ตอนที่ 312 ปฏิบัติต่อนายใหญ่

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ฉินหร่านหยิบโทรศัพท์ เพิ่งเข้ามาจากระเบียง ได้ยินคำพูดรุ่นพี่เฉินคนนั้น เธอชะงักครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “ขอบคุณ”

รุ่นพี่เฉินมองเธอ แม้ว่าใบหน้าจริงจัง แต่น้ำเสียงค่อนข้างสุภาพ “ไม่เป็นไร ฉันมาจากสาขาการแพทย์ เฉินหงเสวี่ย ห้องพัก 102 จากนี้มีอะไรมาหาฉันได้”

สาขาการแพทย์?

ฉินหร่านนึกขึ้นได้ว่าเฉิงเจวี้ยนกับลู่จ้าวอิ่ง พวกเขาทั้งหมดล้วนอยู่สาขาการแพทย์

“ใช่แล้ว ถ้ามีความคิดจะเข้าสมาพันธ์นักศึกษา อย่าลืมมาห้อง 102” เฉินหงเสวี่ยโบกมือให้เธอ

ฉินหร่านคลายกระดุมเสื้อลายพราง ยิ้ม “ขอบคุณรุ่นพี่”

เฉินหงเสวี่ยมองด้านหลังฉินหร่าน ได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดที่จะเข้าสมาพันธ์นักศึกษา เธอถอนหายใจอย่างเสียใจ

เอ๋ คนของสี่ตระกูลใหญ่ล่ะ…

เธอลงไปด้วยกันกับรุ่นพี่เฉิน ลองเดาว่าคนที่มาหาเธอน่าจะเป็นพวกหลินซือหราน เฉียวเซิงหรือว่าซ่งลี่ว์ถิง

หลังจากลงมาถึงด้านล่าง เธอเห็นเงาคนยืนอยู่ที่เงาต้นไม้ด้านข้าง

อีกฝ่ายก้มหน้าเล็กน้อย ที่นิ้วมีบุหรี่จุดอยู่มวนหนึ่ง ยืนอยู่ในเงาดวงจันทร์ ประสาทสัมผัสทั้งห้ามองได้ไม่ชัดเจนนัก เสื้อเชิ้ตสีดำ ที่ข้อมือแขนเสื้อถูกพับขึ้นอย่างประณีต

แม้จะเห็นหน้าไม่ค่อยชัด ก็มองออกได้จากออร่าของเงาที่ทอดยาว

ใกล้จะสี่ทุ่ม เวลานี้ประตูทางเข้าหอพักหญิงก็ยังไม่ปิด นักเรียนที่เดินผ่านทางไปมามีไม่น้อย ต่างก็อดที่จะหันมองไปมาไม่ได้

“คุณมาทำไม” ฉินหร่านยิ้มขำ มือวางไว้ที่ท้ายทอย แล้วปล่อยลง เดินไปอีกฝั่งอย่างเกียจคร้าน

“ผ่านมาพอดี” เฉิงเจวี้ยนมองเธอเดินมา บีบมือดับบุหรี่แล้วโยนลงถังขยะ ก้มมองเธอ “ดูแล้วค่อนข้างมีความสุขนะ”

ชีวิตประจำวันผ่านไปอย่างค่อนข้างสบาย

“ก็ถือว่าใช้ได้” ฉินหร่านมองซ้ายขวา ไม่เห็นรถของเขา “คุณเดินมาเหรอ”

“รถอยู่ที่ถนนใหญ่ ฝึกทหารเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของเฉิงเจวี้ยนสบายๆ ฟังอารมณ์ออกไม่มากนัก เพียงแค่ก้มหน้ามองเธอ “พ่อของฉันทักทายกับอาจารย์ผู้สอนแล้ว”

ฟังจบ ฉินหร่านก็รู้แล้วว่าทำไมวันนี้อาจารย์เฉิงเอาแต่มองเธออย่างไม่สบายใจ

เธอวางมือลง พูดอย่างไม่เร่งรีบ “ปฏิบัติกับฉันค่อนข้างพิเศษจริงๆ”

“งั้นก็ดี” เฉิงเจวี้ยนดูเธอค่อนข้างมีความสุข ในที่สุดจึงหัวเราะเบา “อีกไม่นานจะมีการฝึกภาคสนาม ที่นั่น…”

“ยังไงนะ” ฉินหร่านสนใจขึ้นมา

“เธอชอบแน่นอน” พูดเรื่องนี้ คิ้วเฉิงเจวี้ยนตกลง ดูไม่ค่อยมีความสุข น้ำเสียงอ่อน “ไกลมาก”

เขาพูดกับฉินหร่านไม่กี่ประโยค ก็ให้เธอกลับห้องพัก “กลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า”

ตอนแรกฉินหร่านอยากเห็นว่ารถเขาอยู่ไหน แต่เห็นเขาพูดให้กลับ จึงหมุนตัวกลับห้องพักก่อน

ยังเดินไม่ถึงสองก้าว ข้อมือถูกรั้ง ฉินหร่านยังไม่ทันได้หันตัว ช่วงเอวก็ถูกมือข้างหนึ่งกอดไว้ คางของเฉิงเจวี้ยนวางกระทบที่ไหล่ของเธอ ลมหายใจเย็นแทบจะชนกับลมหายใจที่จมูกเธอ

