ตอนที่ 601 องค์ชายในวัง
เด็กน้อยไม่เห็นด้วย ร่างเดิมเขาเป็นธาตุไฟ เหล้าช่วยเพิ่มกำลังวังชา โสมยังเป็นสิ่งเสริมพลังชีวิต แม้สองสิ่งรวมเข้าด้วยกันแล้วคนอื่นๆ จะรับไม่ไหว แต่เขาคงไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน อย่างมากเปลวไฟในร่างจะลุกโชนขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นเอง
“นายท่าน นี่เป็นข้อมูลเจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงเดินออกมา วางอาหารลงตรงหน้านาง หลังจากเหลือบมองหงส์ไฟน้อยก็ไปยืนข้างๆ
เฟิ่งจิ่วกินอาหารพลางพลิกอ่านข้อมูลบนนั้น นอกจากข้อมูลยังมีภาพเหมือนของคนในข้อมูลด้วย ด้วยเหตุนี้แค่มองก็รู้ได้ชัดเจนว่าคนที่ข้อมูลกล่าวถึงเป็นคนไหน
กินข้าวไปประมาณหนึ่งชั่วยาม หลังจากยื่นข้อมูลที่อ่านเสร็จให้เหลิ่งซวงเธอก็ถาม “รถม้าเตรียมไว้เรียบร้อยหรือยัง? เรียกพวกเขาเข้าวังไปพร้อมกันด้วย”
“เตรียมไว้แล้วเจ้าค่ะ พวกเขาคอยอยู่นอกเรือน”
“อืม” เธอขานรับ มือหนึ่งจูงหงส์ไฟน้อยเดินออกไปด้วยกัน
เมื่อมายังด้านนอก พวกหลัวอวี่เห็นหงส์ไฟน้อย สีหน้าแต่ละคนสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นเด็กน้อยคนนี้ครั้งหนึ่ง ปรากฏตัวกะทันหันและหายไปทันที ไม่นึกว่าตอนนี้ยังโผล่หน้ามาในจวนอีก
“คารวะนายท่าน” ทั้งแปดคนดึงสติกลับมา คารวะด้วยความเคารพ
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขา สั่งการว่า “หลังจากเข้าวังพวกเจ้าก็ไปรับช่วงต่อดูแลองครักษ์เสีย พาแต่ละกองพลย่อยไปลาดตระเวนภายในวัง อย่าให้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรในช่วงเวลานี้”
“ขอรับ”
พวกเขาขานรับ มองนางพาเด็กน้อยที่ตัวอ้วนกลมอย่างเห็นได้ชัดขึ้นรถม้า จากนั้นถึงค่อยร่วมทางไปข้างๆ ตามรถม้าไปยังพระราชวังพร้อมกัน
ภายในพระราชวังยามนี้ ผู้ครองแต่ละแคว้นเล็กโดยรอบกับเหล่าองค์ชายที่ติดตามมาล้วนเข้าพักในตำหนัก พวกเขาเดินไปมาที่นี่ได้อิสระ ด้วยเหตุนี้บริเวณศาลา ภูเขาจำลอง หรือตามสวนดอกไม้จึงมักจะเห็นองค์ชายหนุ่มหลายคนมารวมตัวกัน
ดื่มน้ำชา ลิ้มรสเหล้า ชมดอกไม้ คุยถึงสาวงาม เป็นเรื่องที่องค์ชายพวกนี้มารวมตัวกันและพูดถึงมากที่สุด สำหรับช่วงนี้ เรื่องที่พวกเขาคุยกันมากยิ่งกว่าคือองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวงเฟิ่งชิงเกอ
“ได้ยินว่าองค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวงรูปโฉมงามล่มเมือง มากพรสวรรค์ไร้คนเทียบ น่าเสียดาย เหมือนปกติจะไม่พักในวังแต่พักที่จวนตระกูลเฟิ่ง พวกเรามาถึงตั้งหลายวันยังไม่พบหน้าองค์หญิงท่านนี้เลย อยากรู้จริงๆ ว่านางจะงามเลิศราวกับมาจากโลกอื่นจริงหรือไม่?”
