บทที่ 443 ความสามารถที่เอาชนะเงินทองได้ / บทที่ 444 ตรวจการบ้าน Ink Stone_Romance
บทที่ 443 ความสามารถที่เอาชนะเงินทองได้
จากนั้น เยี่ยหวันหวั่นล้างสมองสวี่อี้อยู่เป็นครึ่งค่อนวัน สรุปแล้วหัวใจหลักของความคิดนี้ก็คือ ยืนกรานให้สนับสนุนเธอโดยรายงานความเป็นไป หากคุณชายเก้าโมโหขึ้นมายังมีเธอคอยหนุนหลังให้
ถ้าเธอหนุนไม่ไหว ยังมีคุณหญิงย่าด้วยอีกคน!
หลายวันมานี้คุณหญิงย่าก็รู้ว่าเธอคอยติดตามการฟื้นฟูร่างกายของซือเยี่ยหาน ท่านจะต้องสนับสนุนเธออย่างแน่นอน
น่าจะเป็นเพราะเวลาอยู่กับคนที่ชอบ อารมณ์และความรู้สึกจะมีความสุขและอบอุ่นกว่าปกติ จากการสังเกตในช่วงเวลาหลายวันนี้ คุณหญิงย่าพบว่าท่าทางของหลานชายเวลาอยู่กับเยี่ยหวันหวั่นผ่อนคลายลงไม่น้อยเลย
อีกทั้งเรื่องที่ค้นพบก่อนหน้านี้ก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เวลาที่มีเยี่ยหวันหวั่นอยู่ด้วย เหมือนว่าเจ้าเก้าจะหลับง่ายกว่าปกติ
เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ที่เยี่ยหวันหวั่นทำ จะส่งผลให้อาการของเจ้าเก้าเปลี่ยนแปลงไปได้มากน้อยแค่ไหน…
เพราะอย่างไร จากที่จงหลีสืบมาก่อนหน้านี้ หวันหวั่นกับเจ้าเก้าอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้ว เวลานานขนาดนั้น อาการของเจ้าเก้าก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เธอเลยไม่กล้าตั้งความหวังจริงๆ ในสถานการณ์ตอนนี้ที่เจ้าเก้าเหลือเวลาแค่เพียงครึ่งปี สุขภาพของเขาจะดีขึ้นได้เหรอ…
ในสถานการณ์ที่แม้แต่หมอเทวดาซุนยังยืนยันว่าไม่มีทางรักษา เธอจะฝากความหวังไว้ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างไร
หลังออกจากบ้านใหญ่มา หวันหวั่นแวะไปทานข้าวที่บ้านของพ่อแม่ก่อน
ระหว่างทานข้าวทั้งสองย่อมถามถึงแฟนหนุ่มของเธอ อาการซือเยี่ยหานตอนนี้เป็นแบบนี้ เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงบอกปัดไปว่าแฟนหนุ่มงานยุ่งมาก หากมีโอกาสจะพามาพบพ่อกับแม่
จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นรีบนั่งรถไปบริษัท
เยี่ยหวันหวั่นกลับถึงห้องทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์จัดการอีเมลที่เข้ามาช่วงนี้กับช่องทางการเผยแพร่หนังสือพิมพ์และนิตยสาร ก่อนจะไปหาลั่วเฉินที่ห้องฝึกซ้อม
แกะน้อยยังคงขยันขันแข็ง กำลังเหงื่อไหลโซมกายอยู่ในห้องฝึกซ้อม
ไม่เสียแรงที่เธอทุ่มเทขนาดนี้
แม้ว่าตอนนี้เธอจะสร้างจุดเริ่มต้นที่ดีมากให้กับลั่วเฉินแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะนอนหลับสบายไม่มีอะไรให้กังวลอีก
การแข่งขันครั้งนี้ดุเดือดมาก ผู้เข้าชิงบทพระเอกและพระรองแทบจะเป็นนักแสดงระดับแนวหน้าทั้งนั้น จุดเด่นเดียวที่ลั่วเฉินมีคือเขาเป็นผู้แสดงบทหลินลั่วเฉินในฉบับดั้งเดิม
