ตอนที่ 109 ยังจะมีใครอีก (2)
ฟางผิงพยักหน้า ทว่ากลับเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “ฉันรู้แล้ว แต่ขึ้นปีสองปีสามแล้วยังอยู่ขั้นหนึ่ง นั่นแสดงให้เห็นว่า คนพวกนี้ไม่ได้โดดเด่นเลย ในมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ขั้นสามถือว่ามีฝีมือ ขั้นสี่ถือจะเป็นแนวหน้า ขั้นห้าเป็นบุคคลมีความสามารถอย่างแท้จริง ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ จัดสรรทรัพยากรให้อย่างเต็มที่ การแลกเปลี่ยนคะแนนที่ได้เปรียบกว่าข้างนอก แต่คนพวกนี้กลับหยุดอยู่ที่ขั้นหนึ่ง ฉันไม่คิดว่าพวกเขาน่ากลัวอะไร”
หยางเสี่ยวม่านขมวดคิ้ว “ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำมีแต่จะเสียเปรียบเท่านั้น!”
“ขอบคุณที่เตือน ฉันไม่เคยดูถูกใครอยู่แล้ว ทั้งไม่จำเป็นต้องดูหมิ่นความสามารถของตัวเองด้วย”
“แล้วแต่นาย”
หยางเสี่ยวม่านไม่พูดมากอีก ทำเรื่องตัวเองเสร็จแล้วก็หมุนกายจากไป
ฟางผิงชำเลืองมองเธอ ไม่พูดอะไรเช่นกัน ทั้งสองคนไม่สนิทกัน หยางเสี่ยวม่านอาจจะเตือนเขาด้วยความหวังดี ทั้งอาจไม่ใช่หวังดีเช่นกัน
เรื่องนี้ใครล้วนไม่อาจพูดได้ชัดเจน
เชื่ออย่างสุดใจว่าคู่ต่อสู้นั้นเก่งกาจ ทำให้ตัวเองเกิดความหวาดกลัว ไม่ได้เป็นเรื่องดีเสมอไป
ยังไม่ทันประลองกลัวไปก่อนแล้ว อาจจะทำให้เกิดความกดดันบนเวที ทำเรื่องผิดพลาดได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงจบกัน
หลู่เฟิ่งโหรวยังไม่พูดเรื่องพวกนี้ แต่หยางเสี่ยวม่านกลับเอ่ยขึ้นมา ฟางผิงไม่รู้จุดประสงค์ของเธอ
“นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เซี่ยงไฮ้ซับซ้อนกว่าที่คิดไว้จริงๆ…”
ฟางผิงลอบถอนหายใจ เขาเป็นแค่คนๆ หนึ่งในหมู่เด็กใหม่
เปลี่ยนเป็นชาติก่อน ถ้าเป็นเด็กใหม่กันหมด คงไม่มีความจำเป็นต้องคิดมากแบบนี้
แต่ชาตินี้ ทำแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
“หวังว่าฉันจะคิดมากไปเอง…”
—
จุดรับคะแนน
ฟางผิงต้องการรางวัลจากการทะลวงด่าน แต่เพิ่งถูกแจ้งว่า การทะลวงด่านต้องได้รับการตรวจสอบ ไม่ใช่บอกว่าคุณทะลวงได้ก็จบแล้ว
จุดตรวจสอบอยู่ที่ชั้นสองของฝ่ายบริการ
ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ตอนที่ฟางผิงขึ้นไป ผู้ฝึกยุทธ์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบไม่พูดมาก ชี้ไปที่แผ่นเหล็กอันหนึ่ง เอ่ยว่า “ทิ้งรอยไว้ได้ คุณก็ถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแล้ว”
“ทิ้งรอย?”
