บทที่ 144 กู้โม่หาน ข้าไม่ควรช่วยเจ้าเลย

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้

ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 144 กู้โม่หาน ข้าไม่ควรช่วยเจ้าเลย
ถึงกู้โม่หานถามยางหรือ?

ชู้ก็เป็นเรื่องเท็จแล้วยังมีอะไรจะถามอีกล่ะ?

สีหน้าของหนานหว่านเยียนแย่มาก สะบัดมือของเขาออก

“เรื่องของฉางชิงหยางเป็นเรื่องเท็จ ความจริงล้วนเปิดเผยออกแล้ว เจ้ายังมีอะไรจะถามอีก?”

กู้โม่หานมองเซียงอวี้ทีหนึ่งอย่างเย็นชา

เซียงอวี้เม้มปาก ภายใต้สายตาที่”ปลอบใจ”ของหนานหว่านเยียน นางก็จากไป

พระชายาเพิ่งพ้นจากอันตรายเอง จะถูกท่านอ๋อง……

พอเซียงอวี้จากไป ทาสทั้งหมดก็ล้วนถอยลงไป

กู้โม่หานแค่อยากจะถามว่า เรื่องวันนี้หนานหว่านเยียนยังมีอะไรจะพูดอีก ชู้ที่มาแบบกะทันหันก็ช่าง เรื่องอดีตก็ช่าง

แต่ใครคิดได้ว่า พอเขาพูดออกมากลับกลายเป็น……

“ว่ามาสิ ครั้งแรกของเจ้าตกลงได้ให้ใคร?”

พอกู้โม่หานถามจบแม้กระทั่งตัวเองก็อึ้งไปเลย ใต้ตายังมีความหึงและอิจฉาบางอย่าง

แม่ง!เหตุใดถึงถามออกมาเป็นสิ่งนี้!

เขาเป็นหมูหรือ?

ครั้งแรก?

หนานหว่านเยียนงงมาก

นางยังนึกว่ากู้โม่หานจะถามเรื่องชู้ แต่ตอนนี้ความสำคัญกลับอยู่ที่ครั้งแรก?

นางขมวดคิ้วอย่างแน่น”ข้า……”

จริงๆแล้วกู้โม่หานก็ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆก็ถามออกมาแบบนี้

แม้กระทั่งเขายังไม่เข้าใจว่า เหตุใดเขาถึงใส่ใจกับครั้งแรกของผู้หญิงคนนี้ เพราะตอนห้าปีก่อนที่เขาจับต้องหนานหว่านเยียน แค่รู้สึกสกปรก

ตอนนี้ในเมื่อเขาถามออกมาแล้ว ก็มีแต่ต้องเจาะลึกเข้าไปอีก”อะไรกันแน่?พูดไม่ออกหรือ?ตกลงเจ้ามีชู้กี่คนเนี่ย!”

พอนึกถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะนอนกับผู้ชายคนอื่น เขาก็รู้สึกโมโหมาก

หนานหว่านเยียนจะพูดก็พูดไม่ออก เพราะนางนึกยังไงก็นึกไม่ออก

ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนางมีเกือบทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ เหมือนหายไปแบบไม่มีร่องรอย ทำให้นางไม่สามารถค้นหาได้

กู้โม่หานเห็นว่าหนานหว่านเยียนลำบากที่จะพูด นานมากก็ไม่ยอมจะพูดอะไรเลย สุดท้ายก็โมโหจนหัวเราะออกมา

“เจ้าลำบากขนาดนี้ คิดจะโกหกหรือเปล่า ว่าครั้งแรกของเจ้าได้ให้ข้า?!”

“ครั้งนั้นที่ข้าจับต้องเจ้า แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าหายไปตั้งนานแล้ว และครั้งนั้นเจ้าก็……ไม่ได้ตกแดง ผู้ชายคนแรกของเจ้าไม่ใช่ข้าแน่นอน เจ้าได้ให้คนอื่นไป!”

เรื่องนี้เกี่ยวโยงกับศักดิ์ศรีของผู้ชาย

ความอยากครอบงำของกู้โม่หานแพร่หลายไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก

หนานหว่านเยียนโมโหมาก แต่นางพูดไม่ออกจริงๆ

มีแต่ต้องใช้ความรู้เรื่องแพทย์ในการอธิบาย

“กู้โม่หาน ข้าขอสอนความรู้ให้เจ้าหน่อย ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนล้วนมีเลือดออกในครั้งแรก!”