แม้ว่า ‘อดีตเด็กร่วมค่าย’ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กองถ่ายคำนึงถึง แต่ไม่มีทางเป็นปัจจัยเพียงหนึ่งเดียวแน่นอน ความเห็นของผู้ลงทุน โดยเฉพาะเสน่ห์ของนักแสดง ล้วนมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก
ศัตรูตัวร้ายที่สุดของลั่วเฉินในครั้งนี้มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือผู้แสดงบทหลินลั่วเฉินใน ‘มังกรผงาด 2’ ในชาติก่อน
เพราะการกลับมาเกิดใหม่ของเธอ ชีวิตของลั่วเฉินจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงกลับตาลปัตร แต่ว่าเธอเองก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เพียงพอที่จะสั่นคลอนผลการคัดเลือดในชาติก่อนได้หรือไม่
ชาติก่อน ผู้แสดงบทพระเอกเรื่อง ‘มังกรผงาด 2’ ยังเป็นคนเดียวกับที่แสดงบทพระเอกในฉบับดั้งเดิม คือหลิงเส่าเจ๋อดาราชายสุดฮอตภายใต้สังกัดหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์แห่งเยี่ยกรุ๊ป
หลิงเส่าเจ๋อและลั่วเฉินเดบิวต์พร้อมกัน และดังพร้อมกันเพราะแสดง ‘มังกรผงาด’
ถึงแม้ตอนนั้นลั่วเฉินรับบทเป็นตัวประกอบชาย แต่บทที่แสดงได้รับกระแสตอบรับดีมาก จึงโด่งดังเสียยิ่งกว่าหลิงเส่าเจ๋อที่เป็นพระเอกเสียอีก
ทว่าตอนนี้หลิงเส่าเจ๋อเป็นถึงนักแสดงคนโปรดสุดฮอตของหวงเทียนเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เรื่องความโด่งดังเหนือกว่าหานเซี่ยนอวี่และกงซวี่ ลั่วเฉินในตอนนี้กลับเหมือนคนทั่วๆ ไป
ชาติก่อนผู้แสดงบทพระรองในเรื่อง ‘มังกรผงาด 2’ ค่อนข้างตึงมือ แต่ไม่ใช่ว่าทักษะการแสดงของเขาดีเลิศ เทียบความโด่งดังกับผู้เข้าชิงก็ไม่ใช่ระดับสุดยอด ทว่าเขาเป็นลูกชายบุญธรรมของผู้ลงทุน
แต่ลั่วเฉิน…มีแค่ความสามารถเท่านั้น
ความสามารถที่เอาชนะเงินทองได้…
ก่อนหน้านี้ไปประเทศ B กับซือเยี่ยหานมา ทำให้เสียเวลาไปไม่น้อย ตอนนี้อีกแค่สามวันก็จะถึงวันทดสอบหน้ากล้องแล้ว จำต้องรีบคุยเรื่องบทกับลั่วเฉินสักหน่อย
เยี่ยหวันหวั่นหยุดความคิด แล้วเรียกชายหนุ่มในห้องฝึกซ้อม “ลั่วเฉิน!”
เมื่อเห็นผู้ชายที่อยู่ตรงทางเข้า ดวงตาของลั่วเฉินพลันสว่างวาบ เช็ดเหงื่อแล้วรีบวิ่งไปทางประตูทันที “พี่เยี่ย!”
…………………………………………………
บทที่ 444 ตรวจการบ้าน
“พี่เยี่ย พี่กลับมาแล้ว!” แม้ว่าเจ้าแกะน้อยตั้งใจเก็บสีหน้าท่าทางแล้ว แต่ก็ยังมองเห็นความตื่นเต้นในดวงตาของเขา
ด้วยนิสัยขาดความมั่นใจของลั่วเฉิน เธอหายไปไม่มีข่าวคราวนานหลายวันแบบนี้ คาดว่าคงจะคิดฟุ้งซ่านไม่น้อย
เยี่ยหวันหวั่นไม่เสียเวลา เอ่ยขึ้นทันที “จัดการตัวเองแล้วไปหาฉัน ฉันจะคุยเรื่องบทกับนายหน่อย”
“ครับ” ลั่วเฉินไม่ลังเล พยักหน้าแล้วเดินตามไป
….
