บทที่ 441 เทรนเนอร์ฝึกอสูรระดับปรมาจารย์ / บทที่ 442 จะต้องทนให้ได้ Ink Stone_Romance
บทที่ 441 เทรนเนอร์ฝึกอสูรระดับปรมาจารย์
หลังจากที่ซุนไป๋เฉ่าประกาศเรื่องการเสียชีวิตอีกครึ่งปีให้หลัง คุณหญิงย่าก็แอบส่งคนออกตาหาหมอชื่อดังทั่วสารทิศ
ต่อให้จะรู้ว่าไม่อาจตามหาหมอที่ดีกว่าซุนไป๋เฉ่าได้ แต่ก็ยังมีความหวังอยู่บ้าง
ในสวนหย่อม ณ บ้านใหญ่
โม่เสวียนหน้าตาตื่นตกใจ “ทำไมจู่ๆ ถึงทรุดหนักขนาดนี้? นายไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเหมือนจะช่วยให้คุณชายเก้านอนหลับง่ายขึ้นหรอกเหรอ?”
“แม้ว่าผลลัพธ์จะดีกว่านายนิดหน่อย แต่ไม่พอที่จะยับยั้งระดับพัฒนาการโรคของคุณชายเก้าได้หรอก! อีกอย่างการรักษาเป็นกระบวนการที่ต้องทำต่อเนื่องในระยะยาว คนที่ทำงานและพักผ่อนไม่เป็นเวลาอย่างคุณชายเก้า บำรุงบ้างเป็นครั้งคราว ซ้ำยังใช้ร่างกายอย่างหนักเพิ่มเป็นเท่าตัวอย่างต่อเนื่อง มีแต่ใช้งานไม่เคยบำรุง แล้วมันจะช่วยอะไรได้?”
สวี่อี้พูดพลางทอดถอนใจ “คุณชายเก้าไม่เพียงขาดนักสะกดจิตบำบัด ยังขาดคนกำกับดูแลด้วย!”
โม่เสวียนกลั้นหัวเราะกล่าวว่า “คนกำกับดูแลคุณชายเก้าได้น่ะเหรอ? คงต้องเป็นเทรนเนอร์ฝึกอสูรระดับปรมาจารย์แล้วละมั้ง?”
สวี่อี้ชะงักอึ้งไปต่อไม่ถูก เทรนเนอร์ฝึกอสูรคือตัวอะไร?
สวี่อี้กับโม่เสวียนกำลังสนทนากันสองคนอยู่ในสวนหย่อม มองผ่านรอยแยกของกิ่งก้านใบไม้ ทันใดนั้นเหลือบเห็นห่างไปไม่ไกล มีคนสองคนกำลังเดินมา
เห็นเพียงเยี่ยหวันหวั่นหอบหิ้วสิ่งของขาวปุกปุยชิ้นใหญ่เดินนำหน้ามา สาวใช้ข้างกายที่ตามมาด้วยในมือหอบหิ้วอะไรบางอย่างดูคล้ายผ้าห่ม นอกจากนี้ยังมีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งช่วยกันย้ายเก้าอี้เอนกายตัวหนึ่งและม้านั่งอีกตัว
คนเป็นคณะเคลื่อนขบวนเกรียงไกรเดินเข้ามายังสวนหย่อม
ซือเยี่ยหานสวมชุดลำลองทำจากผ้าลินินสีเทา เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างไม่รีบไม่ช้า
เยี่ยหวันหวั่นเดินนำคนทั้งหลายตรงไปยังใต้ร่มเงาดอกไม้ ก่อนจะพูดกับซือเยี่ยหาน “คุณรอเดี๋ยวนะ”
จากนั้นชี้ไปยังลานหญ้าที่มีใบไม้แห้งเหลืองทองและกลีบดอกไม้ร่วงหล่นเต็มไปหมด พลันสั่งการบอดี้การ์ด “วางเก้าอี้เอนกายตรงนี้ ม้านั่งวางข้างๆ”
บนเก้าอี้เอนกายถูกเธอปูด้วยเบาะนุ่มสบาย เมื่อจัดวางเรียบร้อย เยี่ยหวันหวั่นก็วางหมอนในมือลงไป พูดแล้วก็สั่งงานสองสาวใช้ต่อว่า “ส่งผ้าห่มมาให้ฉัน!”
“ค่ะ คุณหนูเยี่ย” สาวใช้ส่งผ้าห่มให้ตามคำสั่ง
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นวางหมอนลงไป ยื่นมือไปตบหมอน แล้วหันหน้าไปมองซือเยี่ยหานที่ตากแดดอยู่ข้างหลัง “ยืนบื้อทำอะไร? เข้ามาสิ!”
