ตอนที่ 561 เหล่าเด็กใหม่ ต้อนรับแสงแห่งรุ่งอรุณ
“พวกนายคงเพิ่งเข้าร่วมทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อสินะ” หลินเยียนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ทันที
เมื่อได้ยิน ชายหนุ่มในกลุ่มคนหนึ่งก็ผงกศีรษะอย่างต่อเนื่องแล้วตอบว่า “ใช่ครับ พวกเราเป็นคนที่หัวหน้าทีมมั่วซูอวิ๋นหามาครับ!”
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ” หลินเยียนผงกศีรษะ
หลินเยียนพูดต่อไปโดยไม่ให้โอกาสคนอื่นได้เอ่ยปากพูด “จริงสิ หัวหน้าของพวกนายล่ะ”
สมาชิกหนุ่มคนหนึ่งมองเข้าไปในสนามแวบหนึ่ง จากนั้นจึงพูดว่า “หัวหน้ามั่วกำลังซ้อมอยู่…เพียงแต่รอบนี้น่าจะใกล้จบแล้วล่ะครับ”
เพิ่งพูดจบ รถแข่งสีเงินที่อยู่ในสนามก็มาจอดใกล้ๆ หลินเยียน
ประตูรถเปิดออก มั่วซูอวิ๋นซึ่งสวมแว่นดำเดินลงมาจากรถแข่งอย่างแช่มช้าพร้อมถอดถุงมือ
“เทพธิดา แขกหายากนะเนี่ย วันนี้ลมอะไรหอบคนที่มีงานยุ่งขนาดคุณมาได้ ช่างเป็นเกียรติแก่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของพวกเราซะจริง” มั่วซูอวิ๋นจ้องมองหลินเยียนพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ
หลินเยียน “…”
มั่วซูอวิ๋นเพิ่งเข้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อได้ไม่นาน แต่กลับเริ่มรู้จักพูดจาเริ่มแล้ว
“ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย เลยหาเวลามาไม่ได้เลย” หลินเยียนพูดอธิบาย
“เทพธิดา ผมล้อคุณเล่นน่ะ” มั่วซูอวิ๋นหัวเราะ “ระยะนี้ผมตามหานักแข่งรถที่มีฝีมือเข้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อได้จำนวนหนึ่ง”
“เห็นแล้วล่ะ” หลินเยียนผงกศีรษะ
ต้องพูดว่าประสิทธิภาพในการทำงานของมั่วซูอวิ๋นนั้นยอดเยี่ยมมาก
ระหว่างที่สนทนา นายผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนก็เดินออกมาจากสนามเช่นเดียวกัน
ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนในตอนนี้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก เขาตัดผมสั้น กระทั่งว่ายังย้อมผมสีดอกเลาที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ให้กลายเป็นสีดำเทาเสียด้วยซ้ำ
“เสี่ยวเยียน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนจ้องมองหลินเยียนพร้อมเอ่ยถาม
“คุณตา หนูเพิ่งมาถึงค่ะ” หลินเยียนตอบ
ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนหัวเราะเบาๆ “เสี่ยวเยียน ดูทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของพวกเราตอนนี้สิ เป็นยังไงบ้าง”
เมื่อได้ยิน หลินเยียนก็มองสำรวจโดยรอบสนามซ้อม จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ ทันที “เปลี่ยนรูปโฉมใหม่ เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวาค่ะ”
ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อในปัจจุบันคึกคักกว่าเมื่อก่อนมากจริงๆ ดูแล้วก็ยิ่งเหมือนทีมรถแข่งมืออาชีพทีมหนึ่ง
“หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อจะเข้าแข่งครั้งแรกหลังจากที่ฟอร์มทีมใหม่” หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน มั่วซูอวิ๋นก็พูดกับหลินเยียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ศึกครั้งแรกหลังจากฟอร์มทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อใหม่นับว่าสำคัญมาก ถ้าหากพ่ายแพ้ บางทีทีมรถแข่งตระกูลเฮ่ออาจไม่มีวันได้ฟื้นตัวตลอดกาลก็เป็นได้
