บทที่ 619 การยุยง + บทที่ 620 การโจมตียามค่ำคืน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 619 การยุยง

ไป๋อวี่มองศิษย์พี่ใหญ่ของตนเองอย่างไม่เต็มใจนัก นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นแววตาตักเตือนของอีกฝ่าย นางก็กลืนคำพูดที่ตนต้องการจะพูดลงไป

เฟิงหยวนมองไปที่หมิงเจ๋อ “หมิงเจ๋อ ส่งข้อความไปหาสำนัก บอกท่านอาจารย์ว่าข้าเกรงว่าพวกเราต้องยอมเสียกระบี่หิมะโปรยไป”

หากหญิงสาวคนนั้นคือนายหญิงแห่งทงเป่าไจจริงๆ ก็หมายความว่านางเป็นผู้ทรงอิทธิพลและร่ำรวยอย่างมาก ข้อเสนอของพวกเขาจึงไร้ค่า

หมิงเจ๋อเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะผงกศีรษะ “ศิษย์พี่ อย่ากังวลเลย ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร”

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็นความไม่พอใจของไป๋อวี่

ลึกๆ แล้ว นางคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่หนิงเมิ่งเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ จะเป็นคนจากทงเป่าไจ พวกนางเพียงแค่ต้องใช้เงินเท่านั้น แล้วก็จะไม่มีสิ่งใดที่นางครอบครองไม่ได้

เมื่อพี่ชายทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จ ไป๋อวี่ก็ตัดสินใจว่า ไม่ว่าอย่างไร ตนเองจะต้องได้กระบี่เล่มนั้นมาให้ได้ ต่อให้จะต้องฆ่าคนพวกนั้นก็ตาม

แรงอาฆาตที่ปะทุขึ้นมาในทันทีทันใดนั้นทำให้เฟิงหยวนขมวดคิ้ว เขาก้มหน้ามองน้องสาว ก่อนจะเห็นว่าแววตาของนางดุดันราวกับต้องการจะฆ่าใครบางคน

“ไป๋อวี่ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน พวกนั้นไม่ใช่คนธรรมดา และความสามารถของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยด้วยเช่นกัน” พวกเขาพูดเพียงแค่นั้น และแม้ว่าเขาจะพูดต่อ หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจนัก

ไป๋อวี่คร่ำครวญ”ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร เจ้าไม่ต้องมาสั่งสอนข้าหรอก”

เฟิงหยวนรู้สึกกังวลกับความคิดของนาง หมิงเจ๋อมองไป๋อวี่และพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “ศิษย์พี่ อย่าใส่ใจเลย หากมีใครอยากรนหาที่ตาย พวกเราก็ไม่อาจฉุดรั้งคนๆ นั้นได้”

“หมิงเจ๋อ…” ไป๋อวี่ยื่นมือมาลูกหน้าผากของตนเอง เห็นได้ชัดว่านางทำสีหน้าไม่ถูก เมื่อถ้อยคำของศิษย์พี่รองทำให้นางรู้สึกเกลียดชังเขายิ่งกว่าเดิม

หนิงเมิ่งเหยาเอนกายพิงหน้าอกกว้างของเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะลูบไล้ผมของชายหนุ่ม “เทียนช่าง เจ้าคิดว่าสามคนนั้นจะทำเช่นไร พวกเขาจะยอมแพ้หรือคิดจะขโมยมันไปจากเรากัน”

“ชายหนุ่มที่ชื่อว่าเฟิงหยวนนั้นเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เขาต้องคาดเดาตัวตนของเจ้าได้ในไม่ช้า แม้ว่าข้อสันนิษฐานของเขาอาจจะยังไม่แน่ใจว่าเจ้าเป็นนายหญิงแห่งทงเป่าไจ แต่เขาก็ต้องสงสัยว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับหัวหน้าของทงเป่าไจเป็นแน่ ทั้งนี้มีผู้คนไม่มากนักที่จะร่ำรวยมั่งคั่งและสง่างามเช่นเจ้า” เฉียวเทียนช่างเอ่ยอย่างติดตลก

