บทที่ 358

บทที่ 358

เสี่ยวฮุ่ยและหวางซ่งตายด้วยน้ำมือของถังหยินกับหยวนเปียวตามลำดับ

และที่อีกฝั่งหนึ่ง แม่ทัพเปิงก็กำลังสู้อยู่กับหยวนอู่ ทำให้คนผู้นั้นตายภายในไม่กี่กระบวนท่า ก่อนที่หยวนอู่จะถอยกลับมาหาหยวนเปียวแล้วตะโกน “ถอยก่อน !”

ทั้งสองเข้าใจความสามารถของกันและกันเป็นอย่างดี พลังปราณของพวกเขาถูกใช้จนหมดแล้ว ทำให้การต่อสู้ระยะยาวเป็นเรื่องยาก ดังนั้นจึงต้องถอยกลับมากันก่อน

เมื่อทั้งสองกลับมา พวกทหารเทียนหยวนก็เริ่มเข้าปะทะกับพวกเปิงอีกครา

ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่าการประจัญบานของสองกองทัพนั้น ทำให้ไม่มีช่องว่างของการใช้กลยุทธ์อะไรเลย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสามารถของทหารล้วน ๆ

แม้ว่าระเบียบของพวกเทียนหยวนจะไม่ดีมาก แต่ในการต่อสู้พวกเขาถือว่าเก่งกาจ ทั้งทักษะในการรบและความสามัคคีอยู่ในขั้นที่สูงมาก ส่วนทางเปิงนั้นอ่อนแอ ด้วยพวกเขาคือพวกชาวเมืองและทาสที่มาเป็นทหารกันทั้งนั้น ทำให้พวกเขาไม่มีความสามารถเทียบกับทหารจริง ๆ ได้

พวกเขาเห็นทหารเทียนหยวนจัดกระบวนทัพเป็นแนวรบสี่เหลี่ยม พากันเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง โดยคนที่อยู่แนวหน้ายกโล่ขึ้นป้องกันการโจมตี ส่วนคนที่อยู่แถวถัดมาก็จะทำการโจมตีด้วยหอก

กองทัพเทียนหยวนรุดหน้าเข้าไปอย่างรวดเร็วเหยียบย่ำพวกเปิงที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปเรื่อย ๆ ทำให้กองทัพเทียนหยวนดูเป็นดั่งเครื่องบดเนื้อที่ไล่ขยี้พวกเปิงเรื่อย ๆ

ไม่ว่าหลีฉี่จะเก่งกาจแค่ไหน แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของทหารอยู่ดี เขามองดูภาพตรงหน้าแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ซ้ำร้าย พวกเทียนหยวนก็เอาแต่กดดันเขามามากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเขาที่อยู่ตรงกลางตอนนี้กำลังจะถูกบดด้วยเครื่องบดเนื้อ

เมื่อทั้งกองทัพไม่อาจต้านทานการโจมตีได้เลย พวกเขาจึงเลือกที่จะนิ่งเฉยและปล่อยให้มันค่อย ๆ เข้าใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนทหารฝั่งพวกเขาล้มตายลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับขวัญกำลังใจของพวกเขาที่ถดถอยลงไปมาก กระทั่งเริ่มเสียสติและวิ่งเข้าใส่พวกเทียนหยวนอย่างบ้าคลั่ง

แนวหน้าของทัพเทียนหยวนทำให้ชีวิตของพวกเปิงต้องล้มตายไปมากมาย

เมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเปิงมากมายก็ทนไม่ไหวอีก พวกเขาเริ่มทิ้งอาวุธแล้ววิ่งหนีแตกพ่ายไปทั่วทิศทาง กองทัพเปิงที่เหลืออีก 2 หมื่นนายเองก็เริ่มหมดกำลังใจและคิดที่จะยอมแพ้ …ทำให้กองทัพเปิงในตอนนี้ไม่มีความเป็นระเบียบแล้ว พวกเขาเหมือนกับรังแตนที่เสียราชินีไปยังไงยังงั้น

มันจบแล้ว หลีฉี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะต้องตายลงที่นี่

ทันใดนั้นแม่ทัพเปิงนายหนึ่งก็พลันเดินเข้ามา “แม่ทัพหลี่ พวกมันแข็งแกร่งมาก พวกเราควรหนีกันก่อน !”

