บทที่ 34 ดาร์ก เดม่อนไม่เข้าใจความมืดในยามราตรี

จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]

บทที่ 34 ดาร์ก เดม่อนไม่เข้าใจความมืดในยามราตรี

ดาร์กไม่ได้โง่พอที่จะนอนดึกเพื่อรอให้คูลดาวน์ของ [อัตตา II] เสร็จสิ้น

เมื่อเด็กชายตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น แสงสลัวก็ลอดผ่านม่านเข้ามาในห้อง

ดาร์กไม่รอช้าร่าย [อัตตา II] ไปที่รุกกี้เดวิมอนที่กะพริบตาขึ้นมา

“อ๊า… ฮ่า ๆๆ ଘ (  ̄ ˇ  ̄ )/ !”

รุกกี้เดวิมอนบินขึ้นไปในอากาศ แล้วจ้องมองลงมาที่เจ้านายของมันอย่างดูถูก ทั้งยังปล่อยเสียงหัวเราะอย่างเย่อหยิ่งออกมา

แน่นอนว่าดาร์กไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ จากนั้นเขาก็มุ่งไปที่การวิจัยโดยตรง “รุกกี้เดวิมอน ใช้สกิลอื่น ๆ กับกำแพงสิ”

ไม่ว่าในกรณีใด วิญญาณรับใช้จะไม่สามารถต้านทานคำสั่งอย่างเป็นทางการของจอมเวทได้

แต่ในทางกลับกัน สปิริตไม่จำเป็นต้องถูกควบคุมโดยกฎนี้เสมอไป

แน่นอน ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันยังคงเป็นไปไม่ได้ที่วิญญาณรับใช้ที่มีระดับสติปัญญาสองจะมีความคิดที่จะขัดคำสั่งของเจ้านาย

ดังนั้นแม้ว่ารุกกี้เดวิมอนจะไม่เต็มใจ แต่มันก็ยังใช้สกิลอื่นกับกำแพง จากนั้นดวงตาของมันก็เบิกกว้างขึ้น คลื่นแสงเกลียวสองคลื่นก็พุ่งออกมาจากรูม่านตาสีทองเข้มทันที!

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผนัง ดาร์กคงคิดว่ามันได้เรียนรู้สกิลแบบ ‘ปืนใหญ่ลำแสงพิเศษ’ แล้ว

แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่านี่อาจเป็นสกิลพิเศษสำหรับสิ่งมีชีวิต

ดาร์กอัญเชิญ [สัตว์อสูรมายา: อีบุย] ทันที

แม้ว่าสปิริตจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของจริง แต่ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตจำลอง

แน่นอนว่าคลื่นแสงเกลียวที่ปล่อยออกมาจากดวงตาของรุกกี้เดวิมอนในที่สุดก็ได้ผล ดวงตาของอีบุยจังค่อย ๆ สับสน จากนั้นก็ผล็อยหลับไป!

[ท่าไม้ตาย: ปีศาจสะกดจิต]

[ปีศาจสะกดจิต: ปล่อยคลื่นสะกดจิตที่สะกดจิตศัตรูได้จากดวงตา]

หลังจากทำการทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้แล้ว ดาร์กก็เริ่มกำหนดเป้าหมายต่อไป

“ยังคงมี [อัตตา] เหลืออยู่ห้าหน่วยซึ่งเป็นขีดจำกัดของเดือนนี้… แต่ฉันคิดว่ามันไม่พอ”

“ส่วนขวดแห่งความคิดนี้ก็เก็บพลังแห่งความคิดไว้ได้เพียงสามวันเท่านั้น ซึ่งถือว่าสั้นเกินไป บางทีอาจถึงเวลาที่จะต้องหาคะแนนเพิ่มเพื่อซื้อของที่ดีกว่านี้แล้ว”

“นอกจากนี้ ฉันยังต้องการลองใช้การ์ดเมจิกหมวดมหาบาปอื่น ๆ ด้วย”

“อืม~ ขอดูก่อนนะ ค่าที่ใกล้ร้อยหน่วยที่สุดคือโทสะและราคะ…”

“เดี๋ยว! ทำไมฉันถึงมีความคิดนี้ล่ะ อันตรายเกินไปแล้ว!”

