ตอนที่ 603 เฟิ่งจิ่วหลอกล่อ
เฟิ่งจิ่วหลุบตาลงเล็กน้อย มองแขนตรงหน้าด้วยแววตาเย็นเยียบ เมื่อเธอเงยหน้ามอง สิ่งที่ปรากฏในแววตากลับเป็นรอยยิ้ม เห็นแต่คิ้วตาเธอหยีโค้งเผยรอยยิ้มไร้พิษสง สายตามองผ่านชายร่างกำยำที่หลังเท่าเสือเอวเท่าหมีตรงหน้า แล้วมองไปทางคนอื่นข้างๆ เอ่ยยิ้มๆ ว่า “องค์ชายทั้งหลายอยากจะอยู่ด้วยกันกับข้าจริงหรือ?”
ทุกคนเห็นนางเผยท่าทางอ้อนแอ้นเช่นสาวน้อยออกมา ก็ต่างพากันยิ้มอยู่ในใจ แค่สาวน้อยอายุสิบห้าสิบหก ถูกคนมากมายเพียงนี้ขวางไว้ จะจากไปอย่างสงบได้หรือ?
ทันใดนั้นก็มีคนกล่าวทั้งรอยยิ้มว่า “องค์หญิงเป็นเจ้าบ้าน อย่างไรก็ต้องทำหน้าที่เจ้าบ้านให้ดีที่สุดจริงไหมเล่า?”
“จริงด้วย พวกเราพบองค์หญิงที่นี่ จึงอยากเชิญองค์หญิงมาร่วมชมดอกไม้ดื่มสุราที่ศาลา คุยเล่นกันสักสองสามประโยค หวังว่าองค์หญิงจะไม่ปฏิเสธ”
“หากองค์หญิงไม่ชอบดื่มสุรา จะเดินเล่นรอบๆ ในวังเป็นเพื่อนพวกเราก็ได้ ขอแค่มีองค์หญิงอยู่ด้วย พวกเราต่างยินดี” องค์ชายอีกคนหนึ่งกล่าว จ้องมองนางด้วยดวงตาเป็นประกาย
เมื่อเห็นสายตาเหมือนเสือคล้ายหมาป่าแต่ละคู่นั้นหยุดลงบนร่างเธอ ราวกับเธอเป็นเพียงแกะน้อยไร้พิษสงที่รอโดนเชือด รอยยิ้มบนหน้าเฟิ่งจิ่วยิ่งลึกล้ำขึ้น มองคนพวกนั้นแวบหนึ่ง ขบคิดในใจแล้วส่ายหน้า
“ดื่มเหล้าชมดอกไม้จะไปสนุกอะไร ข้าไม่ชอบหรอก”
“โอ้? เช่นนั้นองค์หญิงชอบอะไรเล่า” องค์ชายรูปงามคนนั้นถาม แววตาคมกริบจ้องมองนาง พลางคิดว่าองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวงก็แค่นี้เอง
เธอเหลือบมองคนคนนั้น เอ่ยด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มว่า “เวลาว่างๆ ข้าชอบแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนอื่นมากกว่า”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้ ทุกคนต่างมีท่าทีแปลกใจ ไม่ปริปากในทันที ทำแค่จ้องมองนาง
“หากองค์ชายทั้งหลายสนใจ ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะแลกเปลี่ยนฝีมือกับพวกท่าน แต่ไม่รู้ว่า…พวกท่านจะกล้าพอหรือไม่?”
เธอเลิกคิ้วมองพวกเขาเล็กน้อย อยากให้เธออยู่ด้วยไม่ใช่หรือ? เธอรับปากได้ แต่พวกเขาจะกล้าหรือเปล่า?
หลังจากได้ยินคำพูดนาง ความคิดแรกในห้วงความคิดของทุกคนคือ ว่ากันว่าองค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวงคนนี้ไม่ธรรมดา? สายพวกเขาพินิจมองไปมาบนร่างนางพร้อมทั้งมีคำถามเช่นนี้ มองอย่างไรก็นึกภาพไม่ออกว่าสาวน้อยที่ดูงดงามพริ้งเพริศคนนี้จะน่ากลัวตรงไหน
อีกทั้งยังถูกนางใช้คำพูดยั่วยุ เหล่าองค์ชายผู้หยิ่งยโสไม่ยอมพูดว่าตนเองไม่กล้า ดังนั้นจึงพากันตอบรับ
“จะไม่กล้าได้อย่างไร? มีองค์หญิงมาฝึกฝนด้วยกัน พวกเราน้อมรับด้วยความยินดี!”