“ตามที่ข้ารู้มา นางไม่เพียงงดงามไร้ใครเทียบ ฝีมือและรัศมียิ่งไม่ธรรมดา ก่อนจะกลายเป็นองค์หญิงยังกล้าปฏิเสธคำขอแต่งงานจากรัชทายาทแคว้นเหินเวหา ความอาจหาญเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่หญิงทั่วไปจะมีได้ มาถึงที่นี่แล้วอยากจะพบองค์หญิงนามเฟิ่งชิงเกอผู้นี้จริงๆ” ชายในชุดหรูหราเล่นถ้วยในมือพลางเอ่ยขึ้นลอยๆ
ดวงตางามปานหญิงสาวคู่นั้นฉายประกายคมดุจหมาป่า แววสนุกสนานแวบผ่านในดวงตาเขา อีกทั้งใบหน้ายังเผยท่าทีสนใจ
“ถูกต้อง อยากจะพบนางจริงๆ แต่ไม่ต้องรีบหรอก ถึงวันงานแต่งครั้งใหญ่ของจักรพรรดิหลวงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง นางต้องปรากฏตัวแน่นอน”
องค์ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้น เทียบกับองค์ชายคนที่งามปานสตรี องค์ชายผู้นี้เป็นคนที่ดูท่าทางมีพละกำลัง อย่าว่าแต่หน้าตาเขาเลย แค่ร่างที่เอวเท่าเสือหลังเท่าหมียังทำให้คนรู้สึกว่าทรงพลังยิ่งนัก
“อยู่ในวังนี้ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ ไม่สู้พวกเราออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันเป็นอย่างไร?” องค์ชายคนหนึ่งในนั้นแนะนำพลางมองไปทางคนอื่นๆ
หนึ่งคนในนั้นกำลังจะพยักหน้า ก็เห็นร่างหนึ่งเดินมาจากที่ไม่ไกล ดวงตาเป็นประกายทันควัน
………………………………………………….
ตอนที่ 602 องค์ชายขวางทาง
“นึกไม่ถึงว่าในวังจะมีคนงดงามเช่นนี้ด้วย พวกเจ้าดู สตรีคนนั้นหน้าตาสะสวยจริงๆ” เขาให้สัญญาณทุกคนมองไป
ทุกคนมองตามสายตาเขา เห็นเพียงว่าหญิงสาวชุดขาวคนหนึ่งเดินนวยนาดอยู่ไม่ไกล ชุดขาวสง่างาม รูปร่างงดงามอ่อนช้อย สิ่งที่ดึงดูดความสนใจพวกเขาที่สุดคือรูปโฉมงามเลิศนั้นช่างเย้ายวนและน่าตะลึงจริงๆ ทำให้เบื้องหน้าเหล่าองค์ชายที่เห็นสาวงามจนชินตาแล้วสว่างไสวขึ้นทันใด นัยน์ตาเผยประกายตกตะลึงในความงาม
“หญิงคนนี้ท่าทางโดดเด่น แต่งตัวเรียบง่ายสง่างาม รูปโฉมงามล่มเมือง เดาว่าคงเป็นเฟิ่งชิงเกอคนนั้นเอง” องค์ชายรูปงามคนนั้นพินิจมองเฟิ่งจิ่วที่อยู่ไม่ไกล แล้วประเมินออกมา
ทุกคนได้ยินคำพูดนี้สีหน้าก็แปลกไป “นางคือองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง? งามตราตรึงใจเช่นนี้เอง มิน่าแม้แต่รัชทายาทแคว้นเหินเวหายังตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบได้ งามเสียจนคนไม่อาจละสายตาจริงๆ”
“เมื่อครู่ยังบอกว่าไม่มีโอกาสพบ ตอนนี้ก็โผล่มาเสียแล้ว ช่างมีวาสนาจริงๆ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมพวกเราไม่เชิญนางมาร่วมวงเล่า? นางเป็นเจ้าบ้าน แน่นอนว่าต้องไม่ละเลยแขกอย่างพวกเราสิถึงจะถูก พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?” องค์ชายที่อายุยังไม่มากแต่หน้าตาค่อนข้างน่ากลัวเอ่ยปากถามยิ้มๆ สายตาก็จ้องเฟิ่งจิ่วที่อยู่ไม่ไกลตาเขม็ง
กลุ่มคนได้ยินแล้วดวงตาเป็นประกาย “เช่นนี้ดีแน่นอน มีองค์หญิงผู้งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย นับเป็นเกียรติของพวกเราไม่ใช่หรือ?”
