ณ ตำหนักเฟิงจ๋า
โหยวมอมอเข้าวังรายงานเหตุการณ์ของเมื่อวานให้เจี่ยงฮองเฮาก่อนทุกคนจะมา พร้อมทั้งถวายผ้าพรหมจรรย์ที่เปื้อนเลือด
โหยวมอมอเป็นนางกำนัลที่อายุมาก ประสบการณ์ก็มาก ทั้งยังชำนาญด้านการรักษา นางแค่มองก็ดูออกว่าแล้วเป็นเลือดคนหรือเลือดสัตว์ รอยแดงคล้ำที่เปื้อนบนผ้าน่าจะแห้งนานแล้ว คล้ายดอกเหมยที่ร่วงโรยเป็นเลือดของคนนั่นแหละ
โหยวมอมอมองเจี่ยงฮองเฮาจับผ้าพรหมจรรย์และพูดด้วยเสียงเบาว่า “ฮองเฮาเพคะ องค์ชายสามกับชายาเอก เมื่อคืนน่าจะเล่นโล้สำเภากันไม่เบาทีเดียว เล่นกันถึงหน้าต่างเชียวล่ะ——หนุ่มสาวสินะ หม่อมฉันเห็นแล้วยังเขินอายแทนเลยเพคะ”
เจี่ยงฮองเฮาไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่โยนผ้าพรหมจรรย์ผืนนั้นให้โหยวมอมอ
โหยวมอมอเก็บผ้าพรหมจรรย์ขึ้นมา เดี๋ยวนางต้องส่งไปที่สำนักพระราชวังอีก ตามกฎของชายาเอก จะต้องเก็บผ้าผืนนี้เอาไว้ เพื่อยืนยันว่าลูกสะใภ้ราชวงศ์ก็ใช้ชีวิตเหมือนสามีภรรยาทั่วไป
เจี่ยงฮองเฮาเดินไปที่หน้าต่างและสูดลมเย็นของยามเช้าเข้าไป
ตอนนั้น ฤดูหนาว ฤดูล่าสุตว์ เพื่อจัดการปัญหายุ่งยากที่เกิด ณ ตอนนั้น ฮองเฮาจึงเป็นคนพูดเรื่องการอภิเษกขององค์ชายขึ้นมา เพราะนางกลัวฮ่องเต้ไม่ปล่อยตระกูลอวิ๋นไป ในเมื่อฮ่องเต้เอ่ยถึง นางจึงรีบแนะนำตระกูลอวิ๋นเพื่อหยุดความคิดของฮ่องเต้เอาไว้ก่อน แต่หลังจากที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน นางก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เหมือนทำให้เรื่องนั้นกลายเป็นทุบกำแพงทิศตะวันออก ฝังกำแพงทิศตะวันตกซึ่งก็แก้ไขปัญหานั้นไปได้เพียงชั่วคราว
องค์ชายเข้าพิธีอภิเษก ก็เหมือนกับการได้รับแต่งตั้งพระยศใหม่ มันแสดงถึงการโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากสามีภรรยารักใคร่กลมเกลียว ท้ายเรือนราบรื่นลูกหลานเต็มเรือน ฮ่องเต้ก็จะยิ่งดีใจ ขุนนางก็จะให้ความสำคัญ กำลังก็จะย่อมมีมากกว่าเดิม
ตอนนั้น องค์ชายสามได้รับแต่งตั้งให้เป็นฉินอ๋อง ได้รับตำแหน่งขุนนางฝ่ายใน ครั้งนี้เข้าพิธีอภิเษก หากเป็นไปตามกฎของทุกๆ ปี ก็คงต้องแบกรับหน้าที่เพิ่มอีก
เจี่ยงฮองเฮาไม่ได้กลัวว่าองค์ชายสามจะเป็นอย่างไร คนที่มีเลือดแค่ครึ่งตัวอย่างเขา ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็คงแตะต้องบัลลังก์ไม่ได้ เพียงแค่ว่าบารมีของผู้เป็นแม่ย่อมมาจากบารมีของผู้เป็นลูก หากฮ่องเต้ให้ความสนใจองค์ชายสามเพิ่มขึ้น ก็เท่ากับว่าสนมเอกเฮ่อเหลียนจะได้รับความสนใจมากขึ้น เดิมที ช่วงที่ผ่านมาเร็วๆ นี้ หญิงจากเป่ยเฉิงท่านนี้ก็ได้รับความรักกลับคืนมาอยู่แล้ว
ดูจากสังขารขององค์ชาย ณ ปัจจุบันแล้ว เจี่ยงฮองเฮาคิดว่าเขายังไม่ร่วมหอแน่นอน
องค์ชายที่ไม่ได้ร่วมหอ นั่นแสดงว่าเป็นคนที่คุมผู้หญิงไม่อยู่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่นเช่นกัน แต่วันนี้——
