ตอนที่ 573 จะไปยิ้มออกได้ยังไง
เบื้องล่าง แขกเหรื่อทุกคนได้เข้าประจำที่ของตัวเองกันหมดแล้ว ต่างคนก็ต่างยกโทรศัพท์ขึ้นมาท่องโซเชียลระหว่างรอการปรากฏตัวของสองตัวละครหลักในวันนี้…
“พรืด ดูนี่สิ!”
ไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นเจ้าของเสียงหัวเราะอันดังทุ้มนั้น เธอคนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งไปให้แฟนหนุ่มของเธอดู
“แม่เจ้า นี่มัน…”
ผู้คนจำนวนไม่น้อยพากันยกมือปิดปากด้วยความตกใจก่อนจะแลกสายตากันไปมา แม้สีหน้าของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป แต่ทว่าต่างก็ไม่มีใครหนีพ้นความรู้สึกอึดอัดไปได้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน วันนี้เป็นงานหมั้นแท้ๆ แต่ดันมีภาพแบบนี้หลุดออกมาได้”
“ไม่รู้เหมือนกัน…”
เพียงไม่นาน งานหมั้นสุดโอ่อ่าก็ได้ตกอยู่ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบที่ดังระงม ทุกคนต่างก็กำลังขัดจังหวะงานในวันนี้อยู่ แม้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะแสดงออกอย่างเปิดเผยมากเกินไปนัก แต่ในเมื่อมีผู้คนมากมายขนาดนี้ ใครกันจะห้ามปรามเสียงของพวกเขาทั้งหมดได้
“ดูบนบันไดวนชั้นสองนั่นสิ นั่นมันคุณชายซูกับเฉินเชียนโหรวนี่…”
“วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว นับตั้งแต่เธอเข้าวงการมา เธอก็ทำตัวใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับกุมารีหยกมาตลอด ไม่คิดเลยว่านี่…”
“ก็ดาราอะนะ ตอนเข้าวงการก็ต้องอาศัยภาพลักษณ์กันทั้งนั้นแหละ กุมารีหยกผู้บริสุทธิ์นั่นเห็นจะเรียกความนิยมได้มากที่สุดแล้ว แต่พอมาตอนนี้เห็นทีจะ…”
สายตาจากฝูงชนกราดมองไม่ยังชั้นสองเป็นตาเดียว ต่างก็พากันชี้นิ้วไปทางเฉินเชียนโหรวและซูเหิงด้วยสีหน้าและแววตาที่หลากหลาย และมีบางครั้งที่พวกเขาปิดปากแล้วกลั้วขำเสียงเบา
เฉินเชียนโหรวคุ้นชินกับการตกเป็นเป้าสายตา การถูกประจบประแจง การถูกชื่นชม และการถูกอิจฉาไปตั้งนานแล้ว แม้ว่าในหัวใจของเธอจะยังคงไร้วี่แววของความตื่นเต้น แต่ถึงกระนั้นเมื่อเธอต้องมาตกอยู่ท่ามกลางสายตาหลายคู่เช่นนี้ เฉินเชียนโหรวจึงเชิดคางขึ้นด้วยท่าทางที่สงบและเรียบนิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้างดงามและนุ่มนวลนั้นก็ดูหวานละมุนยิ่งขึ้น
พิธีกรก้าวขึ้นสู่เวที หลังจากที่กล่าวเปิดงานไปชุดหนึ่งแล้ว เธอก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า
“ต่อไป เพื่อคู่บ่าวสาวที่โดดเด่นที่สุดของเราในวันนี้ ขอเชิญทุกท่านร่วมกันเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญ ที่สุดแสนจะโรแมนติกและสวยงามที่สุดของพวกเขาทั้งคู่ด้วยค่ะ!”
