บทที่ 302 พลังของคนคนเดียวโจมตียอดฝีมือทั้งสี่จนแตกพ่าย

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

ความแข็งแกร่งของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ทำให้มือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนี้อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ จะอย่างไรก็สามารถรับการโจมตีผสานของอาวุธเทพทั้งสี่ชิ้นได้ ต้องรู้ว่าพวกเขาสี่คนไม่ได้ใช้กระบวนท่าโจมตีผสานนี้มาเกือบสิบปีแล้ว กระบวนท่านี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครต่อต้านได้ ต่อให้จะสังหารคนนับพันก็ง่ายมาก เป็นเรื่องที่ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสิบสองคนในหมู่กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์จะร่วมมือกันขวางการโจมตีที่แข็งแกร่งขนาดนี้ไว้ได้

ในตอนที่พวกอู๋เสวี่ยทั้งสิบสองไม่มีพลังต่อสู้เหลืออยู่แล้ว และไม่มีทางสู้กับมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนี้ได้ต่อไป กำลังเผชิญหน้ากับพลังสายฟ้าอันมหาศาลที่แฝงอยู่ในค้อนสีดำอันใหญ่ที่โจมตีลงมา ตอนนั้นเองมีเงาคนร่างหนึ่งพุ่งออกมา ใช้หมัดซัดมือสังหารร่างอ้วนที่ถือค้อนสีดำอันใหญ่อยู่ในมือจนปลิวออกไป ตกลงที่พื้นอย่างรุนแรง ถึงกับไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ครึ่งค่อนวัน เห็นได้ชัดว่าหมัดหนักขนาดไหน

ในตอนที่พวกอู๋เสวี่ยได้ยินประโยคที่พูดว่า “ พี่น้องทั้งหลาย ฉันกลับมาแล้ว!” นั้นเองจึงรู้ว่าใครมา ทุกคนต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก บนใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา พี่ใหญ่เย่เทียนเฉินกลับมาแล้ว ไม่เพียงแค่เขาจะกลับมาเท่านั้น แต่ยังมีพลังการต่อสู้เพิ่มเข้ามาอีกด้วย เขาสามารถปกป้องทุกคนได้ เย่เทียนเฉินเป็นหัวหน้าของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เป็นศูนย์กลางของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ ขอเพียงมีเขาอยู่ กลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก็จะรวมกันเป็นเชือกเส้นใหญ่ จิตใจหลอมรวมเข้าด้วยกัน เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงใดก็สามารถเอาชนะได้

“แกก็คือเย่เทียนเฉินงั้นหรือ?” มือสังหารร่างสูงที่ถือดาบปลาอยู่ในมือชี้ไปยังเย่เทียนเฉินแล้วเอ่ยถามอย่างเย็นชา

“พวกแกทั้งสี่คนถือโอกาสที่ฉันไม่อยู่มารังแกพี่หวังเจี๋ยของฉัน พวกแกต้องตายทั้งหมด!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆๆๆ พูดจาโอหังใหญ่โตนัก ไม่ต้องพูดถึงว่าแกไม่ใช่คู่มือของพวกเราเลย ถ้าแกรู้ว่าพวกเราเป็นใคร แกจะต้องตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้นแน่!” มือสังหารร่างสูงไม่เชื่อว่า พลังของเย่เทียนเฉินเพียงคนเดียวจะสามารถฆ่าพวกเขาทั้งสี่คนได้ นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีคนเช่นนี้อยู่โดยสิ้นเชิง

“ต่อให้คุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิงมาเอง ฉันก็จะฆ่าไม่เลี้ยง!”

คำพูดของเย่เทียนเฉินเพิ่งจะถูกกล่าวออกมา ตำแหน่งเดิมของเขาก็เหลือเพียงภาพติดตา ส่วนร่างของเขาเคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็วจนถึงขีดสุด ทั่วทั้งร่างมีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันปะทุออกมา เพียงพริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้ามือสังหารร่างสูงคนนั้น ปล่อยหมัดออกไปปะทะบริเวณหน้าอกของเขาตรงๆ

ทุกคนตกใจจนหน้าถอดสี ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะมีเหตุการณ์กระทันหันเกิดขึ้นแบบนี้ ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเย่เทียนเฉินก็มาเบื้องหน้าของมือสังหารร่างสูงแล้ว วินาทีต่อมา หมัดที่รวดเร็วหาใดเปรียบของเขาก็ต่อยถูกมือสังหารร่างสูงคนนั้น

ไม่เพียงแต่พวกอู๋เสวี่ยทั้งสิบสองคนที่ตกใจ กระทั่งมือสังหารชุดดำที่เหลืออีกสามคนก็มองจนตกตะลึง ใครก็คิดไม่ถึงว่า ชายวัยรุ่นที่โผล่ออกมากระทันหันจะร้ายกาจถึงขั้นนี้

“รนหาที่ตาย!”

