ยอดหมอหญิงมหัศจรรย์ บทที่ 157

มู่หรงเจี๋ยยิ้มอย่างกะทันหัน ยื่นมือออกไปเรียกให้เธอเข้ามา

จื่ออานนั่งลงข้าง ๆ เขา และมองไปที่เขา

“เจ้าให้ข้าจิบสักหน่อยเถิด ข้าจะบอกความลับแก่เจ้า เป็นความลับที่เกี่ยวกับเจ้า” มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างจริงจัง

จื่ออานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ความลับของเธอ? เธอมีความลับอะไรที่เขารู้แต่ตัวเองไม่รู้? เป็นความลับของเจ้าของเดิมหรือไม่? แม้ว่าความทรงจำของเจ้าของเดิมจะยังคงอยู่ในใจของเขาเอง แต่ก็มีบางส่วนที่หายไป

ใจเธอเต้นแรง แต่ก็ยังส่ายหัว “อยากดื่มก็ไปเอาเอง ท่านอาการดีขึ้นแล้ว ก็ต้องไปหยิบเองได้”

แม้ว่าจะมีความสนใจอยู่มาก แต่เธอก็ยังมีจรรยาบรรณของความเป็นหมอ

สีหน้าของมู่หรงเจี๋ยหม่นลง “ช่างเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นยิ่งนัก ไม่ชอบเลย”

จื่ออานวางมือลงบนเตียง แล้วพูดว่า “ผู้ป่วยที่ไม่เชื่อฟังจนเกินไป หมอก็ไม่ชอบเหมือนกัน”

มู่หรงเจี๋ยมองไปที่ใบหน้าของเธอ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาอีกครั้ง “หน้าของเจ้าเหมือนเจ้าแมวที่ทำตาขาวด้วยความหวาดกลัว ไปเอายามาหน่อย”

“ไม่เห็นจะมีเลย ที่นี่ไม่มีกระจก ไม่เป็นไรหรอก แผลที่ผิวหนังภายนอกประเดี๋ยวก็หายดี” จื่ออานไม่ได้ฆ่าเชื้อที่แผลด้วยซ้ำ

“เอามานี่” มู่หรงเจี๋ยสั่งด้วยใบหน้าที่กำชับ

จื่ออานส่ายหัว “ไม่ต้อง…”

“อย่าให้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!” มู่หรงเจี๋ยเริ่มเข้มงวด

จื่ออานจำเป็นต้องหยิบยาขี้ผึ้งออกจากแขนเสื้อ ขี้ผึ้งนี้ใช้สำหรับทาที่แผลบาดเจ็บโดยเฉพาะ จะมีผลในการฆ่าเชื้อและสมานแผล เซียวท่าซื้อมาจากเป่าฮวาหลิน

มู่หรงเจี๋ยหยิบขี้ผึ้งไปบิดฝาแล้วดมกลิ่น จากนั้นก็อยากจะพยายามลุกขึ้นมา แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย จึงพูดด้วยเสียงต่ำและเคร่งเครียดว่า “เข้ามาใกล้หน่อยสิ คนที่ใกล้จะตายเยี่ยงข้า ร่างกายลุกขึ้นไม่ไหว”

จื่ออานต้องเขยิบไปนั่งใกล้อีกหน่อย นั่งใกล้เขามากกว่านี้ ถ้าเทียบกับตอนที่เจอกันเมื่อก่อนมันรู้สึกผ่อนคลายมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ไม่มีความกดดันแบบนี้

อย่างไรก็ตาม หากปราศจากความรู้สึกกดดัน มันก็ทำให้รู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูก เพราะลมหายใจของเขาอยู่ต่ำกว่าเธอ และใบหน้ารูปงามนั้นก็ให้สะท้อนสีหน้าอ่อนโยนให้เห็นในดวงตาของเขา

เขาใช้มือแตะขี้ผึ้งเล็กน้อย แล้วใช้ปลายนิ้วทาเบา ๆ บนใบหน้าของนาง นิ้วที่สัมผัสกับหน้าของนางรู้สึกได้ถึงความหยาบกร้าน และเมื่อสัมผัสไปที่แผลรู้สึกว่าแผลนั้นแสบร้อนเล็กน้อย

อันที่จริงเขานุ่มนวลมากแล้ว แต่นักสู้อย่างเขาก็ยังเป็นราชนิกุลผู้สูงศักดิ์อีกด้วย เขาเคยต้องมาทำงานรับใช้ประชาชนที่ไหนกัน?