“ถูกต้อง ได้ยินมานานแล้วว่าฝีมือองค์หญิงไม่ธรรมดา ข้าอยากจะเรียนสักครั้งจริงๆ”
“ฮ่าๆๆ ข้าก็อยากเจอองค์หญิงตั้งนานแล้ว มีโอกาสเช่นนี้จะไม่พลาดแน่นอน”
องค์ชายทั้งเจ็ดคนนั้นยิ้มอย่างจองหองยิ่งนัก ไม่คิดสักนิดว่าฝีมือและกำลังของสาวน้อยตรงหน้านี้จะอยู่เหนือกว่าพวกเขา ต้องรู้ไว้ว่าพวกเขาตามบิดามาถึงที่นี่ได้ ย่อมต้องเป็นคนที่กำลังวรยุทธ์โดดเด่นที่สุดในหมู่องค์ชายทั้งหลายแน่ จะกลัวแค่สาวน้อยคนเดียวจริงๆ หรือ?
ในเมื่อนางเอ่ยปากเองว่าจะประลอง เช่นนั้นพวกเขาก็ใช้โอกาสนี้ทำลายชื่อเสียงราชวงศ์เฟิ่งหวงเสีย ชายหญิงประมือกัน ในการประลองหากมีการแตะต้องตัวที่ไม่พึงกระทำก็ได้แต่อ้างว่าไม่มีเจตนาอะไร โอกาสเช่นนี้พวกเขาจะปล่อยไปได้อย่างไร?
ทว่าขณะที่พวกเขาแต่ละคนต่างตื่นเต้นและเฝ้ารอในใจ กลับเห็นว่าสาวงามผู้มีรูปโฉมล่มเมืองคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าด้วยใบหน้าเผยความลำบากใจ
“พบกันครั้งแรกก็เสียมารยาทฝึกซ้อมกับองค์ชายทั้งหลาย หากไม่ระวังจนทำร้ายท่านทั้งหลาย คงขุ่นเคืองถึงผู้ครองแคว้นทุกท่านเป็นแน่ และยังเสียมิตรภาพระหว่างสองแคว้น คิดๆ แล้วก็ช่างมันเถิด!”
………………………………………………….
ตอนที่ 604 หลุมพรางแสนลึก
ช่างมัน? ช่างมันอะไรกัน?
เมื่อพวกเขาเฝ้ารอจะประชันฝีมือกับนางอย่างตื่นเต้นเสียเต็มประดา กลับได้ยินนางบอกว่าช่างเถอะ? จะช่างมันได้อย่างไร?
บริเวณรอบๆ พลันเงียบลง พวกเขาแต่ละคนเบิกตาจ้องนางด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ปากที่เปิดอ้าเล็กน้อยเพราะความอึ้งแทบจะยัดไข่เป็ดลงไปได้ทั้งใบ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทางนางมีสีหน้าลำบากใจ ลังเล และมั่นใจในชัยชนะ ยิ่งทำให้พวกเขาโกรธจัด
หงส์ไฟน้อยที่เฟิ่งจิ่วจูงมือไว้กลอกตามองบน รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องการจะหลอกล่อคน ประชันฝีมือกับนางหรือ? เจ้าโง่ตรงหน้าพวกนี้ถือว่าปรี่เข้ามาให้นางซ้อมโดยแท้
“องค์หญิงคิดว่าตนเองเก่งกว่าพวกเรา ด้วยเหตุนี้ถึงกล้ากระมัง?”
“จริงด้วย องค์หญิงจะดูถูกพวกเราเกินไปแล้ว หากพวกเราฝึกซ้อมแพ้ท่าน จะไปต่อว่ากับเสด็จพ่อพวกเราหรือ?”
“แลกเปลี่ยนฝีมือกันแค่เล็กน้อยคงไม่บาดเจ็บถึงชีวิต เช่นนี้ก็ไม่เสียหายถึงความสัมพันธ์ของสองแคว้น เรื่องนี้องค์หญิงวางใจได้”
“ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะแพ้? ฝึกซ้อมผลัดกันรุกผลัดกันรับ พวกเราอาจจะทำร้ายองค์หญิงโดยไม่ตั้งใจก็ได้?”