“เยื่อพรหมจรรย์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าตกแดง!การตกแดงมีหลายๆองค์ประกอบ อาจจะเป็นเพราะว่าฉีกขาดหรือตกหล่นตามธรรมชาติ ล้วนเป็นไปได้หมด!”

เพิ่งพูดเสร็จ หนานหว่านเยียนถึงเสียใจภายหลัง นางพูดสิ่งเหล่านี้กับกู้โม่หานไปทำไมล่ะ เขาไม่เชื่อหรอก

อย่างที่คิด กู้โม่หานเหล่ตาทันที

เขาเข้าใกล้หนานหว่านเยียน และกักขังนางอยู่ในบริเวณแขนของทั้งเอง

“เจ้ายังจะหลอกข้าอีก?หนานว่านเนียน ถึงแม้ที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุมีผล แต่ตอนที่เจ้าแต่งงานกับข้า ก็ไม่มีแต้มพรหมจรรย์แล้ว!”

“เป็นคำพูดจากปากของสาวใช้ที่ตามเจ้าเข้าจวนอ๋องเลยนะ!หมัวมัวก็ได้ตรวจความบริสุทธิ์ให้เจ้าด้วย!นี่เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”

หนานหว่านเยียนขมวดคิ้วทันที

“พูดอะไรเจ้าล้วนเชื่อหมด แต้มพรหมจรรย์เหมือนกับการหยกเลือดเพื่อตรวจสอบความเป็นเครือญาติ ไม่มีหลักเกณฑ์เลย!”

แต้มพรหมจรรย์?สิ่งนั้นเป็นสิ่งไร้สาระมาก มีเพียงสมัยโบราณนั่นแหละ ถึงมองมันเป็นสิ่งมหัศจรรย์

แต่สาวใช้ในปากของกู้โม่หานทำให้หนานหว่านเยียนจับจุดสำคัญได้

นางยังคงจำได้ว่าสาวใช้คนนั้นถูกกู้โม่หานขายตัวไป

นางจำสถานการณ์ของเจ้าของร่างเดิมไม่ได้แล้ว แต่อาจจะสามารถหาเจอสาวใช้คนนี้ นางก็จะรู้ว่าครั้งแรกของเจ้าของร่างเดิมตกลงได้ให้ใครไป

แต่ไม่ทันรอให้หนานหว่านเยียนครุ่นคิดเสร็จ กู้โม่หานก็ทำการโจมตีอีกครั้งหนึ่ง เขาบีบคอของหนานหว่านเยียน บังคับให้นางเงยหน้าขึ้น

ทั้งสองคนสบตากัน ดวงตาของกู้โม่หานเต็มไปด้วยความรีบร้อนและโกรธขรึม

“ได้ ตอนนี้ข้าก็ไม่อยากจะเถียงเรื่องเหล่านั้นกับเจ้า แต่ข้าอยากรู้ว่า เด็กสองคนนั้นเป็นของใครกันแน่!เรื่องนี้เจ้าคงรู้อย่างชัดเจน!”

เขาทนไม่ค่อยได้แล้ว

ผู้ชายของนางมีมากขนาดนี้

ตอนนี้เขาใส่ใจแค่ว่าผู้ชายที่เป็นครั้งแรกของนาง และพ่อของเด็กๆ คือใครกันแน่!

พอเขาหาเจอ จะบดขยี้กระดูกของพวกเขาแน่นอน!

ว่าไปว่ามา ก็ยังมีความคิดต่อเด็กสองคนอีก

หนานหว่านเยียนขำออกมา รู้สึกโมโหแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นางจับปกเสื้อของกู้โม่หาน สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม

“กู้โม่หาน เด็กเป็นของเจ้าก็ยังไง?ไม่ใช่ก็ยังไง?เจ้าแค่อยากจะเอาเด็กสองคนไปแลกกับตำแหน่งไท่จื่อเท่านั้น”

“ถ้าเจ้ามีความสามารถจริง ก็ไปแย่งเอาเอง!ไม่ใช่ว่าเอาเด็กๆเป็นบันไดขึ้นสู่ที่สูงของเจ้า!”

เอาเด็กๆแลกกับตำแหน่งไท่จื่ออะไรกัน?

หนานหว่านเยียนพูดอะไรเนี่ย?!

ฟันกรามหลังของกู้โม่หานกัดจนเสียงดัง

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดอะไร!ข้าแค่อยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของเด็กๆ แต่เจ้ากลับขัดขวางข้าอยู่นั่นแหละ!ข้าไม่รู้ว่า มีอะไรต้องปกปิดขนาดนี้!”