อย่างไรก็ตามขี้ผึ้งนั้นเย็นมาก เมื่อทาบนใบหน้าทำให้รู้สึกถึงความเย็นสบาย หลังจากอาการปวดแสบปวดร้อนสักพักก็ทำให้เย็นสบาย เรียกได้ว่าทำให้หายเหนื่อยล้าจนเธอเกือบจะหลับ

เธอลืมตาขึ้นเล็กน้อย เห็นขนตายาวของเขากะพริบอยู่ข้างใต้ เหมือนถูกมนต์สะกดยากที่จะเอ่ย

ชายที่โดดเด่นคนนี้ที่จะมาเป็นสามีของเธอในอนาคต เมื่อต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็ขดริมฝีปากของเธออย่างควบคุมไม่ได้ แสดงท่าทางเขินอายและดีอกดีใจออกมา

“ทำหน้าตาแบบนี้คิดอะไรอยู่หรือ?” มู่หรงเจี๋ยใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากของเธอเล็กน้อย กลิ่นของขี้ผึ้งยังคงอยู่บนนิ้วของเขา มันทำให้บริเวณริมฝีปากรู้สึกเย็น

จื่ออานรีบเงยหน้าขึ้น เธอไอจนใบหน้าแดงก่ำ “ไม่ ข้ากำลังคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่”

มู่หรงเจี๋ยพูดอย่างไม่พอใจ “ยังทาไม่เสร็จ มาทาต่อ”

จื่ออานรู้สึกหงุดหงิดกับความไม่เอาไหน ตอนนี้มันไม่ปลอดภัยแล้ว เขามีความคิดผิด ๆ แบบไหนกันนะ?

ผู้ชายคนนี้จะเป็นของเธอได้ที่ไหนกัน? พระเจ้าไม่เคยปฏิบัติต่อเธอในทางที่ดี แม้ว่าเธอจะอภิเษกกับเขา มันเป็นเพียงข้อตกลงร่วมกันเท่านั้น สิ่งสุดท้ายที่เธอต้องการคือ การแต่งงานที่ใช้ชีวิตร่วมกันและกัน

เมื่อขยับหน้าเข้าไปใกล้ เธอก็สงบลง

หลังจากทาเสร็จแล้ว มู่หรงเจี๋ยก็ถอนหายใจเบา ๆ “ข้ากระหายน้ำ ขอเหล้าให้ข้าดื่มสักหน่อยเถอะ”

จื่ออานหัวเราะ “อย่าแม่แต่จะคิด!”

“ไหนเจ้าบอกว่าใช้ฝ้ายวางบนริมฝีปากของข้า มันก็ไม่เป็นไรแล้วไงเล่า”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถลืมคำนี้ได้ จื่ออานก็ถอนหายใจเบา ๆ เหมือนที่เขาทำ “ก็แค่วางลงบนริมฝีปาก!”

เธอลุกขึ้นหยิบฝ้ายสะอาดที่ใช้ฆ่าเชื้อ เทเหล้าออกจากขวดแล้วจึงใช้ก้อนฝ้ายจุ่ม แล้วหยิบขึ้นมาทาบบนริมฝีปากของเขาเบา ๆ

เป็นเพราะมีไข้และสลบไสลมาสองสามวัน ริมฝีปากของเขาจึงแห้งมาก ก่อนดื่มเหล้าเข้าไปจึงต้องทำให้ชุ่มชื้น ดังนั้นเขาจึงใช้ลิ้นเลียริมฝีปากของเขาสองครั้ง มองดูจื่ออานด้วยท่าทางที่ยังไม่หายอยาก “ลองทำอีกสักครั้ง!”