ดาร์กทิ้งความคิดที่อันตรายนี้ไปอย่างรวดเร็ว จุดประสงค์หลักในตอนนี้ คือการลดค่าของ [อัตตา] ก่อนทำการทดลองอื่น ๆ

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน ความสามารถในการควบคุมตนเองของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เว้นแต่ว่า [ราคะ] นั้นควบคุมได้ไม่ง่ายนัก [โทสะ] ก็ยังน่ากังวลอยู่ และสุดท้ายก็เหลือ [โลภะ] ซึ่งค่อนข้างอันตรายเล็กน้อย

ตราบใดที่ค่า [อัตตา] ซึ่งควบคุมได้ยากที่สุดถูกทำลายลง มันก็จะไม่มีปัญหาในระยะสั้น

และในอนาคต เมื่อความสามารถในการควบคุมตนเองของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ดาร์กก็จะสามารถควบคุมค่ามหาบาปอื่น ๆ ให้อยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยหน่วยได้…

ในขณะที่ผืนท้องฟ้าของสถาบันเซนต์แมเรียนถูกปกคลุมไปด้วยหมู่ก้อนเมฆ นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งก็ได้เข้าสู่คาบเรียนวิชาปรุงยาครั้งที่สองของสัปดาห์นี้แล้ว

ดาร์กมาถึงห้องเรียนล่วงหน้าตามปกติ แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจคือ มีนักเรียนอีกสองคนอยู่ภายในห้องต่างจากตอนปกติซึ่งเขาไม่เคยเห็น

วันนี้เวอร์เธอร์กับโรเบิร์ตมาถึงห้องเรียนก่อนอย่างหาได้ยาก!

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขากัน?”

แม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติกับทั้งสองคนตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน ทว่าดาร์กก็ไม่ได้สนใจ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สถานการณ์มันชัดเจนมาก!

แม้ว่าปกติแล้วเวอร์เธอร์จะไม่สวมเสื้อผ้าหรูหราเหมือนบางคน แต่จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างมาก ดาร์กไม่เคยเห็นเขามีผมยุ่งอย่างกับเล้าไก่เหมือนในวันนี้!

‘แล้วทำไมตาของพวกเขาถึงบวมแบบนั้น?’

‘ถูกรังแกมาเหรอ?’

‘นอกจากฉันแล้ว ใครจะกล้ารังแกบุตรแห่งวีรบุรุษกัน?’

‘โอ้พระเจ้า!’

‘อะไรติดอยู่บนหน้าผากของโรเบิร์ตน่ะ?’

“ต้องชนะ?”

ดาร์กพูดไม่ออก

เมื่อเวลาเรียนใกล้เข้ามา จำนวนคนในห้องเรียนก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น

มีเพื่อนบางคนอดไม่ได้ที่จะถามพวกเขา

เวอร์เธอร์กัดปากกาขณะกำลังอ่านหนังสือ ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

ดูเหมือนว่าวิญญาณของโรเบิร์ตจะออกจากร่างไปแล้วจึงหลงเหลือเพียงแต่กายหยาบ เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “ไม่เป็นไร มันเป็นเพียงราคาของการเรียนรู้!”

ปรากฎว่ามันเป็นราคาของการเรียนรู้

‘พวกเขาคงไม่ได้อ่านหนังสือกันทั้งคืนหรอกใช่ไหม?’ การทำแบบนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย

วิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือ เข้านอนตอนสี่ทุ่ม ตื่นหกโมงเช้า และงีบหลับครึ่งชั่วโมงเพื่อรักษาจิตวิญญาณในแต่ละวัน

ดาร์กอยากถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองให้กับพวกเขาจริง ๆ

แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีโอกาส

ในไม่ช้า เสียงกริ่งบอกเริ่มคาบเรียนก็ดังขึ้นตอนแปดนาฬิกาตรงเวลา

ศาสตราจารย์ทอมป์สันก้าวเข้ามาในห้องเรียนและพูดว่า “วันนี้เป็นคาบทฤษฎีนะ”

แค่ประโยคเดียวเขาก็ขจัดความกระตือรือร้นทั้งหมดออกจากนักเรียนได้

แม้ว่าคาบทดลองจะยากกว่า แต่นักเรียนชั้นปีหนึ่งก็ชื่นชอบการปรุงยาด้วยตนเองมากกว่า เมื่อเทียบกับการเรียนทฤษฎีที่แสนน่าเบื่อ

ตรงกันข้าม ดวงตาของเวอร์เธอร์และโรเบิร์ตเป็นประกาย!

