บทที่ 359

บทที่ 359

หลีฉี่กับคนอื่นต่างก็ตะลึงกับภาพตรงหน้า ด้วยแม่ทัพและทหารที่เดินเข้ามา …ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นไหว

พวกทหารใส่เกราะสีดำและแต่งกายเหมือนพวกเฟิง กองทัพเฟิงปรากฏตัวในเมืองหยานและมีธงเฟิงอยู่บนกำแพง เพียงเท่านี้ก็แน่ชัดแล้วว่าเมืองหยานถูกพวกเฟิงยึดครองไปแล้ว !

ตอนที่ทหารนับแสนเข้ามาโจมตียังพอป้องกันได้ แต่ในคราวนี้พวกเทียนหยวนส่งกองทัพเล็กน้อยแบบนี้เข้ามากลับตีเมืองได้ มันหมายความว่ายังไงกัน ?

หลีฉี่ไม่เข้าใจแล้วเดินออกมา “เจ้าเป็นใคร ?”

“จ้านหูแห่งกองทัพเทียนหยวน”

เขาก้มหัวมองหลีฉี่ มุมปากยิ้มออกมา “เจ้าคือแม่ทัพใหญ่หลีฉี่สินะ ?”

“ใช่แล้ว” อีกฝ่ายหลังตรง ตอบคำสวนกลับในทันที

“เยี่ยมมาก เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเลย”

“หา ?”

“ข้าจะได้ฆ่าเจ้าเพื่อเอาหน้ายังไงล่ะ !” ระหว่างที่พูดเขาก็ยกค้อนขึ้นเพื่อฟาดใส่หัวหลีฉี่

วู่บ ! ค้อนยักษ์พุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว ทำให้หลีฉี่ที่เห็นแบบนั้นต้องรีบถอยออกมา

จ้านหูและอู่กวนเข้ามาในเมืองพร้อมกันก็จริง แต่อู่กวนคิดว่าถ้าหากฝืนโจมตีวังหลวงอาจทำให้เกิดความเสียหายเกินความจำเป็นได้ และไหน ๆ พวกเขาก็ได้เมืองหยานทั้งเมืองไว้แล้ว งั้นก็แค่ล้อมเอาไว้เท่านั้นเดี๋ยวพวกมันก็อดตายเอง

อู่กวนจึงได้เลือกที่จะอยู่ด้านนอกวังแล้วล้อมที่นั่นเอาไว้ ส่วนจ้านหูก็ส่งกองทัพของเขาขึ้นไปบนกำแพงเพื่อสอดส่องพวกทหารคนอื่นที่จะเข้ามาเสริมนอกเมือง

…ทำให้ตอนที่หลีฉี่มาถึงจ้านหูก็อยู่บนกำแพงแล้ว และเมื่อได้ยินว่าเขาคือหลีฉี่ จ้านหูก็ดีใจมากและรีบลงมาทันที

หลีฉี่นั้นหวาดกลัวจ้านหูมากและไม่กล้าเจอกันซึ่ง ๆ หน้า ซึ่งเมื่อเห็นว่าเขาไม่อาจต่อกรกับแม่ทัพคนนี้ได้ พวกแม่ทัพเปิงที่เหลือก็พากันชักอาวุธและเกราะปราณออกมาพร้อมพุ่งเข้าใส่จ้านหู

ทั้งสามปลดปล่อยวิชายุทธ์มากมายใส่จ้านหู

…แม้ว่าจ้านหูจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีพลังปราณมากมายนัก เขารีบกลิ้งตัวหลบไปข้าง ๆ ทันที

จ้านหูยังไม่ใช่แม่ทัพมีชื่อเสียง และเขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโดดเด่นและเก่งกาจอะไรขนาดนั้น ดังนั้นในสนามรบเขาจึงกล้าที่จะทำทุกทาง โดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะหัวเราะเยาะ

แม่ทัพทั้งสามของพวกเปิงยิ้มออกมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะตัวใหญ่แต่ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เห็น

คิดได้แบบนั้นพวกเขาก็เข้าโจมตีจ้านหูพร้อมกัน

หอกปราณแทงเข้ามาใส่จ้านหูตรงกลาง และกระนาบข้างด้วยดาบทั้งซ้ายและขวา การร่วมมือของสามคนนี้ดูน่ากลัวมาก แต่เมื่ออยู่ภายใต้จ้านหูแล้วมันก็ไม่ได้น่ากลัวแบบนั้น เขายกค้อนขึ้นป้องกันจากซ้ายไปขวากระแทกแม่ทัพทั้งสามคนนี้ให้กระเด็นออกไป

พวกเขาถอยกลับ แต่จ้านหูก็ไล่ล่าพวกแม่ทัพเปิงทั้งหมดแล้วแทงค้อนไปข้างหน้า

…แม้ว่าแม่ทัพเปิงจะมีเกราะปราณปกคลุมใบหน้าอยู่ แต่ถ้าโดนค้อนนี้เข้าไปก็มีโอกาสหัวระเบิดได้ !

แม่ทัพเปิงหวาดกลัวจนต้องถอยกลับมาแล้วเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลบค้อนยักษ์ไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้แม่ทัพเปิงตะลึงจนไม่สามารถกลับมายืนตัวตรงได้ เปิดช่องให้จ้านหูที่ไม่รอช้า รีบเปลี่ยนเป็นเหวี่ยงค้อนฟาดลงมาซึ่งทำให้แม่ทัพเปิงไม่สามารถหลบไปไหนได้

โผละ !

