างเตี้ย พลันเกิดเสียงดังสนั่น กำแพงด้านหลังของคนชุดดำร่างเตี้ยเกิดถล่มลงมา

ฟิ้ว!

มีดเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากฝุ่นควัน ขวางดาวเจ็ดดาวในมือของหลินตวนเอาไว้ในชั่วพริบตา ขณะเดียวกันบนมีดเล่มนั้นก็มีประกายแสงระเบิดออกมา เสียดแทงนัยน์ตาจนทำให้ลืมตาไม่ขึ้น

ฟิ้วๆๆ!

หลินตวนมองไม่เห็นคนในฝุ่นควัน การโจมตีของมีดเล่มนั้นดูผิดปกติมาก โจมตีมายังจุดสำคัญบนร่างของเขาไม่หยุด หลินตวนทำได้เพียงตวัดดาบออกไปขวางอย่างไม่หยุดหย่อนเท่านั้น

เปาเทียนหลงที่อยู่ใกล้หลินตวนที่สุดขมวดคิ้ว คู่หูที่พุ่งออกมาช่วยเหลือชายชุดดำร่างเตี้ยคนนี้แข็งแกร่งมาก อาศัยแค่มีดในมือของเขาก็สามารถปะทะกับดาวเจ็ดดาวที่ทรงอานุภาพได้อย่างสูสี ไม่มีท่าทีว่าจะหักเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงนัก

เปาเทียนหลงกำหมัดแน่น คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องไม่ดีแน่ จำเป็นต้องรีบจัดการยอดฝีมือสองคนนี้ซะ ไม่งั้นจะเกิดวิกฤตแน่

ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่เปาเทียนหลงเตรียมจะพุ่งเข้าไปช่วยหลินตวน จะเกิดเสียงดันลั่นฟ้าขึ้น หลินตวนที่ถือดาบเจ็ดดาวอยู่ในมือถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปไกล พลิกตัวกลางอากาศแล้วลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคง

ทุกคนตกตะลึง เนื่องจากถึงแม้ว่าหลินตวนจะไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิตอะไร แต่บนร่างกลับปรากฏรอยมีดฟันที่แตกต่างกัน ดูน่าหวาดกลัวจริงๆ ต้องทราบว่าหลินตวนไม่เพียงแต่มีฝีมือแข็งแกร่งมาก แต่ยังมีดาบเจ็ดดาวที่เป็นอาวุธเทพของพรรควรยุทธโบราณแบบนี้อยู่ในมือด้วย แทบจะมีแค่ไม่กี่คนที่สามารถฆ่าเขาได้ แต่กลับถูกทำร้ายจนกลายเป็นแบบนี้ ผู้มาเยือนแข็งแกร่งมากจริงๆ

“ศัตรูที่แข็งแกร่งมาลอบโจมตีแล้ว ความน่ากลัวของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ไม่อาจถูกหยามได้ ใครต้องการไปก็ไปได้เลย คนที่เต็มใจจะอยู่ต่อก็รับมือศัตรูด้วยกันกับฉัน!” อู๋เสวี่ยพูดจบก็เป็นคนแรกที่เดินไปเบื้องหน้า

หวังเจี๋ยเดินตามขึ้นไป ตามด้วยหูหลงและเสี่ยวชิง เติ้งซวงและจางอู่เฉวียนก็เดินตามขึ้นไปด้วย คนอื่นๆ อีกหลายคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเดินตามขึ้นไป จะอย่างไรทุกคนก็เป็นกลุ่มเดียวกัน ชื่อกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์โด่งดังไปทั่วแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อยากถูกทำให้อัปยศแบบนี้

จางเหลยและจางต๋ายืนนิ่งอยู่กับที่ ในตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าตนเองสองพี่น้องถูกคัดออกแล้ว ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด คนอื่นๆ อีกสิบคนต่างเลือกปกป้องเกียรติยศของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์

“ทำไมพวกแกสองพี่น้องยังไม่ไปอีก?” อู๋เสวี่ยหันมามองจางเหลยและจางต๋า พวกเขาอยู่ด้านหลัง

“เกียรติยศของสิบสามจ้าวสวรรค์นี้ พวกเราจะขอปกป้องไปด้วยกัน!”

“ต่อให้พวกเราต้องการจะไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้สิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราอับอายได้!”