“ข้าไม่เคยคิดที่จะใช้เด็กๆเพื่อได้ตำแหน่งไท่จื่อ ของเหล่านั้นข้าไม่ต้องการ!”

เขาแค่ชอบเด็กสองคนจากใจ เพียงเท่านี้ แต่กลับถูกหนานหว่านเยียนเข้าใจผิด

หนานหว่านเยียนหัวเราะเย็นชา แล้วปล่อยมือออก

“กู้โม่หาน เจ้าไม่เคยคิดอะไรหรือ?เจ้านี่โตมาในสิ่งแวดล้อมอบอุ่นจริงๆเลย คำพูดเจ็บปวดขนาดนี้”

“เจ้ารู้จักแต่ใช้เด็กๆมาขู่ข้า มีแต่จะพูดว่าเจ้าแค่อยากรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกนาง แต่เจ้าเคยคิดไหมว่า ข้าเป็นแม่ของพวกนาง?”

“เรื่องวันนี้ ข้าเป็นคนที่โดนใส่ร้าย เจ้ามีสิทธิ์อะไรหันมากล่าวว่าข้า?ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ว่าข้าใช้ความสามารถของตัวเองหาทางออกให้ตัวเองได้ แล้วโดนคนอื่นใส่ร้ายจริง เจ้าจะจับเข้าไปลงโทษเลยใช่ไหม?”

“หากหยุนอี่ว์โหรวเป็นคนกระทำเรื่องวันนี้ หากนางเป็นผู้กระทำจริงๆ เจ้าจะทำอะไร?เจ้าไม่กล่าวว่านางแม้แต่สักคำ!ยิ่งไม่มีวันทำร้ายนางหรอก!”

“เจ้าเป็นคนสองมาตรฐานขนาดนี้ เหตุใดข้าถึงต้องตามใจเจ้าล่ะ?เจ้าเคยคำนึงถึงความรู้สึกของเด็กๆไหม?เคยคำนึงถึงความรู้สึกของข้าบ้างไหม?ข้าในฐานะที่เป็นแม่ ข้าจะไม่มีวันให้ตัวเองเกิดเหตุ!ถ้าใครทำร้ายข้า ข้าล้วนจะสิ้นความสามารถเพื่อตอบโต้กลับ!”

กู้โม่หานถูกเถียงจนหมดคำพูด คำพูดของหนานหว่านเยียนฟังแล้วรู้สึกแสบหู แต่เขากลับรู้สึกว่าเจ้าว่างเปล่าไปชิ้นหนึ่ง ทำให้เขารู้สึกปวดเนื่องจากหายใจไม่ออก

“ข้าไม่ใช่……”

ตั้งแต่รู้ว่ามีชู้ เขามุ่งมั่นที่จะไปฆ่าชู้ ไม่ได้สนใจนางจริงๆ

จิตสำนึกของเขา ไม่เคยคิดจะทำร้ายนางเลย

หนานหว่านเยียนขัดจังหวะพูดของเขา ผลักมือของเขาออก ความห่างไกลและโหดร้ายปรากฏอยู่ในสายตา

“เจ้าไม่ใช่หรือ?กู้โม่หาน เจ้าไม่ใช่จริง เจ้าไม่คิดสิ่งเหล่านี้หรอก เจ้าเห็นแก่ตัวขนาดนี้ เป็นคนไร้จิตใจชัดๆ!เจ้าไม่รู้อะไรสักอย่าง!”

กู้โม่หานถูกนางด่าจนรู้สึกโมโห เถียงทันที”ข้าไม่รู้ตรงไหน?!”

หากเขาเป็นพ่อของเด็กๆ ก็จะปฏิบัติต่อพวกนางอย่างดี ถึงแม้ตอนนี้เขาไม่รู้ ก็ยังดูแลอย่างดีอยู่เลยไม่ใช่หรือ?

หนานหว่านเยียนมีสิทธิ์อะไรว่าเขาแบบนี้?!

หนานหว่านเยียน เต็มไปด้วยความเย็นชา

“เจ้ารู้หรือ?รู้ที่จะแย่งเด็กของข้าไปให้หยุนอี่ว์โหรว?รู้ที่จะให้ข้าต้องแยกกับเด็กๆของข้าหรือ?ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ปีนั้นข้าไม่ควรที่จะช่วยเจ้าเลย”