“ใช่ คุณจะทำยังไงก็ได้ จะกัดก็ดี จะบีบก็ดี แค่เหลือรอยให้ชัดเจน นั่นหมายความว่าคุณมีพลังทำลายล้างของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแล้ว”
“ความหมายตรงๆ เลยสินะ…”
ฟางผิงเผยยิ้ม แผ่นเหล็กไม่หนามาก ขอแค่ทิ้งรอยไว้ ความจริงไม่ใช่เรื่องยาก
ฟางผิงสาวเท้าขึ้นไปข้างหน้า หยุดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะวาดเท้าขวาออกไปทันที เตะแผ่นเหล็กดัง ‘ปั่ก’
แท่นเหล็กยุบเข้าไปส่วนหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่รับผิดชอบตรวจสอบกวาดสายตามอง สักพักค่อยเอ่ยว่า “ใช้ได้แล้ว”
พูดจบ ก็นำบัตรผู้ฝึกยุทธ์ของฟางผิงไปจัดการที่คอมพิวเตอร์
“เปลี่ยนข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกคุณได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์อย่างเป็นทางการแล้ว ข้อมูลของมหาวิทยาลัยเชื่อมโยงเครือข่ายกับด้านนอก หลังจากนี้คุณจะอยู่ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งในทุกที่ ทะลวงขั้นสองรอบหน้ามาประเมินที่นี่เหมือนเดิม ขั้นสามเหมือนกัน”
“แล้วสูงกว่าขั้นสามล่ะครับ?”
“อย่าคิดสูงเกินตัว รอคุณสูงกว่าขั้นสามค่อยมาถามดีกว่า”
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเตือนออกมา
ฟางผิงพยักหน้า ไม่รั้งตัวอยู่นาน คว้าบัตรผู้ฝึกยุทธ์แล้วเดินออกมาทันที
เขาเพิ่งจากไป ด้านข้างก็มีคนเดินมา ลูบบนแผ่นเหล็กครู่ใหญ่ พึมพำว่า “เปี่ยมด้วยพลังสังหาร แต่พลังทำลายล้างมีอย่างจำกัด แรงกระจัดกระจายอยู่บ้าง ไม่รวมเป็นจุดเดียว น่าจะเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกข้างหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป แต่ห่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายอยู่ช่วงหนึ่ง”
คาดคะเนออกมาแล้ว อีกฝ่ายไม่คิดรอช้า จากไปอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกยุทธ์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบชำเลืองตามองเขา ไม่ไถ่ถามอะไร รอเขาเดินไปแล้ว จึงเอ่ยพลางส่ายหัว “โง่เง่า ตอนที่ประเมินใครเขาจะระเบิดพลังทั้งหมดกัน”
ปราณของฟางผิงสูงมาก อย่างน้อยที่เขาสัมผัสได้คงไม่ต่ำกว่าสองร้อยสี่สิบแคล
เมื่อครู่ที่ปะทุพลังน่าจะประมาณสองร้อยแคลเท่านั้น
นักศึกษาบางคนรู้จักใช้สมอง ไม่ดูถูกคู่ต่อสู้ ทั้งยังรู้จักใช้ประโยชน์จากข้อมูล
แต่การรวบรวมข้อมูลลวกๆ แบบนี้ ถือว่าเป็นภัยมากกว่า!
รู้เพียงแค่เล็กน้อย กลับคิดจะแสดงความสามารถตัวเอง ตายยังไม่รู้ว่าจะตายยังไงเลย
แต่การประลองของนักศึกษาพวกนี้ ไม่เกี่ยวกับอาจารย์อย่างพวกเขา เว้นแต่จะพัวพันกับลูกศิษย์ตัวเองเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า อาจารย์ที่รับหน้าที่ตรวจสอบคนนี้ไม่มีศิษย์ที่บาดหมางกับฟางผิง ดังนั้นจึงขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเรื่องพวกนี้
—
ฟางผิงใช้บัตรผู้ฝึกยุทธ์ไปรับรางวัลห้าสิบคะแนนที่จุดรับคะแนนอีกครั้ง
เพิ่งจะเข้าเรียนได้อาทิตย์เดียว เขามีตั้งสองร้อยห้าสิบสองคะแนนแล้ว!