มือสังหารร่างสูงตะโกนออกมา ไม่กล่าวไม่ได้ว่าเจ้าหนูนี่แข็งแกร่งมากจริงๆ ลงมือได้รวดเร็วมาก ในตอนที่เย่เทียนเฉินมาถึงเบื้องหน้าเขา เขาก็ตกใจไปเช่นกัน ชั่วพริบตาต่อมาก็ได้ฟาดฟันกระบี่อวี๋ฉางออกไป ทำให้อากาศถูกตัดขาด น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก รวดเร็วจนถึงขีดสุด

“พี่ใหญ่ระวังตัวด้วย นั่นคือกระบี่อวี๋ฉาง!” หลินตวนเห็นภาพนี้ก็รีบตะโกนเสียงดัง เขากลัวว่าพี่ใหญ่จะไม่รู้และจะ ทำอะไรบุ่มบ่าม

เคร้ง!

เพียงแต่คำพูดของหลินตวนตะโกนออกมาสายเกินไปบ้าง ในตอนที่เขาเพิ่งจะตะโกนจบ มือสังหารร่างสูงก็ฟันกระบี่ไปที่ลำคอของเย่เทียนเฉินแล้ว ในตอนที่มือสังหารร่างสูงกำลังยินดีนั้นเอง ยังไม่ทันจะยินดีเสร็จก็ต้องชะงักค้างอยู่กับที่ เนื่องจากเดิมทีเขาว่าคิดว่ากระบี่นี้ของตนฟันออกไปได้ไม่เลวยิ่งนัก จะต้องตัดหัวเย่เทียนเฉินได้แน่นอน ไหนเลยจะรู้ว่ากลับได้ยินเสียงเหมือนโลหะปะทะกัน เย่เทียนเฉินถึงกับใช้มือซ้ายขวางกระบี่อวี๋ฉางเอาไว้ตรงๆ บนมือซ้ายของเขาปรากฏโล่ขนาดเล็กขึ้นอันหนึ่ง นั่นก็คือ “โล่ทองคำ” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายทอง

ตู้ม!

มือสังหารร่างสูงถูกเย่เทียนเฉินต่อยจนกระเด็นออกไป เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนหยุดกระบี่อวี๋ฉางเอาไว้ได้ ทั้งยังโจมตีกลับมาตรงๆ อีกด้วย นี่ต้องแข็งแกร่งมากขนาดไหนถึงจะทำได้ ต้องรู้ว่ากระบี่อวี๋ฉางเป็นกระบี่แห่งความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในสิบกระบี่โบราณ ที่ได้ชื่อว่า “กล้าหาญ” เป็นเพราะมีพลังอำนาจที่ไม่อาจต่อต้านได้ แต่เย่เทียนเฉินกลับรับไปตรงๆ

เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินรับการโจมตีของกระบี่อวี๋ฉางเอาไว้ได้และใช้หมัดซัดชายร่างสูงจนปลิวออกไป หมัดปะทะลงบริเวณหน้าอกอย่างรุนแรงเช่นนั้น หากไม่ตายก็ต้องกระอักเลือดออกมาเป็นแน่ ในใจของทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตะลึง ความสามารถของมือสังหารทั้งสี่คนนี้ไม่อ่อนแอไปกว่าพวกอู๋เสวี่ยและหวังเจี๋ยเลย แต่เย่เทียนเฉินกลับสามารถเอาชนะเขาได้ภายในเวลาไม่กี่กระบวนท่า นี่เป็นเพราะมือสังหารทั้งสี่ดูถูกศัตรูเกินไป อีกทั้งเย่เทียนเฉินก็มีฝีมือลึกล้ำไม่อาจคาดเดาจริงๆ

“ความสามารถของพี่ใหญ่เพิ่มขึ้นไม่น้อยอีกแล้ว ท่าทางกลับมาจากความตายครั้งนี้จะไปเปลี่ยนเนื้อถอดกระดูกมา เป็นนกฟีนิกซ์ที่เกิดใหม่จากการถูกแผดเผา!” หวังเจี๋ยพูดออกมาอย่างตื่นตะลึง เหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างแล้ว

“ถูกต้อง ถึงแม้ขอบเขตพลังจะไม่ได้ถูกทะลวงไป แต่ฝีมือกลับไม่เหมือนวันวาน ไม่เสียทีที่จางอีเต๋อเป็นเซียนแพทย์เทวะเลยจริงๆ ไม่เพียงแต่จะรักษาอาการบาดเจ็บของพี่ใหญ่ให้หายดีได้ แต่ยังทำให้ความสามารถของพี่ใหญ่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ช่างร้ายกาจจริงๆ ” อู๋เสวี่ยพยักหน้าแล้วพูดออกมา

