ตอนที่ 631 นอกจากคุณแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่ง! / ตอนที่ 632 เจ้าชายขี่ม้าขาวมา คุณชายหานโดนสวมเขาแล้ว

หวานรักจับหัวใจท่านประธาน

ตอนที่ 631 นอกจากคุณแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่ง!

 

 

“ฉันจำไม่ได้แล้ว……” เหนียนเสี่ยวมู่โดนชายหนุ่มถามจนนิ่งงันไป ภาพความทรงจำในสมองกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

 

เธออาศัยแค่สัญชาตญาณที่บ่งบอกว่าเธอต้องเคยมาที่มาก่อนแน่ๆ

 

 

ชิงช้าที่ฟ่านอวี่พูดถึง เธอก็รู้สึกคุ้นๆ อยู่

 

 

แล้วเธอก็ยังจำสวนสตอร์เบอร์รี่ในสนามหญ้าได้ด้วย

 

 

แต่ว่าคนในครอบครัวของเธอ รวมถึงสิงลี่ พี่สาวของเธอ เธอกลับไม่มีความทรงจำใดๆ เหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว……

 

 

แล้วยังมีเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนั้นอีก

 

 

ในความทรงจำของเธอ มีเหตุการณ์ไฟไหม้เกิดขึ้นจริงๆ

 

 

เพลิงไฟลุกโหมอย่างรุนแรง

 

 

ลุกท่วมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว

 

 

ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เธอเคยฝันถึงเหตุการณ์ที่ตัวเองถูกไฟครอก แต่ว่าพอตื่นขึ้นมากลับจำอะไรไม่ได้เลย

 

 

แต่ว่า หากเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จริงๆ จำทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในสนามหญ้านี่ได้ อย่างนั้นสิ่งที่สิงลี่พูดก็น่าจะเป็นเรื่องจริง

 

 

เธอชื่อสิงซิง

 

 

มีพี่สาวหนึ่งคน

 

 

มีพ่อแม่ที่น่ารัก

 

 

แต่ว่าความสุขทุกอย่างนี้โดนทำลายด้วยน้ำมือของเธอ เธอเป็นตัวต้นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้ ทำลายครอบครัวทั้งครอบครัวของตัวเอง เธอเป็นตัวกาลกิณีของตระกูลสิง……

 

 

พอเหนียนเสี่ยวมู่คิดได้แบบนี้ สีหน้าก็ย่ำแย่ลง

 

 

หันไปหาฟ่านอวี่

 

 

“ตอนที่คุณอยู่ที่สนามหญ้านี้ เคยเจอใครนอกจากฉันไหม เช่นพ่อแม่ของฉัน ไม่ก็พี่สาว”

 

 

“……”

 

 

ฟ่านอวี่นิ่งขรึมไป

 

 

แววตาสั่นไหวราวกับลังเลอะไรบางอย่าง

 

 

ครู่ใหญ่ จึงพยักหน้าเบาๆ “ผมไม่แน่ใจว่านั่นคือพ่อแม่ของคุณหรือเปล่า เพราะผมรู้สึกว่า พวกเขามักจะปฏิบัติต่อคุณแปลกๆ……”

 

 

ฟ่านอวี่พูดถึงตรงนี้แล้วก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

 

 

เขาอาศัยอยู่ที่บ้านยายของเขาหลายปี

 

 

ตอนที่เขาเพิ่งรู้จักกับเสี่ยวลิ่วลิ่ว ก็มักจะเป็นการแอบเจอกัน

 

 

แต่พอเวลานานไปก็ปิดคนรอบข้างไม่มิด

 

 

ต่อมาครอบครัวของเขาต่างก็รับรู้ว่าเขามีเพื่อนเล่นที่สนิทมากคนหนึ่ง

 

 

รู้ว่าครอบครัวของเธอค่อนข้างเข้มงวด ตอนที่เธอแอบออกมาเล่นกับเขา ยายของเขามักจะแอบเปิดประตูลับเอาไว้เพื่อให้เธอสะดวกในการเข้าออก

 

 

บางครั้ง ก็ตั้งใจทำของอร่อยแล้วให้เขาเรียกเธอมาทานด้วยกัน

 

 

ในความทรงจำของเขา หญิงสาวเอ่ยถึงครอบครัวของตัวเองน้อยมาก

 

 

ทุกครั้งเวลาที่มาหาเขาก็มักจะมาคนเดียวเสมอ

 

 

ยายของเขาถามเธอเรื่องครอบครัว เธอก็มักจะไม่ชอบพูดถึง

 

 

ผ่านไปนานเข้า เขารู้ว่าเธอไม่ชอบ เขาก็เลยไม่ถามอีก

 

 

เวลาผ่านไปนานมากแล้ว มีอีกหลายเรื่องที่เขาก็จำไม่ค่อยได้แล้ว

 

 

ในความทรงจำของเขา เหมือนว่าจะเคยเห็นหญิงสาวยืนอยู่กับสามีภรรยาวัยกลางคนคู่หนึ่งที่สนามหญ้า