พิธีกรเป็นฝ่ายนำปรบมือก่อน จากนั้นทุกคนที่อยู่เบื้องล่างก็พากันปรบมือตามกันอย่างคึกคักเพื่อเป็นการไว้หน้า
เฉินเชียนโหรวหันไปมองซูเหิงวูบหนึ่ง พลันสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของเธอถูกประดับด้วยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบ เธอควงแขนซูเหิงแล้วก้าวเท้าเดินลงไป
ท่ามกลางเสียงปรบมืออันคึกครื้นของฝูงชน เฉินเชียนโหรวกระชับวงแขนของซูเหิงเอาไว้แน่นและก้าวเดินไปอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว
บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่อย่าง ซูปิงโย่ว ไช่จิ้งอี๋ เฉินซั่งหวา เจียงหรงหรง เฉินเต๋อฝาน และหยางลี่เวย ก็พากันออกมาจากหลังเวทีอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะนั่งลงไปบนที่นั่งที่ถูกจัดไว้ด้านหน้าสุด
เมื่อเห็นคู่บ่าวสาวที่ฝ่ายชายแลดูเปี่ยมไปด้วยความสามารถ และฝ่ายหญิงก็ช่างงดงาม พวกเขาจึงพากันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ สีหน้าที่มีต่ออีกสกุลหนึ่งที่เพิ่งจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันไปนั้น เต็มไปด้วยความนับถือและความสุภาพอ่อนโยน บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ต่างก็สรรเสริญและแสดงความยินดีซึ่งกันและกัน ช่างแลดูเป็นภาพที่แสนสุขสันต์
“ดูเหมือนคุณชายซูคนนี้ จะชอบคุณหนูรองตระกูลเฉินมากจริงนะ”
“ใช่ เธอดูท่าทีชื่นมื่นของพวกเขาสิ เห็นๆ อยู่ว่าไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย”
“เรื่องนั้นเพิ่งจะถูกปล่อยออกมาได้ไม่นานเองนะ สกุลซูอาจจะยังไม่รู้เรื่องรึเปล่า”
“คงงั้นแหละ ถ้ารู้แล้วล่ะก็ สกุลซูจะยิ้มออกได้ยังไง”
เสียงกระซิบกระซาบที่จากแถวหลังแว่วยินเข้ามาในโสตประสาทของไช่จิ้งอี๋ เรียกให้เธอหันกลับไปมองคนพวกนั้น
ผู้คนจำนวนหนึ่งจ้องมองไปยังเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ พวกเธอหันมองกันไปมาอีกครั้งก่อนจะไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีกเลย
หลังจากที่เฉินเชียนโหรวและซูเหิงก้าวเดินลงมาจากบันไดแล้ว ทั้งคู่ก็ขึ้นไปหยุดยืนอยู่บนเวที เพื่อให้ทุกคนเป็นสักขีพยานให้แก่คู่สร้างคู่สมอย่างพวกเขา
เมื่อเข้าใกล้เฉินเชียนโหรว ยิ่งพบว่าเฉินเชียนโหรวนั้นช่างงดงามและบอบบาง หลายคนอดใจไม่ไหวที่จะยกมือถือขึ้นมาและเริ่มที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าฝูงชนเบื้องล่างมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังจับจ้องเธออยู่ เฉินเชียนโหรวก็แอบสงสัยขึ้นมา ในใจ วันนี้เธอแต่งตัวได้ไม่โดดเด่นพอรึไงกันนะ
“พี่เหิงคะ พวกเขา…”
ตอนที่ 574 ผู้ชายในรูปคือใคร
“พี่เหิงคะ พวกเขา…”
เธอฉงน หลังจากที่เพิ่งจะเอ่ยปากพูดกับซูเหิงไปได้ไม่นาน จู่ๆ นักข่าวคนหนึ่งที่หักห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ไหวก็พุ่งออกมาข้างหน้า
นักข่าวคนนั้นชูโทรศัพท์ในมือขึ้น พยายามยื่นมันขึ้นมาต่อหน้าของซูเหิงและเฉินเชียนโหรว เอ่ยเสียงสูงขึ้นว่า
“คุณหนูเฉิน ไม่ทราบว่าพอจะเปิดเผยได้ไหมว่าผู้ชายในรูปนี้คือใคร”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น คิ้วสวยคู่นั้นก็ย่นเข้าหากันในทันที
“รูปอะไรคะ”
เฉินเชียนโหรวงุนงง พลางโน้มตัวลงใกล้กับหน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนนั้นไปเล็กน้อย
กระทั่งเมื่อเธอหรี่ตาลงจนมองเห็นภาพบนหน้าจอนั้นได้อย่างแจ่มชัด ใบหน้าเธอก็ถอดสีไปถนัดตา!
“คุณไปเอารูปนี้มาจากไหน!”