ความจริงแล้วตัวเย่เทียนเฉินเองก็ไม่เข้าใจอะไรนัก ในตอนที่เขาตื่นขึ้นมา ไม่เพียงแต่จะรู้สึกว่าอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว ไม่มีความรุนแรงอะไรแม้แต่น้อย ทั้งยังดูเหมือนพลังภายในร่างกายจะเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังพิเศษที่แตกต่างกันหลายสายซึ่งแฝงอยู่ในร่างกายของเขาก็ดูเหมือนจะมั่นคงขึ้นแล้ว ไม่สับสนวุ่นวายอีก นี่ทำให้เขาสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือเขาคิดว่ากายเนื้อของตนแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย มิฉะนั้นเมื่อครู่คงไม่สามารถหยุดกระบี่อวี๋ฉางได้ มีแค่ “โล่ทองคำ” อย่างเดียวยังไม่อาจทำได้

คิดไปคิดมาเย่เทียนเฉินรู้สึกว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพร่างกายของจางรั่วถง เธอมอบร่างกายบริสุทธิ์ให้ตน ใช้ร่างกายที่มีความพิเศษปลุกเขาให้ตื่น ในขณะเดียวกันก็ทำให้กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งขึ้น ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นร่างกายแบบไหนถึงกับร้ายกาจขนาดนี้ จางอีเต๋อไม่ยอมบอกอะไรเขาจนกระทั่งเขาจากมา นี่เป็นจุดที่เย่เทียนเฉินสงสัยมากที่สุด

“ในเมื่อฉันกลับมาแล้ว พี่หวังเจี๋ยของฉันเย่เทียนเฉิน ไม่ว่าใครก็แตะต้องไม่ได้!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย

“โอหัง!”

มือสังหารร่างผอมก็ตะโกนออกมาเสียงต่ำ ถึงแม้ในใจจะสั่นสะท้านเป็นอย่างมากแต่ยังคงลงมือเต็มที่ เขารู้ว่าหากไม่อาจกำจัดกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ก่อนที่ลูกพี่ของพวกเขาจะตามมาได้ พวกเขาก็ต้องตาย ลูกพี่ของพวกเขาเป็นปีศาจกระหายเลือด โหดเหี้ยมยิ่งกว่าพวกเขานับร้อยเท่า

ครืน!

โล่สีเงินอันใหญ่ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าในเวลาเพียงชั่วพริบตา ครอบคลุมบริเวณร้อยเมตรรอบๆ เอาไว้ กดทับลงมายังเย่เทียนเฉินโดยตรง ต้องการทับเย่เทียนเฉินให้กลายเป็นเนื้อบด โล่สีเงินอันนี้แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันหรือพลังโจมตีก็ร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง ในการโจมตีเมื่อสักครู่นี้ก็ทำให้อู๋เสวี่ยและหนองหวังเกือบจะใช้การไม่ได้ไปแล้ว พวกเขาสามารถโจมตีให้กระเด็นออกไปได้ก็นับว่าแข็งแกร่งมาก

“พี่ใหญ่ให้ ผมช่วยเอง!” อู๋เสวี่ยพูดพลางพุ่งเข้าไปช่วยเย่เทียนเฉินโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บ เขารู้ว่าครั้งนี้อันตรายมาก โล่สีเงินนี้มีพลังโจมตีแข็งแกร่งและยากจะต่อต้าน

“ไม่ต้อง พวกแกเป็นพี่หวังเจี๋ยที่ดีของฉัน ฉันขอบคุณพวกแกที่ทำทุกอย่างเพื่อกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ ตอนนี้ ในเมื่อฉันกลับมาแล้ว ทุกอย่างก็ให้ฉันจัดการเอง ฉันเป็นพี่ใหญ่ ไม่อาจปล่อยให้พี่หวังเจี๋ยมาเผชิญหน้ากับอันตรายแทนฉันได้!” เย่เทียนเฉินยิ้มพลางส่ายหน้าพูดกับอู๋เสวี่ย

ในชั่วขณะนี้เอง สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ต่างรู้สึกได้ว่าพี่ใหญ่คนนี้ของเขาดีมาก เขาติดตามได้ไม่ผิดคนจริงๆ มีพี่ใหญ่แบบนี้อยู่ด้วย เหตุใดสิบสามจ้าวสวรรค์จะไม่ยิ่งใหญ่? เหตุใดฃสิบสามจ้าวสวรรค์จะไม่สามารถปั่นป่วนยุทธภพได้? จะอย่างไรทุกคนต่างคิดว่า ติดตามพี่ใหญ่แบบนี้ช่างดีเหลือเกิน!