ที่ข้างๆ ฮองเฮา ไป๋ซิ่วฮุ่ยดูออกว่าฮองเฮาคิดอะไรอยู่ นางพูดด้วยเสียงเบาว่า “เหนียงเหนี่ยง จะอภิเษกก็ดี ร่วมหอก็ดี ฮองเฮาเป็นแม่สามี ท้ายเรือนขององค์ชายสามก็อยู่ในกำมือของท่านอยู่ดี อยากให้ท้ายเรือนวุ่นวายหรือเงียบสงบ ล้วนขึ้นอยู่กับฮองเฮานะเพคะ”
เจี่ยงฮองเฮานิ่งไม่พูด เวลานี้มีสาวใช้ในวังมารายงานว่า “เหนียงเหนี่ยง ฉินอ๋องกับชายาเอกใกล้ถึงวังแล้วเพคะ ฮ่องเต้ให้หม่อมฉันมาเชิญเสด็จพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน เพื่อพบสองสามีภรรยาฉินอ๋องเพคะ”
เจี่ยงฮองเฮารวบรวมสติ ตอบกลับด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “กลับไปทูลฮ่องเต้ว่า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
ด้านในประตูเจิ้งหยาง เกี้ยวคู่ประดับม่านสีทอง หลังคาสีเหลือง สายพู่สีม่วงจอดนิ่งอยู่ ขันทียังไม่ทันเปิดม่าน ซย่าโหวซื่อถิงก็เปิดเองแล้ว เขาลงจากเกี้ยว ดันม่านขึ้นและใช้มือยันเอาไว้สูงๆ จากนั้นรับหญิงสาวที่นั่งด้านในลงจากเกี้ยว พอนางเดินมาใกล้ๆ เขาก็จับหมวกม่านตาข่ายของนางขึ้น เพื่อให้หมวกบังไม่ให้ลมเข้าไป อิริยาบถต่างๆ ที่แสดงออกมาทั้งสนิทสนม ทั้งหวานหยาดเยิ้ม
วันนี้ซย่าโหวซื่อถิงแต่งกายด้วยชุดเข้าเฝ้าแบบทางการ เกศาม้วนเก็บสองชั้น สวมพระมาลาประดับมุก เสื้อคลุมยาวสีทองปักลายมังกรสี่ตัวห้านิ้ว คลุมด้วยเสื้อคลุมต้าฉ่างขนจิ้งจอกลายเมฆดำ ภายนอกสง่าผ่าเผย ดวงตาลุ่มลึก ปากเรียวบาง ไร้ที่ติ คิ้วยาวจนถึงจอนผม
หญิงสาวข้างกายฉินอ๋องเป็นหญิงร่างบางตัวเล็ก หากแต่มีสัดส่วนทรวดทรงงดงาม กิริยาท่าทางนิ่มนวล สวมใส่กระโปรงยาวลากพื้น ฉายาลักษณ์ของพระชายาปรากฏต่อหน้าทุกคน บางทีนางก็ยิ้มให้กับสามี ช่างงดงามมีเสน่ห์มาก
อากาศยามเช้าของฤดูหนาวค่อนข้างเย็น แต่ภาพตรงหน้านั้นกลับอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ นางกำนัลทุกคนดูออก สองสามีภรรยาคู่นี้รักใคร่กลมเกลียวราวกับดนตรีที่สอดประสานกันเป็นอย่างดี
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท้ายเรือนจวนอ๋องคงมีระเบียบเป็นที่ชื่นชอบของฮ่องเต้
จักรพรรดิต้าซวนยืนหยัดในแนวความคิด ดูแลปกครองครอบครัวให้ดีแล้วจึงปกครองบ้านเมือง พระองค์ชื่นชอบครอบครัวที่มีระเบียบ ยิ่งเป็นครอบครัวของลูกหลานราชวงศ์ จะยิ่งให้ความสำคัญ ฉะนั้นเหล่าองค์ชาย ท่านอ๋องและซื่อจื่อ หากอยากมีความเจริญก้าวหน้าในราชสำนัก ลับหลังชอบประพฤติเหลวไหลมากแค่ไหน หากแต่ต่อหน้าจักต้องแสร้งเป็นคนเรียบร้อย ซื่อสัตย์ แม้แต่เว่ยอ๋องที่ทำเรื่องลับๆ ล่อๆ มักในเพศเดียวกันก็ยังต้องเก็บไว้เป็นความลับ จะให้เสด็จพ่อรู้ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อทั้งสองคนลงจากเกี้ยว เพิ่งเดินหน้าได้ไม่กี่ก้าว ขันทีที่มาคอยรับเสด็จบอกกล่าวว่า “ขอให้ฉินอ๋องกับชายาเอกคอยสักครู่ กระหม่อมจะไปเอาเกี้ยวเบาะนุ่มที่กรมวังมาเปลี่ยนให้ แล้วเสด็จเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับฮองเฮาที่พระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนพะยะค่ะ”