เห็นทุกคนพูดคนละหนึ่งประโยค องค์ชายโฉมงามข้างๆ กลับไม่ปริปาก เพียงใช้ดวงตาคู่นั้นพินิจมองเฟิ่งจิ่ว เนิ่นนานถึงจะเอ่ยว่า “หากองค์หญิงเป็นกังวลจริง ไม่สู้พวกเราลงนามหนังสือรับประกันการฝึกซ้อมไว้ ไม่ว่าองค์หญิงหรือพวกเราล้วนฝึกซ้อมโดยสมัครใจ แค่ฝึกซ้อมเพียงเล็กน้อย แม้พลาดบาดเจ็บก็จะไม่เอาความ เป็นอย่างไร?”
“อืม ข้าคิดว่าความคิดนี้ดียิ่งนัก”
“ไม่เลว ข้าตกลงด้วย”
“จริงด้วย ลงนามหนังสือรับประกัน เป็นเช่นนี้ก็ยิ่งสะดวกสบาย”
ได้ยินว่าพวกเขาแต่ละคนต่างเห็นด้วย ดวงตาทุกคู่จ้องมองมา รอให้เธอเอ่ยปาก เฟิ่งจิ่วจึงหัวเราะ เผยรอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้พิษสงออกมา “แน่นอน เป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
เมื่อเธอกล่าวจบ เหลิ่งซวงหยิบพู่กัน หมึก แท่นฝนหมึก และกระดาษมาจากห้วงมิติ สองมือยกมายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วถือพู่กันเขียนข้อบังคับรับประกันการฝึกซ้อมอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งหมดล้วนเป็นความสมัครใจทั้งสองฝ่าย หากพลาดบาดเจ็บจะไม่เอาความ และจะไม่เสียหายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น สุดท้ายเธอลงนามว่าเฟิ่งชิงเกอ พร้อมทั้งให้สัญญาณพวกเขาทุกคนมาลงนามด้วย
ทุกคนเดินเข้ามาอ่านทีละคน คิดว่าใช้ได้แล้ว จึงพากันลงนามชื่อตนเอง
หลังจากเฟิ่งจิ่วเก็บกระดาษแผ่นนั้นไป ริมฝีปากก็เผยรอยยิ้ม มองพวกเขาแวบหนึ่ง แล้วพาทุกคนไปยังลานฝึกประลองยุทธ์
ยามนี้เหล่าองค์ชายทั้งเจ็ดแปดคน ในใจทั้งตื่นเต้นและเฝ้ารอ คิดจะเอาเปรียบนางระหว่างฝึกซ้อม เชิดชูศักดิ์ศรีของตนเอง กลับไม่รู้ว่าตนตกหลุมพรางที่เฟิ่งจิ่วขุดไว้ให้พวกเขาอย่างดี…
เพราะภายในพระราชวังมีคนจากแต่ละแคว้นมารวมตัวกัน องครักษ์กับทหารอารักขาต่างเพิ่มกำลังลาดตระเวน ลานฝึกประลองยุทธ์ที่แต่ก่อนอย่างไรก็มีคนมาฝึกซ้อมกันไม่น้อยจึงว่างโล่ง
เห็นว่าโดยรอบลานฝึกประลองยุทธ์มีเพียงทหารอารักขาสิบกว่าคน องค์ชายรูปงามคนนั้นจึงมองไปทางเฟิ่งจิ่ว ถามว่า “ไม่ทราบว่าองค์หญิงต้องการฝึกซ้อมเช่นไร?”
เฟิ่งจิ่วมองเขา ให้สัญญาณหงส์ไฟน้อยตามไปข้างกายเหลิ่งซวงและอย่าวิ่งเพ่นพ่าน ก่อนจะเดินขึ้นเวทีประลองไป ยืนอยู่ด้านบนพลางมององค์ชายพวกนั้นด้านล่าง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ายังมีธุระอีก และไม่มีเวลาให้ประวิงนานนัก เข้ามาทีละคนต้องใช้เวลามาก เอาเช่นนี้แล้วกัน! พวกท่านเข้ามาพร้อมกันเลย ทั้งง่าย สะดวก ซ้ำยังรวดเร็วด้วย”
ได้ยินคำพูดนี้ องค์ชายเจ็ดแปดคนด้านล่างแต่ละคนก็โกรธขึ้นมา หนึ่งสู้แปด? นางช่างกล้าพูดจริงๆ!
หนึ่งคนในนั้นกระโดดขึ้นเวทีอย่างทนไม่ไหว แค่นเสียงเย็นเอ่ย “ให้ข้าประชันฝีมือกับองค์หญิงก่อนแล้วกัน!”
………………………………………………….