“จะให้หนีไปไหนได้กัน ?” หลีฉี่สิ้นหวังแล้ว ทั้งหน้าหลังของเขามีแต่พวกเทียนหยวนทั้งนั้น ต่อให้เขาหนีไปก็ไม่อาจหนีไปยังเมืองหยานได้แน่นอน

“สงครามมันยังไม่จบ เรายังทำอะไรได้อยู่บ้าง !” เมื่อเห็นว่าหลีฉี่สิ้นหวังแล้ว พวกแม่ทัพนายกองก็รีบบอก “พวกเราต้องรีบกลับไปยังเมืองหยานแล้วจัดกองกำลังขึ้นจากชาวเมืองเพื่อต่อต้านเทียนหยวน !”

“ถูกต้อง ! ไปกันเถอะแม่ทัพหลี่ !”

หลีฉี่คิดได้ทันทีที่ได้ยินคำนี้ เมืองหยานมีประชากรเกือบล้านคน ถ้าหากว่าจัดตั้งกองทัพขึ้นมาจากคนเหล่านี้ ยังไงก็ต้องต้านทานพวกเทียนหยวนได้แน่ “ตกลง ไปกันเถอะ !”

“ขอรับ !” พวกแม่ทัพเปิงพูดพร้อมกัน

ว่าแล้วหลีฉี่และแม่ทัพคนอื่นก็ไม่รอช้า พวกเขาพากันปลอมตัวเป็นทหารที่หนีทัพ จนกระทั่งหลบหนีมาถึงเส้นทางหลัก ณ พื้นที่ภายในเขตป่า

อันที่จริงพวกเขาคิดไว้แล้วว่ากองทัพเปิงจะต้องหนีเข้ามาในป่านี้แน่ ดังนั้นจึงได้มีกองทัพเทียนหยวนวางกำลังซุ่มรอพวกที่หนีทัพเอาไว้ ทำให้พวกที่หนีทัพไม่มีโอกาสแม้แต่จะโอกาสกรีดร้อง พวกเขาถูกจัดการจบนอนหมอบภายในชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น !

หลีฉี่กับคนอื่นก็ไม่ต่างกัน พวกเขาวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกทำให้ร่วงจากหลังม้า เมื่อหันไปก็พบว่ามีทหารเทียนหยวนมากมายกำลังวิ่งไล่ล่าพวกเขาอยู่

หลีฉี่และคนอื่นที่เห็นแบบนั้นเลยเรียกเกราะกับอาวุธปราณออกมา ทำให้พวกทหารเทียนหยวนถอยกลับไปได้ ก่อนที่พวกเขาจะไม่รอช้าไปมากกว่านี้ รีบวิ่งเข้าไปในป่าลึกที่ไม่ไกลนัก แต่ยังไม่ทันไร …พวกแม่ทัพก็เห็นลูกธนูกำลังพุ่งเข้ามาจนต้องใช้อาวุธป้องกันมันเอาไว้ ทว่าก็มีบางส่วนที่หลุดเข้ามาปักบนเกราะของพวกเขา

…สายเกินไปที่พวกเขาจะหนีแล้ว เกราะของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆแล้วหัวธนูก็ปักเข้าไปในร่างจนล้มลงไป !

หลีฉี่และแม่ทัพที่เหลืออาศัยจังหวะนี้หนีออกจากวงล้อมและเข้าไปในป่าลึกได้ …เสียงการต่อสู้เริ่มหายไป ทำให้ทั้งสี่มีเวลานั่งพักเพื่อหายใจกันสักเล็กน้อย

“แม่ทัพหลี่ ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ตามมาแล้ว ?” แม่ทัพเปิงที่เสียเกราะไปว่าพลางปาดเหงื่อบนใบหน้า

หลีฉี่ถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วพูดต่อ “ข้าอยู่ในกองทัพมานาน แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าพบกับความพ่ายแพ้แบบนี้”

“ตราบเท่าที่แม่ทัพหลี่ปกป้องเมืองไว้ได้ ทุกอย่างก็จะราบรื่นเอง”

ใช่แล้ว ถ้าเขาสามารถปกป้องเมืองหลวงไว้ได้ ยังไงก็ได้เปรียบ …หรือเปล่า ? หลีฉี่ไม่มีความั่นใจอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาลุกขึ้น “พวกเราจะชักช้ามากกว่านี้ไม่ได้ เราต้องรีบกลับไปที่เมืองหลวงแล้วเตรียมรับการโจมตีพวกมัน”

“ขอรับท่านแม่ทัพ !”