“งั้นก็ให้ฉันทับแกเป็นเนื้อบดไปซะ!” มือสังหารร่างผอมตะโกนออกมาครั้งหนึ่ง โล่สีเงินทั้งอันกดทับลงมาด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่จนถึงกับมีเสียงครืนๆ ดังออกมา พลังอำนาจเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่า

“กำแพงพสุธา!”

เย่เทียนเฉินตะโกนออกมาเสียงต่ำ กำแพงสี่แถวผุดขึ้นมาตั้งอยู่ซ้ายขวาหน้าหลังของเขาแล้วพุ่งขึ้นไปยังโล่สีเงินด้วยความรวดเร็ว ในตอนนี้เอง หมัดทั้งสองของเย่เทียนเฉินก็มีประกายแสงสดใสปะทุออกมา เขาเตรียมจะเข้าปะทะกับโล่สีเงินนี้แล้ว

ในความคิดของเย่เทียนเฉิน ยิ่งเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งยิ่งต้องโจมตีไปตรงๆ ถ้าหากรู้จักแต่หลบซ่อน เช่นนั้นครั้งต่อไปคุณก็จะหวาดกลัวยิ่งขึ้น ไม่มีทางชนะโดยสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น มีเพียงตอนที่สิ้นหวังถึงจะสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งต่างๆ ได้ ถึงจะพัฒนาความสามารถของตนเองได้

“ไม่มีประโยชน์ เจ้าเตี้ยแกยังรออะไรอยู่…” มือสังหารร่างผอมเห็นเย่เทียนเฉินลงมือโจมตีกลับจึงตะโกนไปยังมือสังหารร่างเตี้ย

มือสังหารร่างเตี้ยขมวดคิ้ว กระโดดขึ้นไปโบกพัดฟุ่บฟั่บไปสองครั้ง พัดขยายออก คมมีดสายลมที่สามารถฉีกขาดอากาศและสามารถฟันทุกสิ่งทุกอย่างให้ขาดได้พุ่งตรงไปยังเย่เทียนเฉิน พวกเขารู้สึกได้ว่าถ้าหากต่อสู้เพียงลำพัง ต่อให้พวกเขาทั้งสี่คนจะมีอาวุธเทพอยู่ในมือก็ไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเฉิน หากไม่ร่วมมือกันอีก เกรงว่าคงจะแพ้แล้ว

ตู้ม!

เสียงหนึ่งดังสนั่น เย่เทียนเฉินใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายดินออกไป กำแพงพสุธาทั้งสี่พุ่งออกมาจากบนพื้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถูกกดทับเอาไว้ สกัดกั้นโล่สีเงินได้ไม่กี่วินาที แต่เมื่อรวมเข้ากับคมมีดสายลมอันรุนแรงก็กลายเป็นเศษฝุ่นอยู่เบื้องหน้าด้วยความรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็เพียงพอแล้ว เย่เทียนเฉินกระโดดพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ทั้งร่างเผชิญหน้ากับอำนาจคุกคามที่มหาศาลมากที่สุด เขามักจะสู้ด้วยท่าทางที่แข็งแกร่งที่สุด นี่คือลักษณะการต่อสู้และนิสัยอันดื้อรั้นของเขา

“หมัดพี่ชายสุดหล่อ!”

ชื่อนี้ดูจะแปลกไปบ้าง ความจริงตอนที่เย่เทียนเฉินอยู่ในดาวสิ้นโลกก็มีการใช้หมัดแบบนี้ออกมาแล้ว พลังอำนาจแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของคนคนหนึ่งได้ในเวลาเพียงชั่วพริบตา พลังที่ออกมาจากหมัดเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของคนคนนั้น

หลังจากเสียงดังสนั่นผ่านไป ทุกคนต่างมองเห็นว่าโล่อันใหญ่สีเงินถูกต่อยจนปลิวออกไป ในขณะเดียวกัน เงาคนร่างหนึ่งก็พุ่งไปยังมือสังหารร่างผอมและมือสังหารร่างเตี้ยประดุจดาวตก หนึ่งหมัดหนึ่งเท้าซัดมือสังหารชุดดำอีกสองคนที่เหลือจนปลิวออกไป ตกลงไปพร้อมกันกับมือสังหารร่างอ้วนและมือสังหารร่างสูง ทุกคนต่างตกตะลึงจนอ้าปากกว้าง มีท่าทางไม่อยากจะเชื่อโดยสิ้นเชิง ในมือของพวกเขายังมีอาวุธที่แปลกประหลาดยากคาดเดาอยู่ด้วย แต่กลับถูกเย่เทียนเฉินอัดจนแพ้ยับ ไม่อาจคาดเดาได้เลยจริงๆ นี่เป็นโอกาสที่จางรั่วถงยอมเสียสละร่างกายอันบริสุทธิ์ของตนเพื่อมอบให้กับเย่เทียนเฉิน

………….