ทั้งค่าทรัพย์สินยังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งล้านหยวน!
ตอนนี้ตัวเลขข้างหน้าฟางผิงเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ทรัพย์สิน : 7,500,000
ปราณ : 240 แคล (242 แคล)
จิตใจ : 218 เฮิรตซ์ (220 เฮิรตซ์)
“เกือบจะถึงสิบล้านแล้ว เพิ่งมามหาวิทยาลัยไม่นาน นึกไม่ถึงว่าจะสะสมทรัพย์สินได้มากขนาดนี้”
ฟางผิงถอนหายใจ มามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เป็นตัวเลือกที่ถูกแล้วจริงๆ
หากเป็นมหาวิทยาลัยอื่น คงไม่ใจป้ำเหมือนที่นี่
ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนฟางผิงจะไปจุดแลกเปลี่ยน
“อาจารย์ คุณมีอาวุธโลหะผสมที่พร้อมใช้งานไหมครับ?”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่จุดแลกเปลี่ยนเอ่ยโดยไม่เงยหน้า “ระดับ E และระดับ D มีพร้อมใช้งาน แต่ระดับ C หรือสูงกว่านั้นต้องสั่งทำ”
“แล้วสามารถสั่งทำรองเท้าบูทได้หรือเปล่าครับ? พวกที่เปี่ยมด้วยพลังสังหาร สวมไว้กับเท้าและป้องกันการบาดเจ็บอะไรเทือกนั้น”
“มี!”
ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่จุดแลกเปลี่ยนเงยหน้าขึ้นมาแล้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาวุธพิเศษแบบนี้ อันที่จริงพบได้บ่อย คนส่วนมากล้วนต้องการแบบนี้ รองเท้าบูท นวม สนับมือ ทางมหาวิทยาลัยจัดสรรให้ได้ ขอแค่มีคะแนน คุณบอกความต้องการ พวกเราก็จะสั่งทำให้ จากความคิดฉันคุณน่าจะอยู่ขั้นหนึ่ง โลหะผสมระดับ E คงเพียงพอแล้ว คุณอยากทำบูทยาว?”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “เหมือนกับรองเท้าทหาร ผมกลัวว่าถ้าเป็นรองเท้าปกติ หากไม่ใส่หลุดเท้าก็อาจจะไม่พอดี”
“ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน!”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ประจำจุดแลกเปลี่ยนส่ายหน้า “นายดูถูกการสร้างอาวุธของมหาวิทยาลัยเกินไปแล้ว รองเท้าบูทจะใช้หนังคุณภาพพิเศษ ระบายอากาศได้ดี แข็งแรงทนทาน! หัวเท้า ส้นเท้า ขอบรองเท้า รวมถึงพื้นรองเท้าต่างทำด้วยโลหะผสม รักษาความคมระดับหนึ่ง จากสถานการณ์ของคุณ รองเท้าบูทคู่หนึ่ง ต้องใช้โลหะผสมระดับ E ประมาณสองกิโลกรัม คิดเป็นยี่สิบคะแนน คุณภาพหนังรองเท้าเพิ่มอีกสิบคะแนน ค่าสั่งทำอีกสิบคะแนน รวมเป็นสี่สิบคะแนน!”
ฟางผิงมุมปากกระตุก ปล้นกันชัดๆ!
สี่สิบคะแนน เทียบเท่ากับเงินหนึ่งล้านสองแสนจากข้างนอก!
เพื่อรองเท้าครู่เดียว ต้องใช้เงินถึงหนึ่งล้านสองแสนหยวน ฟางผิงอยากถามว่า ยังจะมีใครอีก?
