บทที่ 143 ถึงข้าถามเจ้าแล้ว

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

พูดจบ นางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา

เชี่ยนปี้มองด้วยความเป็นห่วง ตบหลังของหยุนอี่ว์โหรวเบาๆ”เจ้านาย ไม่ใช่ความผิดของท่าน เป็นเพราะว่าบ่าว บ่าวโง่เอง!”

กู้โม่หานขมวดคิ้ว เพิ่งคิดจะพูด ก็เห็นว่าหนานหว่านเยียนจ้องหยุนอี่ว์โหรวอย่างโหดเหี้ยม สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

“หยุนอี่ว์โหรว เจ้าต้องรู้ว่าสิ่งที่หายากที่สุดในโลกนี้คือความจริงใจ วันนี้เจ้าสูญเสียคนที่ปฏิบัติต่อเจ้าอย่างจริงใจ บาปกรรมมีจริง เวียนว่ายตายเกิด เจ้าต้องเสียใจภายหลังกับสิ่งที่ทำ ต้องได้รับผลกรรมแน่นอน!”

“และข้าขอให้เจ้าเป็นคนดีๆหน่อย อย่าคิดจะมาท้าทายข้าอีก ข้าไม่ใช่หนานหว่านเยียนคนเมื่อก่อนที่ปล่อยให้เจ้ารังแกแล้ว”

“เจ้า ยังไม่มีสิทธิ์มารังแกข้า”

น้ำเสียงของนางเย็นชามาก เผชิญกับคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์อย่างหยุนอี่ว์โหรว เดิมก็ไม่ควรมีอารมณ์อย่างอื่น

เซียงอวี้แอบดีใจ แทบอยากจะปรบมือเป็นกำลังใจให้หนานหว่านเยียน!

ใจของหยุนอี่ว์โหรวกระตุกทีหนึ่ง สีหน้าซีกขาวมาก

ความแค้นในดวงตาของนางเกือบจะปกปิดไม่ได้แล้ว

หนานหว่านเยียน เป็นศัตรูตลอดชีวิตนี้ของนาง!

นางจะให้หนานหว่านเยียนตายแน่ๆ!

นางจะให้หนานหว่านเยียนสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียสิ่งที่นางรักทุกอย่าง!

หยุนอี่ว์โหรวจับผ้าเช็ดหน้าไว้อย่างแน่น ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเพราะความแค้น

นางอยากจะฆ่าหนานหว่านเยียนตอนนี้เพื่อระบายความโกรธเลย แต่นางทนเอาไว้ เปลี่ยนเป็นความอ่อนแอและน่าสงสารเหมือนปกติ และมองกู้โม่หานอย่างน้อยใจ น้ำตาคลออยู่ในดวงตา

“ท่านอ๋อง โหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์ไม่ได้ทำจริงๆเพคะ……”

กู้โม่หานมองนางด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง คำพูดนั้นของหนานหว่านเยียน เกิดการแปรปรวนในใจของเขา

แต่เขาเข้าใจหยุนอี่ว์โหรวที่สุด นางเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเรื่องแบบนี้

หยุนอี่ว์โหรวเห็นว่ากู้โม่หานยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เล็บก็เกือบจะทำจนหัก

นางมองไปที่หนานหว่านเยียนที่เย็นชาอยู่ด้วยขอบตาที่แดงก่ำ

“พระชายาไม่เชื่อหม่อมฉัน หม่อมฉันก็เข้าใจ เพราะพระชายาไม่เคยชอบหม่อมฉันเลย ในเวลานี้สงสัยหม่อมฉันก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลเพคะ”

“แต่เหตุใดพระชายาถึงใส่ร้ายข้า?ใส่ร้ายข้าต่อหน้าท่านอ๋อง กล่าวโทษหม่อมฉันด้วยล่ะเพคะ?”

หนานหว่านเยียนหัวเราะเยาะ และพูดเยาะเย้ย”ข้าใส่ร้ายเจ้าหรือ?หยุนอี่ว์โหรว การกระทำของคนเราสวรรค์ล้วนเห็นอยู่ อนาคตเจ้าจะต้องได้รับบาปกรรม”

“คนอื่นไม่มาหาเรื่องข้า ข้าก็จะไม่ไปหาเรื่องคนอื่น แต่หากเจ้าท้าทายข้า ข้าก็ไม่เกรงใจ!”

เชี่ยนปี้เห็นเช่นนี้ก็โมโหมาก ลึกขึ้นมา ปกป้องหยุนอี่ว์โหรวอยู่ข้างหลัง กัดริมฝีปากและพูดกับหนานหว่านเยียนว่า”พระชายาโปรดอย่าใส่ร้ายเพคะ!”