ขณะพูดคุยกัน พวกเขาแต่ละคนยิ้มพลางเดินไปทางนั้น คิดจะขวางทางเฟิ่งจิ่วไว้และเชิญนางมายังศาลา
เฟิ่งจิ่วมือจูงหงส์ไฟน้อยเดินไปยังตำหนัก คนที่ตามมาด้านหลังคือเหลิ่งซวงในชุดสีดำ ส่วนพวกหลัวอวี่ไปกับทางด้านองครักษ์ตระกูลเฟิ่ง
“คนพวกนั้นจ้องเจ้าตลอดเลย” หงส์ไฟน้อยจูงมือเฟิ่งจิ่ว สาวเท้าเล็กขาสั้นตามอยู่ข้างกายนาง สายตามองไปทางคนพวกนั้นอย่างไม่ชอบใจ
“คงเป็นองค์ชายจากแคว้นใกล้เคียงพวกนั้น ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก” เฟิ่งจิ่วไม่แม้แต่จะมองไปทางนั้น เดินหน้าต่อไป เธอคิดจะเข้าวังมาดูเสียหน่อยว่าท่านปู่ฝึกบำเพ็ญเป็นอย่างไรบ้างแล้ว และไม่คิดจะเสียเวลาอยู่กับคนพวกนั้น
“แต่พวกเขามาแล้วนะ” หงส์ไฟน้อยเอ่ย ดวงตาคู่นั้นกลิ้งกลอกไปมา ไม่รู้กำลังวางแผนร้ายอะไร เมื่อสิ้นเสียงเขาชายเจ็ดแปดคนนั้นก็มายังถึงเบื้องหน้า และขวางทางพวกเขาไว้
“ท่านนี้คงเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวงเป็นแน่ นึกไม่ถึงว่าจะได้พบองค์หญิงเร็วเพียงนี้ ทำให้พวกเราประหลาดใจไม่สิ้นสุดจริงๆ” องค์ชายคนหนึ่งเอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม สายตาพินิจมองเฟิ่งจิ่วผู้มีรูปโฉมโดดเด่นอย่างไม่เกรงใจ สายตาเสมองไป แม้แต่เหลิ่งซวงด้านหลังก็ยังไม่เว้น
“ได้ยินว่าองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวงรูปโฉมงามล่มเมือง วันนี้ได้พบถึงรู้ว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น องค์หญิง พวกเรากำลังดื่มเหล้าชมบุปผากันอยู่ทางนั้น ไม่ทราบว่าองค์หญิงจะให้เกียรติร่วมวงด้วยได้หรือไม่?” องค์ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นบ้าง สายตาหยุดลงบนร่างเฟิ่งจิ่วอย่างรุกราน
เหลิ่งซวงที่ตามอยู่ด้านหลังเฟิ่งจิ่วเผยสีหน้าเย็นชา โดยเฉพาะเมื่อเห็นพวกเขาแต่ละคนใช้สายตาน่ารังเกียจเช่นนั้นพินิจมองนายท่านของตนอย่างแทะโลม ไอสังหารบนร่างนางยิ่งปะทุออกมา แต่นายท่านไม่ปริปาก นางจะบังอาจไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนกดความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากจะฆ่าคนไว้
แม้แต่เฟิ่งจิ่วยามนี้ยังขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตากวาดมองทางคนตรงหน้าพวกนี้ น้ำเสียงสดใสทว่าห่างเหิน “ขออภัย ข้ามีธุระจึงไม่อาจร่วมด้วย” กล่าวจบก็จูงหงส์ไฟน้อยเดินไปข้างหน้า ทว่ามือคู่หนึ่งกลับกางขวางตรงหน้าเธอ
………………………………………………….