แม่ทัพทั้งสามยืนขึ้นอย่างเหนื่อยล้าแล้วตามหลีฉี่กลับไป

ก่อนหน้านี้พวกเขามีกองทัพยิ่งใหญ่หลัก 5 หมื่นนาย ทว่าหลังผ่านไปครึ่งวัน กำลังที่ว่ากลับไม่เหลือซากแล้ว

…พวกเขาไม่มีแม้แต่ม้า และได้แต่เดินกลับไปยังเมืองหยานด้วยเท้าเปล่าจนกระทั่งกลับมาถึงเมืองตอนกลางคืน

หลีฉี่เดินคอตกเข้าไปในเมืองโดยไม่ได้สนใจอะไรเลย ทว่าพวกแม่ทัพทั้งสามที่ตามมาก็ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างจนต้องตะลึงไป

“แม่ทัพหลี่…”

หนึ่งในนั้นพูดขึ้น

“อะไร ?” หลีฉี่ถามด้วยความสงสัย

“ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือเปล่า แต่ข้าเห็นธงเฟิงอยู่บนกำแพงพวกเรา ?” แม่ทัพคนหนึ่งตอบกลับมา

“พูดบ้าอะไรของเจ้า ?” หลีฉี่สบถออกมา ต่อให้เย่เฉิงจะกล้าหาญขนาดไหน แต่อีกฝ่ายก็คงไม่กล้าที่จะเปลี่ยนธงเป็นธงเฟิงหรอก ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง …ก็ต้องพบกับความตกตะลึง !

เขาเห็นธงสีขาวพื้นดำและตรงกลางมีคำว่า ‘เฟิง’ อยู่บนนั้น และมีธงที่มีคำว่า ‘ถัง’ อยู่ใกล้เคียงกันด้วย และถัดไปไม่ไกลก็มีธงที่เขียนว่า ‘เทียนหยวน’ อยู่อีก

หลีฉี่ตะลึง หรือว่าเย่เฉิงจะยอมเปลี่ยนธงเมืองหลวงกันนะ ? หลังจากนั้นหลีฉี่ก็ได้สติ ด้วยเขารู้แล้วว่าเมืองหยานแตกพ่ายแล้ว แต่เขาก็ยังหลอกตัวเองว่าเย่เฉิงแค่เปลี่ยนธงเท่านั้น เพราะถ้าหากซ่งเทียนรู้ล่ะก็ เย่เฉิงจะต้องหัวขาดแน่ ๆ ส่วนเขาเองก็คงมีชะตากรรมที่ไม่ต่างกัน

เขาหันมาอย่างโกรธเกรี้ยว “มัวแต่ยืนอยู่นั่นแหละ เข้ามาในเมืองกับข้าเร็วเข้า !”

เขาเดินไปยังประตูเมือง

แต่ก่อนที่จะทันได้เข้าใกล้ ก็พลันมีเสียงลูกธนูพุ่งลงมาจากบนกำแพงปักลงที่เบื้องหน้าของหลีฉี่

นี่คือการเตือนจากศัตรู

หลีฉี่ใจสั่น เขาหยุดเดินแล้วยิ่งโกรธมากกว่าเดิม “ข้าคือแม่ทัพใหญ่หลีฉี่ ! เจ้ากล้าดียังไง ?”

ได้ยินเสียงนั่นพวกทหารบนกำแพงก็ลุกลี้ลุกลนลงมาเปิดประตูให้

พวกเขามีกันประมาณ 500 คน และหัวหน้าของพวกเขาก็มีรูปร่างใหญ่ยืนเบื้องหน้าพวกทหาร พร้อมกับค้อนในมือ