“เราโชคดีใช่ไหม? โรเบิร์ต”

“ใช่ เวอร์เธอร์ ดูเหมือนว่าความพยายามของเราได้รับการยอมรับจากเทพธิดาแห่งโชคแล้ว”

“วิชาปรุงยาวันนี้ ฉันจะได้คะแนนมากกว่านายห้าคะแนนแน่นอน!”

“ฮ่า ๆๆ นายมั่นใจมากนะเวอร์เธอร์”

ประมาณห้านาทีหลังจากเริ่มคาบเรียน ศาสตราจารย์ทอมป์สันได้ถามคำถามแรกว่า “วิธีทำให้น้ำผึ้งวิญญาณบริสุทธิ์ในขั้นตอนการเตรียมคืออะไร จำได้ว่าฉันพูดถึงคำถามนี้ไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีใครจำได้ไหม?”

เวอร์เธอร์ยกมือขึ้นทันใด!

แต่ก่อนที่ศาสตราจารย์ทอมป์สันจะสังเกตเห็น เขาก็รีบลดมือลงอย่างรวดเร็ว

การยกมือขึ้นลงนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ ราวกับชักรอกที่เสียการควบคุมและดิ่งลงสู่พสุธาในทันที

เวอร์เธอร์ปาดเหงื่อและได้สติกลับมาในที่สุด

โรเบิร์ตถามอย่างกังวลใจ “เกิดอะไรขึ้นเวอร์เธอร์?”

เวอร์เธอร์ดูเขินอาย “ฮ่า ๆๆ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าศาสตราจารย์พูดอะไรไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แล้วนายล่ะโรเบิร์ต”

โรเบิร์ตก็ดูสับสน “ถ้านายไม่รู้ ฉันจะรู้ได้ยังไง?”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป เวอร์เธอร์บีบต้นขาของโรเบิร์ตอย่างแรง

“อุ๊บ~!”

โรเบิร์ตกระโดดขึ้นเหมือนตั๊กแตนแต่เขารีบปิดปากไว้ทัน

โชคดีที่ศาสตราจารย์ทอมป์สันกำลังเขียนกระดานดำและหหันลังให้กับพวกเขา จึงไม่ได้สังเกตเห็นฉากนี้

เมื่อครู่ โรเบิร์ตหลับไปรอบที่สาม

มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยที่จะเผลอหลับในชั้นเรียนของศาสตราจารย์ทอมป์สัน

เมื่อเทียบกันแล้ว ศาสตราจารย์ดีดี้ผู้สอนประวัติศาสตร์เวทมนตร์จะหักคะแนนสูงสุดสิบคะแนน ซึ่งเป็นคะแนนพื้นฐานของบทเรียน

แต่ศาสตราจารย์ทอมป์สันจะหักคะแนนต่อไปแม้ว่านักเรียนจะถึงจุดติดลบแล้วก็ตาม!

โรเบิร์ตเหงื่อออกและรู้สึกว่าตาบวมอีกครั้ง ขณะที่เปลือกตาของเขาหนักเหมือนกับถูกเหล็กถ่วง

เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า

ในที่สุด ศาสตราจารย์ทอมป์สันก็พูดถึงประเด็นที่พวกเขาดูตัวอย่างมาเมื่อคืนนี้ นั่นคือ วิธีใช้พลังเวทมนตร์เพื่อช่วยในการเตรียมปรุงยา

เวอร์เธอร์มั่นใจในพลังเวทมนตร์ของเขา

ศาสตราจารย์ทอมป์สันเท ‘ของเหลวสีรุ้ง’ ที่ผสมกับหลายสีลงในบีกเกอร์ขนาดห้าลิตรจนเต็ม จากนั้นก็ดึงแท่งแก้วที่บรรจุปรอทไว้ตรงกลางออกมา

เขากำลังจะเรียกนักเรียนมาสาธิต และเวอร์เธอร์ซึ่งตาปูดบวมเหมือนคางคกก็ยกมือขึ้นทันที!

“หืม? เวอร์เธอร์ กาวด์ เธอมาแสดงให้นักเรียนคนอื่นดูได้”