 

 

ไม่รู้ว่าพูดอะไรกับเธอ

 

 

รอยยิ้มดูใจดี แววตามีแววเอ็นดู……

 

 

เป็นคู่สามีภรรยาที่ดูรักใคร่กันดี

 

 

แต่ว่าท่าทีท่าพวกเขาที่ยืนอยู่ต่อหน้าหญิงสาว มันดูเหมือนว่ามีการโค้งตัวน้อยๆ ความรู้สึกของคนที่เห็นนอกจากความเอ็นดูแล้ว มันยังแฝงไปด้วยความเคารพนอบน้อม……

 

 

“แล้วสิงลี่ล่ะ ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเคยเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับฉันยืนอยู่ข้างฉันไม่ใช่เหรอ นอกจากครั้งนั้นแล้ว คุณเคยเจอคนในครอบครัวฉันคนอื่นอีกหรือเปล่า”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่เอื้อมมือไปจับแขนของฟ่านอวี่โดยไม่รู้ตัว สายตามมองไปทางชายหนุ่มอย่างคาดหวัง

 

 

ตอนนี้นอกจากตัวเธอเองแล้ว คนที่จะช่วยให้เธอนึกถึงเรื่องราวในอดีตได้ก็มีแต่ฟ่านอวี่

 

 

ฟ่านอวี่เม้มริมฝีปากเล็กน้อย แววตาเริ่มพร่ามัว

 

 

เวลาผ่านไปนานมากแล้ว ตอนนั้นเขามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ตัวหญิงสาวคนเดียว

 

 

นอกจากเธอแล้ว เขาแทบจะไม่มีความทรงจำเลย

 

 

ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะครั้งนี้มีคนอัพโหลดวิดีโอลงบนอินเตอร์เน็ตบอกว่าเธอมีพี่สาวหนึ่งคน เขาก็แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเคยเห็นเธอยืนอยู่กับคนอื่น

 

 

บริเวณบ้านเก่าของตระกูลสิง ไม่มีคนอื่นพักอาศัยอยู่แถวนั้นเลย……

 

 

ฟ่านอวี่นึกอะไรขึ้นได้ แววตาเปลี่ยนไป “ผมนึกขึ้นได้แล้ว ผมจำได้ ตอนนั้นนอกจากคุณแล้ว ยังมีเด็กผู้หญิงอีกคนชอบมาปรากฏตัวอยู่ที่นอกหน้าต่างห้องผม!”

 

 

 

 

 

 ตอนที่ 632 เจ้าชายขี่ม้าขาวมา คุณชายหานโดนสวมเขาแล้ว

 

 

“เด็กผู้หญิง? อายุเท่าไหร่ หน้าตาเป็นยังไง” เหนียนเสี่ยวมู่เอ่ยถามอย่างร้อนรน วินาทีต่อมาก็โดนอวี๋เยว่หานรั้งเข้าไปในอ้อมกอด

 

 

ใช้ร่างกายของตัวเองกั้นระยะห่างระหว่างหญิงสาวกับฟ่านอวี่

 

 

น้ำเสียงขรึมลงเล็กน้อย

 

 

“เหนียนเสี่ยวมู่ ใจเย็นหน่อย”

 

 

“ฉันใจเย็นมากเลยนะ……” เหนียนเสี่ยวมู่ตอบกลับในทันที ต่อมาถึงได้สติตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ตัวเองจับมือของฟ่านอวี่เอาไว้ เธอขยับเล็กน้อยอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม บ่นพึมพำ “ถังน้ำสมสายชู[1]”

 

 

“หืม?” อวี๋เยว่หานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

 

 

โอบหญิงสาวเอาไว้ แล้วหันไปมองฟ่านอวี่อีกครั้ง

 

 

ฟ่านอวี่เห็นสีหน้าทะมึนของชายหนุ่ม มุมปากก็เหมือนจะหยักยิ้มขึ้นเล็กน้อย เอ่ยขึ้นเสียงนิ่งๆ “เวลามันผ่านไปนานเกินไป ผมจำได้แค่ลางๆ เด็กผู้หญิงคนนั้นอายุไล่เลี่ยกับคุณ”

 

 

ชายหนุ่มพูดพลางหมุนตัวเดินไปยังคฤหาสน์ตระกูลฟ่าน

 

 

ระยะห่างระหว่างสองคฤหาสน์ ถือว่าไม่ได้ไกลกันสักเท่าไหร่

 

 

ไม่เหมือนกับตระกูลสิง ตระกูลฟ่านแม้ว่าจะย้ายต่างประเทศแล้ว แต่ก็ยังคงมีธุรกิจภายในประเทศอยู่

 

 

รวมถึงคฤหาสน์ที่ตอนนั้นฟ่านอวี่ใช้เป็นที่พักอาศัย

 

 

คฤหาสน์ที่ถูกปล่อยว่างเอาไว้ มีคนมาคอยดูแลทำความสะอาดอยู่ตลอด ดูแล้วจึงไม่ได้ดูเก่าสักเท่าไหร่นัก