หลังจากที่คาดเดาตัวตนของหนิงเมิ่งเหยาได้ พวกเขาอาจจะยอมแพ้ และไม่คิดที่จะฉกฉวยกระบี่หิมะโปรยไป

อย่างไรก็ตาม เฉียวเทียนช่างประเมินความยโสโอหังของไป๋อวี่ต่ำเกินไป เพราะนางกำลังจะทำในสิ่งที่ชายหนุ่มคิดว่าเป็นไปไม่ได้

หนิงเมิ่งเหยายกมือขึ้นมาลูบคางของตน ก่อนจะผงกศีรษะอย่างเคร่งขรึม “เจ้าพูดถูก ข้าหวังว่าคนพวกนั้นจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไป”

“แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ช่วงนี้พวกเรายังไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องทำ”

“ทำไมจะไม่มีเล่า ข้าวางแผนที่จะมุ่งหน้าไปดูเมืองหลวงของเหมียวเจียง” หญิงสาวมองสามีอย่างไม่พอใจ

หลักการของหนิงเมิ่งเหยาคือ หากที่นั่นเป็นสถานที่ที่อันตรายมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น

เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปลูบศีรษะของภรรยา โดยไม่ได้โต้เถียงหรือแสดงความเห็นด้วยใดๆ แต่ทว่าการกระทำของชายหนุ่มนั้นชัดเจนอยู่แล้วว่าตราบใดที่หญิงสาวต้องการจะไป เขาก็พร้อมที่จะติดตามนางไปอย่างแน่นอน

หลังจากศิษย์พี่ทั้งสองคนของไป๋อวี่จากไป นางก็แอบติดต่อกับคนอื่นๆ ในสำนัก และเล่าเหตุการณ์พร้อมกับแต่งเสริมรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปด้วยเช่นกัน ไป๋อวี่ขอให้พวกเขาตามหาคนเหล่านั้น ก่อนจะพูดย้ำถึงเรื่องที่อีกฝ่ายทำให้ตนเองต้องอับอาย

หลังจากได้ยินดังนั้น คนอื่นๆ ในสำนักชิงหลินก็โกรธแค้นในทันที “พวกเขากล้าดีอย่างไรจึงดูหมิ่นสำนักชิงหลินของพวกเราเช่นนี้ พวกเราจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้กับคนพวกนั้น”

เดิมที ไป๋อวี่ต้องการได้ยินคำพูดเช่นนี้อยู่แล้ว และนั่นทำให้นางยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วและมองพวกเขา “แต่ศิษย์พี่ใหญ่กับคนอื่นๆ ไม่อนุญาตให้พวกเราทำเช่นนั้น”

“ศิษย์น้องไม่ต้องกังวล พวกเราจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง”

“ใช่แล้ว”

เมื่อคนกลุ่มนี้ต่างให้การสนับสนุนและรับปากยืนยันกับนาง ไป๋อวี่ก็รู้สึกมั่นใจอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือสิ่งที่นางต้องการอยู่แล้ว

หลังจากวางแผนอยู่สองวัน บรรดาศิษย์พี่ของไป๋อวี่ก็หาโอกาสลงมือ

คืนนั้น ขณะที่หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างกำลังหลับสนิท จู่ๆ หญิงสาวก็ลืมตาขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นนั่ง และยื่นมือขึ้นมาประคองศีรษะของตนเอง ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะไร้สมอง

“ไปพบกับพวกเขากันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยาผลักชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ขณะที่พูดเยาะเย้ย

เฉียวเทียนช่างส่งเสียง ‘อือ’ ก่อนจะยื่นเสื้อผ้าให้กับภรรยา

หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา พวกเขามองไปยังคนสองสามคนที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาจากระยะไกล หญิงสาวพลันยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน “เทียนช่าง พวกเขาอยู่ที่นี่แล้ว”