นักศึกษาใหม่มีคะแนนเริ่มต้นห้าสิบคะแนน ยังต้องใช้เพื่อการทะลวงด่านอีก นี่หมายความว่า นักศึกษาใหม่แทบไม่มีสิทธ์ซื้อของพวกนี้ได้!
แม้จะซื้อได้ เกรงว่าคงไม่มีใครเต็มใจซื้อ
ฟางผิงยังไม่ได้ฝึกใช้อาวุธ ส่วนขาและเท้าจึงจะเป็นจุดที่มีพลังสังหารมากที่สุด
รองเท้าบูททหารหนึ่งคู่ มีประโยชน์เยอะกว่าดาบที่ไม่เหมาะมือเสียอีก
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนฟางผิงจะกัดฟันว่า “สั่งทำให้ผมหนึ่งคู่ด้วยครับ นอกจากนี้ขอสนับอีกหนึ่งอัน ใช้ระดับ D ก็ได้ครับ!”
“เยี่ยมจริงๆ ฉันชอบนักศึกษาแบบนี้แหละ!”
ผู้ฝึกยุทธ์ประจำจุดแลกเปลี่ยนดีใจอย่างยิ่ง ทำการค้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย กับนักศึกษาใหม่ยิ่งแล้วใหญ่
ส่วนมากจะมีคนมาแลกเปลี่ยนยาบำรุงมากกว่า
พวกอาวุธแทบจะขายไม่ออกสักชิ้น
เห็นนักศึกษาพวกนั้น แค่คะแนนเล็กน้อย กลับพิจารณาอยู่ค่อนวัน จึงรำคาญใจไม่น้อย
นักศึกษาคนนี้ใจป้ำมากกว่า หลายสิบคะแนนใช้เวลาคิดแค่ครู่เดียวเท่านั้น
“รองเท้าต้องสั่งทำ ระดับ E น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ สนับมือมีพร้อมใช้งาน คุณลองดูว่าอันไหนเหมาะสม ระดับ D หนึ่งกิโลกรัม ใช้ยี่สิบคะแนน ของที่พร้อมใช้งานจะมีค่าทำแพงหน่อย แต่สนับมือขนาดไม่ใหญ่ ส่วนมากล้วนใช้สิบคะแนน เป็นห้าสิบคะแนนพอดี!”
ฟางผิงรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง เพิ่งจะได้รับคะแนนจากการทะลวงด่าน แวบเดียวกลับหายเกลี้ยงแล้ว
เขาเลือกสนับมือที่สวมพอดีมือชิ้นหนึ่ง ส่วนรองเท้าบูทยังต้องวัดขนาด มีสาวสวยจากจุดแลกเปลี่ยนมาวัดขนาดเท้าให้เขา
แม้ฟางผิงจะคิดว่าเท้าเขาไม่เหม็น แต่ยังคงเขินอายอยู่บ้าง
ดีที่ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้ว ฟางผิงถอนหายใจโล่งอก
นัดเวลามาเอารองเท้าแล้ว เวลานี้ค่อยจากไปด้วยความปวดใจ ทั้งถือว่าสมใจเช่นกัน
ใช้เงินหนึ่งล้านห้าแสนซื้อรองเท้าและสนับมือ!
ฟางผิงอยากถามว่า ยังจะมีใครอีก!
เห็นได้ชัดว่าคนของจุดแลกเปลี่ยน ไม่มีใครเข้าใจว่าฟางผิงเอาความมั่นใจจากไหนมาสั่งทำรองเท้า
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับต่ำกว่าขั้นสามถือว่าเก่งมากแล้ว แต่เมื่อสูงกว่าขั้นสาม ใครจะยังไม่มีอุปกรณ์นับสิบล้านพวกนี้อีก?
อย่าพูดว่ารองเท้าบูทเลย ถ้าบอกว่ากางเกงในยังราคาหนึ่งล้านคุณจะเชื่อหรือเปล่า?
——————–