 

 

ฟ่านอวี่เดินนำพวกเขาไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูของประตูลับทางด้านหลังคฤหาสน์ ชายหนุ่มผลักประตูเดินเข้าไปด้านใน

 

 

ไม่นาน ก็มองเห็นหน้าต่างบานหนึ่ง

 

 

เพียงแค่เขย่งปลายเท้าก็สามารถมองเห็นสภาพภายในห้องนั้นได้

 

 

“นี่คือห้องของผม เมื่อก่อนคุณชอบเหยียบก้อนหินแล้วปีนขึ้นไปนั่งบนหน้าต่าง ฟังผมเล่นเปียโน บางครั้งก็ฟังจนผล็อยหลับไป” ฟ่านอวี่ชี้ไปที่หน้าต่างที่ถูกขัดจนใสแจ๋ว เขาพูดยิ้มๆ ความทรงจำมักจะอบอุ่นเสมอ

 

 

เธอในตอนนั้นแม้จะยังเด็กแต่ก็เจ้าเล่ห์มาก

 

 

มองดูเหมือนจะว่าง่าย แต่พอไม่มีใครเห็น ก็ซนราวกับเด็กผู้ชาย

 

 

ปีนกำแพง ปีนต้นไม้ ปีนรั้ว……

 

 

หญิงสาวต่างทำมันมาหมดแล้ว

 

 

ทำจนตัวเองมอมแมมเหมือนลูกแมวตัวหนึ่ง ตอนที่มาปรากฏตัวที่หน้าต่างห้องเขา ยังพูดออกมาอย่างห้าวหาญ “พี่ฟ่านอวี่ ฉันกลายเป็นแบบนี้ก็เพื่อจะมาเจอพี่เลยนะ พี่ยังไม่ยอมเล่นเปียโนให้ฉันฟังอีกเหรอ ใช้ได้ที่ไหนกัน”

 

 

สุดท้ายพอเขาเล่นเปียโนให้เธอฟัง ผ่านไปไม่นาน เธอก็หลับเป็นตายอยู่ตรงหน้าต่างห้องเขา

 

 

ขนาดเขาอุ้มเธอมานอนบนเตียง เธอก็ทำแค่พึมพำอะไรเล็กน้อย พลิกตัวแล้วหลับต่อ

 

 

บางครั้งก็จะจับชายเสื้อของเขาเอาไว้ พูดละเมอออกมา “พี่ฟ่านอวี่ พี่เล่นเปียโนได้เพราะมากเลย ฉันฟังก็ง่วงตลอด……”

 

 

ตอนนั้นที่เขาได้ยินก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี

 

 

ตอนนี้พอนึกย้อนกลับไป ถ้าไม่ใช่เพราะความเชื่อใจอย่างเต็มที่เธอจะกล้านอนหลับต่อหน้าเขาได้อย่างไรกัน……

 

 

เรื่องที่ฟ่านอวี่คิดได้ อวี๋เยว่หานก็คิดได้เช่นกัน

 

 

ใบหน้าคมคายค่อยๆ คล้ำลง

 

 

มีบรรยากาศหนาวยะเยือกแผ่รัศมีออกมารอบกายของชายหนุ่ม

 

 

มือที่จับมือของเหนียนเสี่ยวมู่อยู่ กระชับบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ…….

 

 

เขาอิจฉา อิจฉามากๆ

 

 

อิจฉาที่พวกเขามีอดีตที่งดงามแบบนี้ อิจฉาที่เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในอดีตของเธอ

 

 

ถ้าหากเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำไป ในใจของเธอ ฟ่านอวี่มีความสำคัญแค่ไหนกันแน่

 

 

ถ้าหากวันหนึ่งเธอนึกขึ้นมาได้…….

 

 

อวี๋เยว่หานขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม

 

 

“คือว่า เรื่องในอดีตมันก็ผ่านไปแล้ว คุณพูดเองว่าคุณจะไม่ถือสา……” เหนียนเสี่ยวมู่เอนไปซบชายหนุ่ม กระแอมออกมา แล้วพูดขึ้นเสียงเบา

 

 

สิ้นเสียง อวี๋เยว่หานก็หันมามองเธอ ใบหน้าเย็นชา ดวงตาสีดำขลับมองสบกับสายตาสุกใสของเธอ แล้วค่อยๆ เอ่ยพูดขึ้น “เหนียนเสี่ยวมู่ ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้บอกกับผมว่า ตอนเด็กๆ คุณจะหว่านเสน่ห์ได้เก่งแบบนี้”

 

 

เหนียนเสี่ยวมู่ “o(╯□╰)o”

 

 

ดังนั้นตอนนี้เขาจะถือสากับอดีตของเธอเหรอ

 

 

 

 

 

 

 

[1] ถังน้ำสมสายชู เป็นสำนวนหมายถึงคนที่ขี้หึงมากๆ