บทที่ 620 การโจมตียามค่ำคืน

เฉียวเทียนช่างมองดูผู้คนที่กำลังควบม้าเข้ามา ก่อนจะยิ้มมุมปาก “เหยาเหยา ข้าอยากรู้ว่าสำนักชิงหลินมาที่นี่เพราะต้องการกระบี่หิมะโปรยจริงๆ หรือ”

หากเป็นเช่นนั้น เฟิงหยวน รวมถึงศิษย์น้องชายหญิงของเขาก็น่าจะอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนี้ด้วย แต่ทว่าทั้งสามคนกลับไม่ปรากฏตัว และสำนักชิงหลินยังส่งคนมาที่นี่จำนวนมาก ท่านอาจารย์ของพวกเขาวางแผนอะไรอยู่กันแน่

หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “นั่นสิ แต่พวกเราเกี่ยวอะไรด้วยหรือ”

ชายหนุ่มเกร็งตัว ก่อนจะส่ายศีรษะ “ไม่เลย”

“ถูกต้อง ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย แต่ในเมื่อคนพวกนั้นกล้าสร้างปัญหาให้กับพวกเราเช่นนี้ พวกเราก็ควรจะสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาเช่นกัน” หญิงสาวขบฟันกรอดขณะเอ่ยอย่างเย็นชา เฉียวเทียนช่างจึงไม่อาจทำอะไรได้

ชายหนุ่มมองใบหน้าของภรรยาอย่างทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง

เมื่อคนกลุ่มนั้นเข้ามาในลานบ้าน หนิงเมิ่งเหยาก็สังเกตเห็นว่าศิษย์ทั้งสามคนก่อนหน้านี้ไม่ได้มาด้วย เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนพวกนี้ถูกปลุกปั่นก่อนจะมาที่นี่

เมื่อคิดเช่นนั้น สายตาของหนิงเมิ่งเหยาก็เผยแววเย้ยหยันอย่างชัดเจน “เทียนช่าง ดูเหมือนจะมีการแสดงที่น่าสนใจในอีกไม่ช้า”

“นั่นสิ น่าจะเป็นเช่นนั้น”

“จัดการอีกฝ่ายให้สิ้นซาก แล้วโยนพวกเขาออกไป”

“ได้”

หลังจากที่สองสามีภรรยาพูดคุยกันเสร็จ ทั้งสองคนก็กระโจนลงมาจากหลังคา ทำให้กลุ่มคนที่เพิ่งมาถึงต่างประหลาดใจกับการปรากฏตัวของทั้งคู่ แต่ในไม่ช้า พวกเขาก็เรียกสติกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว

“ลงมือ!”

ขณะเดียวกัน หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างก็เริ่มจู่โจมเช่นกัน และไม่ว่าทั้งสองคนจะพุ่งไปในทิศทางใด ที่นั่นก็จะมีผู้คนล้มเจ็บในทันที

หญิงสาวมองเหล่าคนที่นอนบาดเจ็บเกลื่อนพื้น โดยไม่รู้สึกผิด หนำซ้ำนางยังเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นอีกด้วย

เวลาผ่านไปไม่ถึงสองก้านธูป เหล่าคนที่บุกรุกมาที่นี่ต่างนอนกองกับพื้นอย่างหมดแรงสู้ หนิงเมิ่งเหยากวาดตามองพวกเขา “ฝีมือของสำนักชิงหลินก็ไม่เท่าไหร่นี่”

“ไปนอนต่อเถอะ ข้าจัดการเรื่องนี้ต่อเอง” เฉียวเทียนช่างยื่นมือไปเคาะหน้าผากของภรรยา พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

หญิงสาวคิดจะเถียงกลับ แต่เมื่อเห็นแววตาขึงขังของสามี นางก็เดินกลับไปพักผ่อนในบ้านอย่างเชื่อฟัง