ค้อนยักษ์ฟาดเข้าใส่หัวของแม่ทัพเปิงจนเกราะแตกกระจาย เขากระอักเลือดออกมาก่อนที่จะสลบไป

มันเกิดขึ้นเร็วมากทำให้พวกแม่ทัพอีกสองคนตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก พวกเขาตะลึงกันสักพักก่อนจะกู่ร้องออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่จ้านหู

ชายร่างยักษ์ไม่หลบ เขายืนนิ่งแล้วใช้ค้อนป้องกันเอาไว้

ทั้งสองแม่ทัพกำลังพุ่งเข้าไป พวกเขาฟันดาบเข้าใส่ร่างของจ้านหูแล้วก็ต้องตะลึงจนต้องถอยกลับมาสองก้าว เพราะดาบของทั้งสองไม่สามารถฟันเข้าร่างกายของจ้านหูได้ !

“พวกเจ้ามันอ่อนหัด !” จ้านหูไล่ตามทั้งสองแล้วเหวี่ยงค้อนเข้าใส่อีกฝ่ายแบบแนวขวาง

วู่บ !

ค้อนยักษ์พุ่งแหวกอากาศและอัดกระแทกเข้าที่เอวของทั้งสองแม่ทัพอย่างไม่อาจหลบเลี่ยงได้เพราะมันเร็วเกินไป

เคร้ง !

ค้อนที่พุ่งปะทะเข้าที่เอวได้ปะทะเข้ากับดาบที่เอวจนทำลายมันแตกกระจายส่งผลให้พวกเขากระเด็นลอยไปข้างหลัง

พวกเขาลอยไปข้างหลังไกลก่อนจะกลิ้งไปบนพื้นไม่หยุด

แขนทั้งสองข้างของพวกเขาไม่รู้สึกอะไรแล้วในตอนนี้

จ้านหูอัดพวกเขาด้วยค้อนจนกระเด็นไป แล้วจากนั้นก็หันมาหาหลีฉี่ “มาสู้กับข้าหลีฉี่ !”

หลีฉี่ขนลุกซู่ทันที พวกแม่ทัพทั้งสามถูกอัดจนตายไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะต่อกรกับชายร่างยักษ์คนนี้ได้ ดังนั้นเมื่อเห็นว่าจ้านหูกำลังวิ่งเข้ามา หลีฉี่ก็พลันวิ่งหนีไปทันที

ทั้งสองวิ่งกันอย่างเต็มกำลัง ยิ่งหลีฉี่วิ่งไปเร็วมากเท่าไหร่จ้านหูก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เขายกค้อนขึ้นแล้วขว้างใส่เป้าหมายทันที

ค้อนยักษ์แหวกอากาศหมุนไปตามแรงด้วยความเร็วเข้าที่หัวของหลีฉี่

หลีฉี่ที่ได้ยินเสียงลมก็กระโจนตัวเองไปข้างหน้าหลบค้อนที่พุ่งผ่านหัวเขาไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะเกิดเสียงกระแทกของค้อนเข้าที่พื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่

เกือบไปแล้ว ! หลีฉี่กรีดร้องในใจ ถึงแม้ว่าอาวุธของอีกฝ่ายจะไม่อยู่ในมือแต่เขาก็ไม่คิดจะสู้อยู่ดี เขารีบวิ่งหนีไป

จ้านหูวิ่งไปถึงค้อนแล้วหยิบมันขึ้นมาใหม่ ก่อนจะหันมองไปยังเป้าหมายที่หายไปในแสงยามสนธยา

จ้านหูส่ายหัวด้วยความเสียใจ แล้วยกค้อนขึ้นมองไปยังทิศที่หลีฉี่วิ่งไป

ถึงจ้านหูจะตัวใหญ่แต่ก็ไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่าเมืองหยานคือเป้าหมายสำคัญและการจัดการหลีฉี่เป็นเรื่องรองลงไป

ระหว่างที่คิดเขาก็เดินกลับไปในเมืองเพื่อจัดการเรื่องอื่นต่อ

…แม่ทัพทั้งสามที่ตามมาด้วยในตอนนี้หนึ่งในนั้นได้ตายไปแล้ว ส่วนทั้งสองก็โดนยัดยาสลายปราณไปเรียบร้อย

หลีฉี่ที่ฝ่าวงล้อมออกมาแล้วกลับมาที่เมืองหยานเพื่อจะจัดกองกำลังใหม่แต่ก็ไม่คิดว่าเมืองจะถูกยึดไปแล้ว แม้ว่าเขาจะรอดตายจากค้อนของจ้านหู แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหนดี

ซ่งเทียนได้มอบหมายเมืองให้เขาปกป้อง แต่ท้ายที่สุดเขาก็เสียมันไปและกองทัพของเขาก็ไม่มีใครรอดกลับมาเลย แบบนี้ซ่งเทียนไม่มีทางไว้ชีวิตเขาแน่ !

หลีฉี่รู้ตัวว่าหากกลับไปยังเมืองหวังเขาก็ต้องตายอยู่ดี

ในเวลานี้เขากำลังลังเลและสิ้นหวังสุด ๆ นั่นเอง เขาก็พลันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า “ในเมื่อสวรรค์จะทำแบบนี้กับข้าล่ะก็” เขาชักดาบออกมาแล้วพาดไว้ที่คอตัวเอง

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคลื่อนพลมาจากทางตะวันตกราวกับกองทัพใหญ่กำลังวิ่งเข้ามา

หลีฉี่ตะลึงแล้วหันไปทันที

และเพราะว่าท้องฟ้ามันมืดเกินไป จึงทำให้เขามองไม่ชัดว่าเป็นกองทัพของใคร แต่ธงที่อยู่บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘หนิง’

กองทัพหนิง ! หลีฉี่ดีใจสุดขีดก่อนจะชั่งใจ พวกเขามาที่นี่ทำไมกัน ? …ถ้าพวกเขามาเร็วกว่านี้ก็คงไม่เสียเมืองหยานไปแล้ว !!!