อย่างไม่ต้องสงสัย เสียงของเธอแผดแหลมไปจนผิดสำแดง แม้แต่ใบหน้าใสซื่อนั้นก็ยังบิดเบี้ยวและซีดเซียว
นัยน์ตาคู่นั้นของนักข่าวฉาบไปด้วยความคลุมเครือ มุมปากของเขากระตุกยิ้มขึ้น เขาเก็บโทรศัพท์กลับมาแล้วเอ่ยถามเสียงสูง
“ในเน็ตไง คุณหนูเฉิน ตอนนี้รูปนี่ว่อนไปทั่วเน็ตแล้ว! คงไม่มีใครไม่รู้หรอก…”
เฉินเชียนโหรวเบนสายตามองไปยังเบื้องล่างของเวที สีหน้าของทุกคนไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อสักครู่นี้
ความอับอายในใจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อย ที่แท้สายตาที่พวกเขามองมายังเธอเมื่อครู่นี้มันคือความสนุกสนาน เย้ยหยัน ล้อเลียน เพราะเห็นเธอเป็นตัวตลกล้วนๆ ไม่ใช่เพราะความอิจฉาอะไรทั้งนั้น…
“รูปอะไร”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ไช่จิ้งอี๋ก็ได้เอ่ยขึ้น เธอได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากข้างหลังมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
ในคราแรกกลับนึกว่าคนพวกนั้นพูดกระแนะกระแหนไปเพราะความอิจฉาริษยาเท่านั้น
แต่เหตุการณ์ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้โลกสวยอย่างที่เธอคิดขนาดนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักข่าวก็ยกยิ้มขึ้นแล้วหันไปมองไช่จิ้งอี๋วูบหนึ่ง “ที่แท้คุณนายซูก็ยังไม่รู้นี่เอง”
เขาว่าพลางเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนจะกระโดดขึ้นเวทีไปในทันใด แล้วตรงดิ่งไปยังมุมๆ หนึ่งของเวที ก่อนที่เขาจะหาอุปกรณ์มัลติมิเดียเจอได้อย่างคล่องแคล่ว เขารีบหยิบสายยูเอสบีเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊คของตนในทันที
หลังจากที่เซ็ตทุกอย่างเสร็จแล้ว หน้าจอแอลซีดีขนาดยักษ์ที่กินพื้นที่ผนังหลังเวทีไปทั้งหมดก็ได้ปรากฏภาพหนึ่งขึ้น
เป็นภาพวาบหวิวบนเตียง
ภาพนั้นขยายใหญ่ขึ้นบนหน้าจอ แสงฟลูออเรสเซนส์ที่กระจายออกมาจากหน้าจอสาดกระทบใบหน้าของบุคคลที่นั่งติดแถวหน้าสุดให้ดูสว่างเป็นพิเศษ
เฉินเชียนโหรวกำลังหันหน้าให้กับกล้องด้วยสายตายั่วยวนและใบหน้าแดงก่ำ
ท่าทางเช่นนั้น เหมือนกับกุมารีหยกที่บริสุทธิ์เสียที่ไหน!
และใบหน้าของชายหนุ่มข้างๆ เธอก็ถูกตัดแต่งด้วยโมเสกรูปเต่าสีเขียว
ยามที่ซูเหิงได้เห็นภาพนั้น ใบหน้าหล่อเหลาก็มืดหม่นลงทันตา
และเมื่อเฉินเชียนโหรวได้เห็นรูปภาพขนาดใหญ่นั้น สมองของเธอก็ขาวโพลนไปอีกครั้ง
ก่อนจะได้สติในวินาทีถัดมา เธอหน้าซีดจัดแล้วแผดเสียงกรีดร้องออกมา
“อ๊ายยย! ปิดนะ! ฉันบอกให้ปิดมันเดี๋ยวนี้! ห้ามมองนะ พวกเธอห้ามมองมันเด็ดขาด!”
เธอกรีดร้องพลางยกมือขึ้นบดบังสายตาของทุกคน
แต่แน่นอนว่าจอภาพติดผนังขนาดใหญ่เช่นนั้น เผยให้เห็นรายละเอียดของภาพถ่ายได้ชัดเจนทุกรูขุมขน
เธอหันกลับไปมองภาพนั้น แสงที่สาดออกมาจากหน้าจอตกกระทบกับใบหน้าซีดจัดของเธอ มันซีดเสียจนมองไม่เห็นสีเลือดฝาด
ด้วยความตื่นตระหนก ร่างของเธอจึงซวนเซไปมาเล็กน้อย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นในนาทีต่อมา