ประการแรก เงินทุนคือปัญหาใหญ่ ถึงแม้มั่วซูอวิ๋นจะลงทุนกับทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อไปไม่น้อย แต่ก็ทำได้จำกัดยิ่งนัก
ทุกคนต่างรู้กันดี การแข่งรถเป็นเรื่องที่เผาเงินทองอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีสปอนเซอร์ที่ส่งเงินมาอย่างต่อเนื่อง แค่อาศัยคนเพียงไม่กี่คน ก็ไม่อาจดูแลทีมให้ดีอย่างต่อเนื่องได้แน่
หลินเยียนเข้าใจปัญหาด้านเงินทุนดียิ่งกว่าใครทั้งสิ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ การฟอร์มทีมใหม่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น หากทีมรถแข่งตระกูลเฮ่ออยากเป็นทีมรถแข่งที่คงอยู่ต่อไปได้อย่างแท้จริงก็มีแค่ต้องเอาชนะการแข่งอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ทั้งยังต้องเลื่อนอันดับชั้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย นอกจากนี้ก็ไม่มีหนทางอื่นใดอีกแล้ว
“เดี๋ยวพวกเราไปดูการแบ่งอันดับชั้นของทีม รวมถึงคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอในช่วงนี้ด้วยกันเถอะครับ” มั่วซูอวิ๋นเอ่ย
เมื่อได้ยินหลินเยียนก็ผงกศีรษะ ตอนนี้เธอต้องทำความเข้าใจสถานการณ์และข้อมูลของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อรวมถึงทีมรถแข่งภายในประเทศสักหน่อย
“หยุดเรื่องที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ก่อน ตามมาทั้งหมด”
มั่วซูอวิ๋นมองไปรอบด้านพร้อมปรบมือทันที
“หัวหน้ามีอะไรเหรอครับ พวกเรากำลังจะขึ้นรถไปซ้อมอยู่พอดีเลย” สมาชิกคนหนึ่งถาม
“อย่าพูดไร้สาระ ให้เจ้าหนูอย่างนายตามมาก็ตามมาสิ” มั่วซูอวิ๋นพูดด้วยความรำคาญ
ตอนที่ 562 เชียร์ลีดเดอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด
ผ่านไปหลายวินาที สมาชิกหนุ่มของทีมจำนวนไม่น้อยต่างทยอยวิ่งออกมาจากสนามฝึกซ้อม พร้อมยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ด้านข้าง
“พี่สาว…พี่มาแล้ว…”
อวิ๋นเซวียนมองหลินเยียนพร้อมเรียกเสียงเบา
“พี่ครับ พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เฮ่อเล่อเฟิงถามด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ห้ามพูด” มั่วซูอวิ๋นเหลือบมองเฮ่อเล่อเฟิงกับอวิ๋นเซวียนสองคน
ทั้งสองรีบยืนให้เรียบร้อยทันที ไม่กล้าพูดอีกต่อไป
“ที่นี่มีหลายคนที่เพิ่งเข้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ คงจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อสักเท่าไหร่” เมื่อเห็นทุกคนสงบนิ่งกันหมดแล้ว มั่วซูอวิ๋นถึงเอ่ยปากพูดต่อไป
“ก่อนหน้านี้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อของเราเป็นแค่ทีมรถแข่งระดับต้นเท่านั้น แต่ตอนนี้อยู่ในขั้นฟอร์มทีมใหม่แล้ว อีกไม่นานศึกครั้งแรกของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อก็จะเริ่มขึ้น และศึกครั้งแรกนี้จะเป็นตัวกำหนดอันดับชั้นของทีม ทุกคนจงจำไว้ ฉันไม่สนใจว่าก่อนที่พวกนายเข้าร่วมทีมจะเจ๋งมากแค่ไหน และไม่สนใจด้วยว่าพวกนายจะขี้โม้เก่งมากแค่ไหนด้วย ถ้าหากระหว่างการฝึกซ้อมที่กำลังจะเกิดขึ้นในหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้ายังไม่ถึงขั้นที่ฉันรู้สึกพอใจ ก็จงม้วนเสื่อกลับบ้านไปได้เลย” มั่วซูอวิ๋นพูดด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