คิ้วเข้มของซือเยี่ยหานคล้ายจะยกหยักขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“นั่งลง” เยี่ยหวันหวั่นตบเบาๆ ที่เก้าอี้เอนกาย
ซือเยี่ยหานจึงนั่งลงบนเก้าอี้
เยี่ยหวันหวั่นแสดงออกว่าพอใจมาก แล้วพูดต่อว่า “ใช่ๆ จากนั้นก็นอนลงไป”
ซือเยี่ยหานก็นอนลงไป
เก้าอี้เอนกายทั้งกว้างและยาว ร่างกายสูงเพรียวของซือเยี่ยหานนอนลงไปแล้วไม่รู้สึกถึงความคับแคบ
รอซือเยี่ยหานนอนลงไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นช่วยคลุมผ้าห่มให้เขา จากนั้นไม่รู้ไปหยิบนาฬิกาจับเวลามาจากที่ไหน “ตอนนี้เริ่มการนอนกลางวันได้ เริ่มจับเวลาแล้ว”
ซือเยี่ยหานเอียงศีรษะไปมองเธอ “เมื่อคืนฉันนอนไปแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นหน้าเครียด “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เมื่อคืนคุณแกล้งหลับสองชั่วโมง ไม่รู้มัวคิดอะไรอยู่ วันนี้จะต้องเสริมกลับมา! เพื่อให้คุณนอนหลับอย่างสบายใจ มาเปลี่ยนอารมณ์สักหน่อย ฉันจึงตั้งใจหาสถานที่ตรงนี้ให้คุณโดยเฉพาะ!”
กับคำพูดของเยี่ยหวันหวั่น ซือเยี่ยหานไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ แต่เหล่ตามองไปที่ม้านั่งด้านข้าง
เยี่ยหวันหวั่นมองตามสายตาของเขาไปยังม้านั่ง ถลึงตาทำหน้าขู่ “มองอะไร ฉันจะนั่งคุมงานอยู่ตรงนี้!”
พูดจบ ก็หย่อนก้นลงนั่งบนม้านั่ง พลางสั่ง “หลับตา แล้วนอน!”
ครั้งนี้ ซือเยี่ยหานไม่ได้หลับตา ตรงกันข้ามกลับมองเธออยู่สองสามวินาทีราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
………………………………………………………..
บทที่ 442 จะต้องทนให้ได้
เยี่ยหวันหวั่นถูกเขามองจนขนลุก เอ่ยถาม “คุณมองฉันทำไม?”
แน่นอนว่าการคาดหวังให้ซือเยี่ยหานพูดทำนองว่า “เธอสวยจัง” คงไม่มีทางเป็นไปได้
ซือเยี่ยหานหรี่ดวงตาเล็กลง มองเธอพลางเอ่ยถาม “ไม่กลัวฉันแล้วเหรอ?”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน คงเป็นเพราะว่านึกขึ้นได้ว่าที่ตัวเองทำใจกล้าอวดดีอยู่นี้คือกำลังพูดอยู่กับใคร หัวใจพลันเต้นตูมตาม ข่มตัวเองให้สงบนิ่งพลางเอ่ยเสียงอึกอัก “มี…มีอะไรน่ากลัว! คุณก็แค่เสือกระดาษตัวหนึ่ง! จะจับฉันกินเหรอ?”
ซือเยี่ยหานหัวเราะเบาๆ “อยากจะลอง?”
เยี่ยหวันหวั่นหน้าเครียดคล้ำ “ห้ามอู้ นอนซะ!”
บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของพืชพันธุ์สดชื่น แสงแดดละเอียดอ่อนลอดผ่านแมกไม้สาดส่องลงมา โลดแล่นบนกายของหญิงสาว สาดสะท้อนดวงหน้าของหญิงสาว แทบจะเห็นขนละเอียดน่ารักบนผิวหน้าของหญิงสาวได้ชัดเจน…
ท่ามกลางสายตาของหญิงสาวที่จ้องมองเขา หมอกควันอันหนาวเหน็บทั้งหมดและโซ่ตรวนด้านหลังที่เขาแบกอยู่ เหมือนจะมลายหายไปในทันที…
ซือเยี่ยหานทอดมองหญิงสาวอยู่เงียบๆ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยถามคำถามนั้นออกไป
เพราะอะไร…
ถึงไม่อยากให้เขาตาย…
มีเยี่ยหวันหวั่นคอยเร่งรัด ซือเยี่ยหานจึงยอมหลับตาลง
ผ่านไปประมาณสองสามนาที นิ้วมือที่ยันหน้าผากเอียงอยู่ค่อยๆ ผ่อนลง
เยี่ยหวันหวั่นรีบหยิบมือเขาออกอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บลงใต้ผ้าห่ม จากนั้นนั่งลงที่ม้านั่งด้านข้าง พลางพลิกอ่านหนังสือนิยาย พลางชำเลืองมองด้านข้างบ้างเป็นครั้งคราว…
สวี่อี้และโม่เสวียนอยู่ห่างไปไม่ไกลมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
โม่เสวียนทำหน้าตะลึงเหมือนว่าได้เห็นสิ่งที่ดีที่สุด “เทรน…เทรนเนอร์ฝึกอสูรระดับปรมาจารย์…เห็นแล้วใช่ไหม คือสิ่งนี้แหละ! ออร่าของคุณหนูเยี่ยเมื่อครู่นี้ ขาดแค่แส้เส้นเดียวในมือเท่านั้นก็ใช่เลย!”