“สองวันนี้ เดิมทีร่างกายของเจ้านายก็ไม่ค่อยดี ได้รับอนุญาตของท่านอ๋อง เลยรักษาอยู่ในเรือนจู๋หลาน ใครจะมีเวลาว่างไปวางแผนเรื่องเหล่านี้ล่ะ?”

“และอีกอย่างหนึ่ง ท่านอ๋องก็รู้นิสัยของเจ้านายมาโดยตลอด ปีนั้นหากไม่ใช่เพื่อ……เจ้านายก็คงไม่มีโรคติดตัว ปัจจุบันคงไม่อ่อนแอขนาดนี้หรอกเพคะ”

หยุนอี่ว์โหรวมีความเสียดสีพาดผ่านในสายตา แต่กลับก้มหน้าอยู่ เป็นลักษณะที่เสียใจและผิดหวังมาก

ใช่แล้ว ลักษณะเช่นนี้ทำให้กู้โม่หานนึกถึงความดีของนางอีกครั้งหนึ่ง ทำให้กู้โม่หานรู้ว่านางเป็นผู้มีบุญคุณต่อเขา

กู้โม่หานได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกสับสนขึ้น

เขาเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่ว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับหยุนอี่ว์โหรวแน่นอน

แต่เมื่อนึกถึงบุญคุณในการช่วยชีวิตในปีนั้นของหยุนอี่ว์โหรว เพื่อช่วยเขา นางจึงป่วยเป็นโรค

กู้โม่หานก็รู้สึกว่า เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนาง

โหรวเอ๋อร์ของเขาน่าจะเป็นผู้หญิงที่ยังคงมีความใจดีและเมตตา ในใจมีแต่เขาคนเดียว ทำเรื่องที่โหดร้ายแบบนั้นออกมาไม่ได้หรอก

ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัว หายใจออกลึกๆแล้วพูดกับเชี่ยนปี้ว่า”อย่าเถียงแล้ว โหรวเอ๋อร์ไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอก เชี่ยนปี้ ทีหลังเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายของเจ้าด้วย มีเรื่องอะไรปรึกษากับเจ้านายของเจ้าด้วย อย่าทำเรื่องโง่ๆ ตอนนี้พาเจ้านายของเจ้ากลับเรือนเถอะ เมื่อกี้โดนฝน ระวังอย่าเป็นไข้ขึ้นมานะ”

หยุนอี่ว์โหรวมองเขาทีหนึ่ง แล้วทำความเคารพต่อเขาด้วยความน้อยใจ

“ขอบพระคุณท่านอ๋องที่เชื่อโหรวเอ๋อร์ โหรวเอ๋อร์กลับเรือนเลยนะเพคะ”
“เพคะ บ่าวจดจำไว้แล้วเพคะ”เชี่ยนปี้ทำความเคารพอย่างเคารพ แล้วประคองหยุนอี่ว์โหรวที่อ่อนแอจากไป

ก่อนจะไป หยุนอี่ว์โหรวมองคราบเลือดที่อยู่บนกำแพงอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นหน้าก็เย็นชาขึ้นมา แล้วจากไปแบบไม่หันมาอีก

ชิงหว่านจะไม่ตายฟรีๆ ทางในอนาคต นางจะเดินไปทีละก้าว ให้หนานหว่านเยียนต้องชดใช้เป็นสองเท่า!

หนานหว่านเยียนเคยชินกับท่าทีแบบนี้ของกู้โม่หานแล้ว ไม่ว่าหยุนอี่ว์โหรวจะทำเรื่องร้ายอะไร ในสายตาของเขาล้วนเป็นสิ่งเป็นไปไม่ได้

นางเป็นผู้หญิงงดงามดุจแสงจันทร์ในใจของเขา ไม่มีใครสามารถทดแทนได้

แต่หนานหว่านเยียนรู้สึกโมโหมาก นางอ้าปากด้วยสีหน้าที่เย็นชา”หน้าด้านเหลือเกิน”

นางกำลังคิดจะหันหลังเดินจากไป แต่ข้อมือกลับถูกกู้โม่หานข้างหลังนี้จับไว้อย่างแน่น

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วมองเขา ดวงตามีความโมโหอยู่”เจ้ายังจะทำอะไรอีก?”

กู้โม่หานหัวเราะอย่างเย็นชา”เจ้าถามมามากขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้ถึงข้าถามเจ้าแล้ว……”