เมื่อได้ยิน ทุกคนที่สวมชุดเครื่องแบบทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อต่างมองหน้ากัน ถึงกระนั้นกลับไม่ได้รู้สึกมั่นใจอะไรนัก
พวกเขาไม่มีทางเห็นทีมรถแข่งระดับต้นอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มทีมใหม่ จำเป็นต้องกำหนดอันดับชั้นของทีมรถแข่งใหม่ด้วย การแข่งครั้งนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าจะเจอทีมรถแข่งที่อยู่อันดันชั้นอะไรบ้าง
“ยังมีอีก ทุกคนต้องทำความรู้จักสุภาพสตรีท่านนี้กันสักหน่อย”
มั่วซูอวิ๋นมองหลินเยียนพร้อมกับเปลี่ยนหัวข้อกะทันหัน
“นี่ไม่ใช่…หลินเยียนงั้นเหรอ! นักแสดงหญิงที่แสดงเป็นหลินเผี่ยนรั่วในคู่ปรับมหากาฬนี่นา!” สมาชิกทีมคนหนึ่งพูดด้วยความประหลาดใจใจ
“ใช่แล้ว” มั่วซูอวิ๋นผงกศีรษะ “คุณหลินเยียน เป็นจิตวิญญาณของทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเรา และยังเป็นนักแข่งที่เก่งมากที่สุดในทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อเราอีกด้วย เคยเอาชนะทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูทั้งทีมมาแล้ว”
“ฉันได้ยินมาว่า…นั่นเป็นการแข่งแบบหลอกๆ…”
สมาชิกทีมคนหนึ่งพูดพึมพำเสียงค่อย
“หัวหน้ามั่ว พวกเราทุกคนเห็นแก่หน้าคุณถึงได้เข้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ คุณมีความสามารถยังไงไม่ต้องพูดถึง ทุกคนต่างรู้ดี แต่การชมคุณหลินซี้ซั้วแบบนี้ เหมือนจะไม่มีความหมายอะไรนะครับ”
ขณะนี้เองสมาชิกทีมคนหนึ่งมองมั่วซูอวิ๋นพร้อมกล่าวระคนหัวเราะ “คุณหลินเป็นนักแสดงคนหนึ่ง ฝีมือการแสดงดีมาก มิหนำซ้ำคุณหลินยังเป็นหลานสาวของนายผู้เฒ่า จะขับรถแข่งเป็นสักหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าบอกว่าคุณหลินชนะทีมดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูทั้งทีม…นี่…ถ้าอยากให้ผมเชื่อ งั้นผมคงต้องผิดต่อมโนธรรมของตัวเองแล้วล่ะ”
“ฮ่าๆๆ นั่นสิ หัวหน้ามั่ว คุณหลินเป็นเชียร์ลีดเดอร์ให้พวกเราได้นะ พอพวกเราเห็นคุณหลินแล้วก็จะคึกคักมีกำลังวังชาทันที ศัตรูแข็งแกร่งแค่ไหนก็จะบดขยี้มันได้ เฮ้อ คุณหลิน คุณช่างสวยจริงๆ เลยนะครับ!”
“คุณหลิน ตัวจริงคุณ…สวยกว่าในหนังซะอีกนะครับ!”
“คุณหลิน ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณ หัวหน้ามั่วบอกว่าคุณหลินอยู่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ผมถึงมาเข้าร่วมทีม!”
หลินเยียน “…”
เมื่อได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน หลินเยียนก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นี่เธอควรดีใจหรือว่าเสียใจกันแน่
“คุณหลิน ตอนที่ทีมรถแข่งเริ่มแข่งจัดอันดับ คุณต้องมาเชียร์สร้างขวัญและกำลังใจให้พวกเรานะครับ!”
เด็กเปรตวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งจ้องมองหลินเยียนด้วยสองตาเป็นประกาย
มั่วซูอวิ๋น “…”
มั่วซูอวิ๋นรู้สึกอับจนปัญญาอยู่บ้างเช่นกัน เจ้าพวกนี้ไม่ได้ฟังเขาเลยสักนิด
“ช่างเถอะ ไสหัวไปฝึกซ้อมกันให้หมด” มั่วซูอวิ๋นนวดหัวคิ้ว