“แค่ก…” สวี่อี้กระแอมเสียงเบา ปรายตามองเขาอย่างหมดคำจะพูด
โม่เสวียนถอนหายใจ พลางกล่าว “ฉันว่านะพี่ชาย นายเรียนฉันกลับมาทำไม? ฉันพบว่าตัวเองไม่มีประโยชน์อะไรเลย!”
สวี่อี้กลอกตาให้กับคนเลวบางคนที่พักร้อนรับเงินเดือนอยู่แต่ยังมาบ่นโอดครวญ “ใครบอกไม่มีประโยชน์? เรียกนายกลับมาเป็นคนช่วยแบ่งเบาหน้าที่หมาเหงาหมั่นไส้คนมีคู่ไม่ได้เหรอไง?”
เขาคนเดียวจะรับไม่ไหวแล้ว…
โม่เสวียนยืดไหล่รับ “ก็ได้ นายชนะแล้ว!”
……
เทรนเนอร์ฝึกอสูรระดับปรมาจารย์ เยี่ยหวันหวั่นดูแลกำกับซือเยี่ยหานอย่างเข้มงวดมาหลายวัน จนกระทั่งพ่อกับแม่ถามเธอเรื่องสถานการณ์ที่ทำงาน บอกให้เธอหาเวลาว่างกลับไปกินข้าวด้วยกันสักมื้อ ทางด้านลั่วเฉินไม่เห็นเธอปรากฎตัวมานานแล้ว จึงแอบเตือนเธอว่าอีกไม่กี่วันจะถึงวันเปิดกล้องแล้ว เธอถึงต้องออกไปสักหน่อยอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนออกไป เยี่ยหวันหวั่นแอบลากสวี่อี้ไปที่มุมห้องเกี่ยวก้อยทำสัญญา
“รับนี่ไป” เยี่ยหวันหวั่นยัดสมุดโน้ตเล่มหนึ่งให้เขา
“คุณหนูหวันหวั่น สิ่งนี้คือ?” สวี่อี้ไม่เข้าใจ
“ฉันทำตารางประจำวันให้เขาแล้ว นายติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา ช่วยฉันดูเรื่องนี้หน่อย หากเขาไม่ทำตามเวลาให้รีบโทรบอกฉัน” เยี่ยหวันหวั่นกล่าว
สวี่อี้กลืนน้ำลายเอือกใหญ่ “เอ่อ…”
เยี่ยหวันหวั่น “ทำไม?”
สวี่อี้เอ่ยตอบอย่างระแวดระวัง “คุณหนูหวันหวั่นครับ คุณจะให้ผม…คอยฟ้องคุณเหรอครับ?”
“อะแฮ่ม…” เยี่ยหวันหวั่นพลันกระแอมเสียง “อย่าพูดอะไรไม่น่าฟังแบบนั้นสิ! ฟ้องอะไรกัน เป็นการแสดงความจงรักภักดีปกป้องเจ้านายของนายต่างหาก! วางใจเถอะ มีฉันคอยหนุนหลังให้!”
สวี่อี้ทำหน้าอยากจะร้องไห้ มือหยิบตารางประจำวันเล่มนั้นมาประดุจถือเผือกร้อน พลางถามย้ำ “คุณมั่นใจว่า…หนุนไหว?”
“ไหวแน่นอน!” เยี่ยหวันหวั่นตบอกแสดงการรับประกัน
สวี่อี้ทำหน้าเศร้าสลด ยังกลัวตายอยู่
เห็นสวี่อี้หวาดกลัวขนาดนี้ เยี่ยหวันหวั่นกลอกตาให้เขาอย่างหมดคำพูด พลันกล่าว “หากไม่ไหวจริงๆ ฉันแค่ใช้มารยาหญิงก็ได้แล้ว!”
สวี่อี้ตอบ “ตกลงครับ ภารกิจต้องสำเร็จแน่!”
เยี่ยหวันหวั่นไปต่อไม่ถูกเลย
…………………………………………………….