เฉียวเทียนช่างเรียกหนานอวี่มาพบ ก่อนจะช่วยกันอุ้มร่างผู้บุกรุก และส่งตัวพวกเขาไปยังสถานที่ที่เฟิงหยวนและคนอื่นๆ พักอาศัยอยู่

ทันใดนั้น เฟิงหยวนที่กำลังหลับใหลก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นกลุ่มคนที่นอนกองอยู่บนพื้น พร้อมกับชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่ในห้องของเขา เฟิงหยวนก็ลุกขึ้นในทันที

“นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน”

“หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ ข้าหวังว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นอีก มิเช่นนั้น ข้าจะไม่หยุดแค่ทำให้คนพวกนี้บาดเจ็บหรือพิการเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีคนอื่นๆ อยู่ข้างนอกอีก เจ้าออกมาเอาพวกเขากลับไปด้วยตัวเองก็แล้วกัน” เฉียวเทียนช่างทิ้งคำพูดเอาไว้ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับหนานอวี่

เฟิงหยวนรีบลุกขึ้นมาจุดเทียน แสงสว่างนั้นทำให้เขามองเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของเหล่าผู้คนที่นอนอยู่กับพื้น และแล้วเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาก็กระตุกไม่หยุด

‘คนพวกนี้คิดจะทำอะไรกันแน่’

“พวกเจ้าไปที่นั่นทำไมกัน”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเรา…”

“พอแล้ว เจ้าคิดว่าตอนนี้เรายังมีปัญหาไม่พออีกหรือ” เฟิงหยวนขบฟันแน่น และพูดอย่างขุ่นเคือง

แม้ว่าผู้คนที่นอนอยู่บนพื้นจะบาดเจ็บ แต่เมื่อพวกเขาเห็นสีหน้าโกรธแค้นของเฟิงหยวนแล้ว ทุกคนก็ไม่กล้ามองหน้าเขา ก่อนจะพากันหันหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิด

จากนั้น เฟิงหยวนก็เดินไปปลุกหมิงเจ๋อ “พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว”

เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งทาง หมิงเจ๋อก็รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาขมวดคิ้วแน่น “อาจจะเป็นฝีมือของศิษย์น้องก็เป็นได้”

“ใช่” นอกจากนางแล้ว เขาก็คิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครทำเช่นนี้ได้อีก นางเป็นเพียงแค่ถุงห่อฟางที่ไร้ค่า แต่กลับคิดว่าตัวเองสูงส่ง น่าขันสิ้นดี

ชายหนุ่มลูบหน้าผากของตนเองอย่างแผ่วเบา นางคิดว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเขามีค่าแค่เพียงอากาศเช่นนั้นหรือ

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองคนเดินทางไปถามความจริงจากไป๋อวี่ แต่นางไม่ยอมรับ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเห็นว่าศิษย์พี่คนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บสาหัส สีหน้าของนางก็ซีดเผือด ไป๋อวี่คิดเพียงแค่ว่าตนเองโชคดีนักที่ไม่ได้ตามพวกเขาไปด้วย มิเช่นนั้น ชีวิตของนางก็คงต้องจบสิ้นไปแล้วแน่ๆ

“เจ้าทำเช่นนี้ทำไม”

“ข้า…ข้าแค่ต้องการกระบี่เล่มนั้นมามอบให้ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์สนใจมันอย่างมาก…” ภายใต้สายตากดดันของเฟิงหยวนและหมิงเจ๋อที่จ้องมองมา ทำให้ไป๋อวี่ค่อยๆ พูดเสียงแผ่วลง จนในที่สุด นางก็เงียบไป

เฟิงหยวนมองไป๋อวี่อย่างเย็นชา “อย่าหลงตัวเองให้มากเกินไปนัก และอย่าทำราวกับว่าคนอื่นเป็นคนโง่เช่นนี้”

“ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ข้าผิดหรือที่อยากจะทำเพื่อเอาใจท่านอาจารย์”