ซย่าโหวซื่อถิงตอบ “หากยังพอมีเวลาเหลือ ข้ากับชายาเอกเดินไปก็ได้ วันนี้อากาศดี ไม่ต้องใช้ของในวังให้สิ้นเปลือง จะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย ร่างกายจะได้แข็งแรง”
ขันทีตกตะลึง แต่ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “พะยะค่ะ” พร้อมโบกมือเป็นการส่งสัญญาณว่า ให้นางกำนัลคนอื่นๆ คอยเดินตามหลังและเดินไปพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยนพร้อมกับทั้งสองพระองค์
มือของอวิ๋นหว่านชิ่นถูกกุมไว้ในมือของซย่าโหวซื่อถิง ตั้งแต่ก่อนขึ้นเกี้ยวจนถึงตอนนี้ เหงื่อออกที่ฝ่ามือเต็มไปหมด ตอนนี้นางถูกเขาจูงมือไว้และกำลังเดินไปข้างหน้า แอบมองเขาผ่านโหนกแก้มเป็นครั้งคราว ครึ่งหน้าของเขากำลังทอดสายตามองพระราชวังตรงหน้าอันสวยโอ่อ่ามีความหนาแน่นสูง นัยน์ตาของเขาแน่วนิ่ง แต่ก็เป็นนัยน์ตาที่มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตั้งใจไว้
ตั้งแต่วันที่เข้าพิธีอภิเษก เขาคงทำการตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เขาก็จะไม่ยอมปล่อยโอกาสนั้นไป พระราชวังนั้นกว้างใหญ่มาก จะเข้าไปถึงพระราชวังยังต้องเดินอีกสักระยะหนึ่ง ส่วนใหญ่จะนั่งเกี้ยวเบาะนุ่มเข้าไปกัน แต่เขาเลือกที่จะเดิน การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความรักใคร่กลมเกลียวของสองสามีภรรยา แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความถ่อมตัวอีกด้วย
นางที่กำลังครุ่นคิด รู้สึกเพียงฝ่ามือถูกกุมแน่นกว่าเดิม มีบางคนใช้นิ้วจิ้มฝ่ามือสองที คล้ายว่าไม่พอใจความไม่จดจ่อของนาง นางยังไม่ทันแสดงปฏิกิริยาใดๆ ชายผู้นั้นก็ได้ก้มหัวลงข้างหูและกล่าวว่า “กังวลหรือ”
กังวล? กับฮ่องเต้หนิงซี อวิ๋นหว่านชิ่นไม่มีอะไร แต่นางจะระแวดระวังเจี่ยงฮองเฮามากกว่า บางทีอาจเป็นเพราะ เวลาพบนาง จะนึกถึงเรื่องที่นางแยกท่านแม่กับฮ่องเต้ออกจากกันอย่างไร แล้วปฏิบัติต่อพระสนมหยวนอย่างไร และ——มองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
นางส่ายหัว แสดงให้เห็นว่านางไม่ได้กังวล แต่มือของนางกลับถูกกุมไว้แน่นกว่าเดิม
แม้นางจะส่ายหัว แต่ซย่าโหวซื่อถิงเห็นความเลื่อนลอยในนัยน์ตาของนาง เมื่อก่อน ตัวเขานั้นไม่มีสิ่งใดให้เป็นห่วง แต่วันนี้ไม่เหมือนวันวาน ตั้งแต่วันที่มีนางอยู่ข้างๆ สิ่งที่อยู่แบกไว้บนบ่าก็หนักกว่าเดิม เพื่อรักษาความสบายใจของนาง การมีอำนาจในมือก็คงต้องเร่งมือกันหน่อยแล้วล่ะ——เพราะอำนาจ เป็นต้นน้ำแห่งความไร้กังวล
ทั้งสองคนเดินเข้าพระที่นั่งหย่างซินเตี้ยน รอได้ครู่เดียว หนิงซีฮ่องเต้ผู้สวมใส่ชุมคลุมลายมังกรสีทองและเจี่ยงฮองเฮาก็เสด็จมาถึง
ทั้งสองคนถวายความเคารพตามระเบียบ จากนั้นก็ยื่นน้ำชามงคลให้กับฮ่องเต้และฮองเฮา