เมื่อได้ยินคำพูดของจางเหลยและจางต๋า อู๋เสวี่ยก็หัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ดีว่าสองพี่น้องคู่นี้เข้าใจกระจ่างแล้ว กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรหนึ่งเท่านั้น ทุกคนไม่ได้มาเพียงเพื่อเงิน แต่ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน มีความใฝ่ฝันที่ไล่ตามเหมือนกัน มีความเชื่อมั่นอย่างเดียวกัน

ในตอนนี้ เบื้องหน้าของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์มีคนชุดดำยืนอยู่สองคน มุมปากของคนชุดดำร่างเตี้ยกระอักเลือดออกมา แต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต ไม่กล่าวไม่ได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ส่วนข้างกายของเขามีชายร่างสูงใหญ่และกำยำเป็นอย่างมากคนหนึ่งยืนอยู่ มีดในมือดูแปลกมาก เปล่งประกายสีน้ำเงินออกมา เป็นมีดเล่มนี้ที่เพิ่งจะขัดขวางดาบเจ็ดดาวที่ทรงอนุภาพของหลินตวนเอาไว้ได้และปะทะอย่างรุนแรง

“เจ้าเตี้ย แกบอกว่าแกคนเดียวก็ตัดหัวสิบสองคนนี้ได้แล้วไม่ใช่รึไง? ดูท่าจะทำไม่ได้ โชคดีที่พวกเราห้าคนมากันหมด!” ชายชุดดำร่างกำยำพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“หึ เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าแกก็ลงมือแล้วเหรอ? ความสามารถของพวกแกเป็นยังไงแกย่อมรู้ดี ไม่เห็นว่าแกจะฆ่าไอ้หนูนั้นได้เลย!” คนชุดดำร่างเตี้ยแค่นเสียงเย็นออกมาแล้วพูดขึ้นโดยไม่อ่อนข้อแม้แต่น้อย

ชายร่างกำยำมองหลินตวนอย่างดุดัน จับจองดับเจ็ดดาวในมือขวาของเขาเขม็งแล้วพูดเสียงเย็นว่า “ ไอ้หนูนี่ให้ฉันฆ่าเอง ดาบในมือของเขาไม่เลวเลย มันจะเป็นของฉันด้วย ใครกล้ามาแย่งฉันจะฆ่ามันซะ!”

“ตกลงพวกแกเป็นใครกันแน่?” อู๋เสวี่ยขมวดคิ้วถาม เขารู้สึกว่าชายชุดดำคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยนี้แข็งแกร่งมาก จำเป็นต้องรู้ที่มาที่ไปให้แน่ชัด

“สิบสามจ้าวสวรรค์ น่าเสียดายที่ขาดไปหนึ่งคน ไม่สามารถตัดหัวเย่เทียนเฉินไปได้ ช่างน่าละอายจริงๆ แต่ยังไงฉันเชื่อว่าไอ้หนูนั่นคงไม่รอด!” ชายชุดดำร่างกำยำพูดขึ้นแล้วหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม

“พวกแกสองคนยังมัวรออะไรอยู่ ยังไม่ออกมาอีก?” ชายชุดดำร่างเตี้ยเอ่ยถามไปด้านหลังอย่างไม่พอใจ

“แม่งเอ้ย แกเองที่คุยฟุ้ง บอกว่าแกคนเดียวจะตัดหัวสิบสองคนได้!”

“ตอนนี้ตัวเองทำไม่ได้ ยังต้องให้พวกเราลงมืออีกไม่ใช่รึไง แม่งน่ารำคาญจริงๆ!”

มีคนชุดดำโผล่ออกมาอีกสองคนแล้ว ทั่วทั้งร่างถูกห่อหุ้มไว้ด้วยชุดสีดำมีแค่ดวงตาทั้งสองที่เผยออกมาสู่ภายนอก คนหนึ่งถือค้อนอยู่ในมือ อีกคนหนึ่งถือโล่ คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอม เมื่อเทียบกับเจ้าสูงเจ้าเตี้ยเมื่อสักครู่นี้แล้วสองคนนี้ดูโหดเหี้ยมกว่าเล็กน้อย มีแค่เจ้าเตี้ยชุดดำคนเดียวที่ในมือไม่มีอาวุธ

ชายชุดดำร่างกำยำสูงใหญ่ถือมีดที่เป็นเอกลักษณ์เล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ ด้านหลังมีชายร่างอ้วน ที่ถือค้อนอันใหญ่สีดำอยู่ในมือเดินออกมา ส่วนในมือของชายร่างผอมเป็นโล่สีเงินอันหนึ่ง

“งั้นตอนนี้พวกเราก็มาดูกันหน่อยว่าใครจะตัดหัวได้มากกว่ากัน!” ชายชุดดำร่างสูงพูดอย่างเย็นชา

“ฉันจะฆ่าเจ้าหมอนี่เอง!” ชายชุดดำร่างเตียจ้องมองไปยังเปาเทียนหลงอย่างโหดเหี้ยมดุดันแล้วพูดขึ้น

“งั้นฉันเอาไอ้หนูนี่เอง” ชายร่างสูงในชุดดำชี้ไปยังหลินตวนแล้วพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“รีบลงมือเถอะ อย่าให้ลูกพี่มาแล้วงานยังไม่เสร็จ เดี๋ยวพวกเราจะซวยกันหมด!” ชายที่ถือค้อนอันใหญ่อยู่ในมือพูดออกมาอย่างทนไม่ไหว

อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยสบตากัน ต่างพากันขมวดคิ้ว ในตอนที่รับมือกับศัตรูจะต้องมีความมั่นใจ แต่สี่คนที่มาลอบโจมตีนี้ แต่ละคนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ล้วนมีความสามารถลึกล้ำไม่อาจคาดเดา เป็นคนสี่คนที่น่าหวาดกลัวอย่างมาก ถ้าไม่ระวังอาจจะทำให้สิบสามจ้าวสวรรค์ตกลงสู่อันตรายถึงขั้นเป็นตายก็เป็นได้ เนื่องจากกลิ่นอายที่ระเบิดออกมาจากบนร่างของสี่คนนี้ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

“ฆ่า!” อู๋เสวี่ยลงมือ เป็นคนแรกที่พุ่งเข้าไป

สิบสามจ้าวสวรรค์สู้กับมือสังหารชุดดำทั้งสี่คน ใครหลายคนมองแล้วอาจจะคิดว่าสิบสามจ้าวสวรรค์จะต้องชนะแน่นอน เพราะทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือ และสามารถใช้สองคนรับมือคนเดียวได้ จะต้องสามารถฆ่ามือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนี้ได้แน่

ทว่าเพิ่งจะเริ่มต่อสู้ก็ทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตกใจ พลังการต่อสู้ที่มือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนี้ระเบิดออกมา โดยเฉพาะกลิ่นอายชั่วร้ายเช่นนั้นน่ากลัวเกินไป เดิมทีความสามารถของทั้งสี่ก็แข็งแกร่งมาก รวมกับอาวุธในมือก็ยิ่งแข็งแกร่งจนยากจะต่อต้าน

สามารถพูดได้ว่า ที่มือสังหารทั้งสี่คนนี้สามารถสู้กับสิบสามจ้าวสวรรค์ได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะความแปลกประหลาดของอาวุธที่พวกเขาถืออยู่ในมือ

ฉัวะ!

ชายร่างสูงใหญ่ที่ถือมีดอันเปล่งประกายสีฟ้าตวัดมีดออกไป ถึงกับสามารถฟันอากาศให้ขาดได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกฟันขาดจะกลายเป็นเถ้าธุลี น่าหวาดกลัวอย่างมาก

ตู้ม!

ค้อนถูกทุบลงมา ชายร่างอ้วนที่ถือค้อนสีดำอยู่ในมือทุบค้อนลงไปยังอู๋เสวี่ย ถึงกับมีพลังสายฟ้าแผดเผา ทำให้พื้นหินที่ถูกสัมผัสกลายเป็นเศษหิน ทำให้ต้นหญ้าที่ถูกสัมผัสกลายเป็นหญ้าแห้งๆ

เปรี้ยง!

เสียงดังสนั่นฟ้า โล่สีเงินอันใหญ่มโหฬารตกลงมา ต้องการจะทับสิบสามจ้าวสวรรค์ทั้งหมดให้ตาย หากไม่ใช่เพราะในช่วงเวลาสำคัญ ดาบเจ็ดดาวในมือของหลินตวนถูกสะบัดออกไปจนสุดแรง รวมกับหมัดสิงอี้ของอู๋เสวี่ยที่โจมตีออกไปสุดแรงจนโลสี่เงินปลิวออกไปเป็นวงโค้ง เกรงว่าทุกคนจะต้องถูกโลสีเงินนี้ทับตายไปหมดแล้ว

“แม่งเอ้ย ฝีมือของสี่คนนี้พอๆ กับพวกเราเลย อาวุธในมือก็ร้ายกาจมากจริงๆ ดูแปลกๆ ด้วย!” หวังเจี๋ยขมวดคิ้วแล้วตะโกนด่าออกมาอย่างดุดัน

อู๋เสวี่ยเองก็กำหมัดแน่น มือสังหารสี่คนนี้ไม่ใช่ว่ามีฝีมือแข็งแกร่งจนต่อต้านไม่ได้ เพียงแต่อาวุธในมือของพวกเขาร้ายกาจมากและแปลกประหลาดมาก ทั้งยังแฝงไปด้วยพลังสังหารอันมหาศาล

ตู้ม!

หลินตวนที่ถือดาบเจ็ดดาวในมือถูกมีดของชายชุดดำร่างสูงบีบบังคับให้ถอยร่นออกไปถอยไปจนอยู่ข้างอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ย พูดออกมาอย่างเย็นชาและเคร่งเครียดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ว่า “ไม่ผิดไปจากที่ฉันคาดจริงๆ มีดในมือของเจ้าหมอนี่คือกระบี่อวี๋ฉาง!”

“กระบี่อวี๋ฉาง?” อู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยรู้สึกตื่นตะลึงยิ่งนัก ดูเหมือนจะอุทานออกมาในเวลาเดียวกัน

“ใช่ กระบี่โบราณทั้งสิบเล่ม กระบี่ไท่อาอยู่ในมือของเสวี่ยโม่เจียว เสวี่ยโม่เจียวถูกพี่ใหญ่ฆ่าแล้ว ทำให้กระบี่ไท่อาตกมาอยู่ในมือของพวกเรา และที่อยู่ในมือของเจ้าหมอนั่นคือกระบี่อวี๋ฉางที่เป็นหนึ่งในสิบกระบี่โบราณแน่นอน!” หลินตวนพูดด้วยความหวาดผวาเล็กน้อย

……….