วั่นจิ่งหมิงหยวน
“นั่งตามสบายนะ” เยี่ยหวันหวั่นถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นรินน้ำให้เขาหนึ่งแก้ว
เทียบกับความเคร่งเครียดตอนที่มาหาเธอครั้งก่อน ครั้งนี้ลั่วเฉินสงบลงไม่น้อยแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นนั่งลงบนโซฟา เตรียมจะตรวจการบ้าน
ลั่วเฉินจ้องบทที่เยี่ยหวันหวั่นถืออยู่ในมือ ท่าทางดูตื่นเต้นอยู่บ้าง
ในมือเยี่ยหวันหวั่นถือบทอยู่ ทว่าไม่ได้อ่าน เลือกฉากหนึ่งออกมาเลย “แอค 13 ซีนที่ 7”
ฉากนี้เป็นฉากที่หลินลั่วเฉินฆ่าคน
บทธรรมดามาก หลินลั่วเฉินฆ่าจอมยุทธ์ผู้ผดุงคุณธรรมตายในดาบเดียว จากนั้นหันกายจากไป
ไม่มีบทพูด มีเพียงสายตาและการเคลื่อนไหวของร่างกาย
หลักๆ เยี่ยหวันหวั่นอยากจะใช้ฉากนี้เพื่อดูว่าลั่วเฉินเข้าใจบทหลินลั่วเฉินในภาคสองนี้ไปถึงขั้นไหนแล้ว
“เอาฉากนี้แหละ มีปัญหาไหม?” เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นถาม
ลั่วเฉินส่ายศีรษะ “ไม่มีครับ”
ลั่วเฉินเดินไปกลางห้องรับแขก สูดหายใจเข้าลึก และหลับตาลง
หลังจากนั้นสามวินาที ตอนที่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาก็มีแค่จิตสังหารเย็นเยียบสุดขั้ว
มือหนึ่งของลั่วเฉินไพล่อยู่ด้านหลัง มืออีกข้างหนึ่งชักกระบี่ออกมา แทงทะลุหัวใจของผู้มาเยือนในครั้งเดียว อารมณ์บนใบหน้าไม่มีเค้าความบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนวัยหนุ่มอีกแล้ว แต่มีความชั่วร้าย เย็นชา กระหายเลือด สายตาที่จ้องมองผู้มาใหม่ราวกับภูตผีปีศาจน่าหวาดผวา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลั่วเฉินสลัดท่าทางในบทออกไป แล้วหันมองทางเยี่ยหวันหวั่น รอคำวิจารณ์จากเยี่ยหวันหวั่นอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
เยี่ยหวันหวั่นเท้าคาง นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง “อืม…แสดงเป็นปีศาจร้ายได้ดีเลย…”
พูดจบก็ชะงักไปนิด ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่า ค่อนข้างจะขาดอารมณ์ไปสักหน่อย”
เยี่ยหวันหวั่นลุกขึ้นยืน เดินไปฝั่งตรงข้ามลั่วเฉิน
เธอใช้บทในมือแทนกระบี่ เสียบทะลุหัวใจลั่วเฉินในทีเดียว หลังจากนั้นพักหนึ่งก็ไม่ขยับไปไหน แผ่รังสีออกมา
แววตาของเธอเหมือนกับการแสดงของลั่วเฉินเมื่อครู่นี้ คือชั่วร้าย เย็นชา กระหายเลือด แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือไม่มีจิตสังหารอยู่เลย
สิ่งที่เข้ามาทดแทนคือความเฉยเมย ความเมินเฉยที่ทั้งดูถูกและเย็นชาจนถึงขีดสุด
ราวกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คน แต่เป็นสิ่งของที่ไร้ซึ่งชีวิต
“เห็นความแตกต่างไหม?” เยี่ยหวันหวั่นถามขึ้น
หน้าผากของลั่วเฉินชุ่มไปด้วยเหงื่อ จนกระทั่งเยี่ยหวันหวั่นเอ่ยปาก ถึงได้หลุดจากแรงกดดันมหาศาลนั้นได้ พอได้ยินคำถาม สีหน้าเขาตื่นตะลึงเบาๆ
เขารู้ว่าฝีมือการแสดงของอีกฝ่ายเหนือกว่าเขาอยู่หลายขุม แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด
เพราะเหตุใดทั้งๆ ที่ไม่มีจิตสังหาร แต่กลับทำให้รู้สึกว่าน่ากลัวยิ่งกว่า
เยี่ยหวันหวั่นค่อยๆ อธิบายอย่างใจดีว่า “หลินลั่วเฉินในเวลานั้นเผชิญกับความยากลำบากและความอยุติธรรมทั้งหมดบนโลก นิสัยของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จุดนี้นายสื่อออกมาได้ถูกต้องแล้ว แต่ความแตกต่างจากเมื่อก่อนที่สำคัญที่สุดคืออะไร นายรู้หรือเปล่า?”
ลั่วเฉินหลุบตาลง ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “คือ…ความเลื่อมใสและยำเกรงต่อชีวิต?”
เยี่ยหวันหวั่นพลันเผยรอยยิ้ม สติปัญญาของลั่วเฉินไม่เลวเลยจริงๆ อธิบายนิดเดียวก็เข้าใจแล้ว
“ถูกต้อง เป็นความเลื่อมใสและยำเกรงต่อชีวิต เห็นชีวิตคนอยู่ในสายตา ถึงจะมีจิตสังหาร แต่หากเขามองว่าชีวิตคนเหมือนต้นไม้ใบหญ้า ถ้างั้นเวลาที่เขาฆ่าคนก็จะมีแต่ความเฉยเมย”
ดวงตาทั้งสองของลั่วเฉินพลันส่องประกาย ราวกับตื่นรู้เข้าใจ “ผมเข้าใจแล้ว!”
“อื้อ…” เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรต่อ เวลานี้เอง โทรศัพท์ข้างกายพลันดังขึ้นมา สายที่โทรเข้ามาคือสวี่อี้
…………………………………………………………