ความอดทนและเหนื่อยล้าสะสมสองวันนี้ของฉินหร่านราวกับจางหายไป

“หอพักมีอะไรดีขนาดนั้นเลย?” น้ำเสียงเชื่องช้า มือกุมที่หลังมือของเธอ

ฉินหร่านก้มศีรษะ “พูดจริงๆ ไม่ได้ดีเป็นพิเศษ แต่ก็ทนได้”

เฉิงเจวี้ยนจึงเพียงยิ้มพูดเสียงทุ้มในลำคอ ภายใต้แสงในตาที่ไม่ชัดเจนล้วนปกคลุมไปด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้อยู่แล้ว”

**

หอพัก

ฉินหร่านเดินอยู่กับรุ่นพี่เฉิน หยางอี๋ไปอาบน้ำแล้ว หนานฮุ่ยเหยานั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตน เปิดคอมพิวเตอร์ ถือโอกาสถามเหลิ่งเพ่ยซาน “เธอรู้จักรุ่นพี่เฉินคนเมื่อกี้ด้วยเหรอ”

“รู้จัก” เหลิ่งเพ่ยซานหยิบผ้าขนหนูเช็ดผม นั่งลงที่เก้าอี้ของตน คิ้วขมวดเล็กน้อย “เธอเป็นหัวหน้าสมาพันธ์นักศึกษา”

เหลิ่งเพ่ยซานรู้จักเธอ แต่เธอไม่รู้จักเหลิ่งเพ่ยซาน

หนานฮุ่ยเหยามีมนุษย์สัมพันธ์ค่อนข้างดี เหมือนจะเข้ากันได้ดีมากกับทุกคน เคยได้ยินมาจากรุ่นพี่ปีสูงของภาควิชาวิศวกรรมอัตโนมัติมาบ้าง การจะเข้าสมาพันธ์นักศึกษาของมหาวิทยาลัยได้ต้องพยายามมาก

เธอเกยคางไว้ที่มือ มีรอยยิ้มที่หน้า ดูตื่นเต้น “รุ่นพี่เฉินเหมือนจะดีกับฉินหร่านมาก เดี๋ยวจะลองถามเธอว่าพาฉันเข้าสมาพันธ์นักศึกษาได้ไหม”

เหลิ่งเพ่ยซานเช็ดผมเป็นพักๆ

สายตามองที่จุดระเบียง หอพักของพวกเธออยู่อาคารสาม โซนสอง มองไม่เห็นสถานการณ์นอกประตูทางเข้า บนระเบียงมองเห็นแค่เพียงด้านหน้าของโซนหนึ่ง

ผ่านไปยี่สิบนาที หยางอี๋ออกมาเมื่ออาบน้ำเสร็จ ฉินหร่านจึงกลับมา

ตอนแรกหนานฮุ่ยเหยาก็อยากไปอาบน้ำ เห็นว่าฉินหร่านกลับมา เธอหยิบผ้าขนหนู ทำหน้าซุบซิบ “เธอลงไปหาใครน่ะ”

ฉินหร่านถือโทรศัพท์ในมือสบายๆ ราวกับกำลังส่งข้อความหาใคร ได้ยินแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น พูดอย่างครุมเครือ “ก็ เพื่อนคนหนึ่ง”

ตอนเพิ่งรู้จัก หนานฮุ่ยเหยาไม่อายที่จะล้อเล่นถามถึง ‘เรื่องของหนุ่มสาว’ และถามเธอว่ามีช่องทางการติดต่อกับรุ่นพี่เฉินไหม พอรู้ว่าฉินหร่านไม่ได้ต้องการจึงไม่มี หนานฮุ่ยเหยาแทบจะบ้าแล้ว

เหลิ่งเพ่ยซานนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตนไม่ได้พูดอะไร แต่จิตใต้สำนึก ถอนหายใจออกมา

“เธอไม่ต้องการเหรอ! เธอไม่ต้องการจริงดิ!” มือสองข้างของหนานฮุ่ยเหยาคว้าที่แขนฉินหร่าน แทบจะเขย่า “เธอเป็นหัวหน้าสมาพันธ์นักศึกษานะ!”

ฉินหร่านเงยหน้าขึ้น เธอกำโทรศัพท์ “ไม่ได้เหรอ”

น้ำเสียงหนานฮุ่ยเหยาหยุดลงกะทันหัน หยิบผ้าขนหนูไปอาบน้ำอย่างเขินอาย “ได้ ลูกพี่ เธอจะทำยังไงได้หมด!”

ฉินหร่านอาบน้ำคนสุดท้าย

หลังจากรอฉินหร่านเข้าไป หนานฮุ่ยเหยาจึงหันเก้าอี้มา ทั้งเช็ดผม พลางพูดกับหยางอี๋ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่อีกฝั่งว่าเธอต้องการเรียกสติฉินหร่าน

**

ผ่านไปไม่นาน ด้านนอกมีคนเคาะประตู

หนานฮุ่ยเหยาที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดถือผ้าขนหนูไปเปิดประตู

ด้านนอกเป็นรุ่นพี่ปีสูงอีกคนที่แต่งหน้าอย่างประณีต เธอพยักหน้าไปทางหนานฮุ่ยเหยา ใบหน้าใจดีและโดดเด่น “สวัสดี ไม่ทราบว่าฉินหร่านใช่รูมเมทของพวกเธอไหม”

“ใช่แล้ว รุ่นพี่เข้ามาสิ เธอกำลังอาบน้ำ” หนานฮุ่ยเหยาหลีกทางให้ทันที ให้เธอเข้ามา แล้วยื่นโยเกิร์ตให้รุ่นพี่ขวดหนึ่ง

ในมืออีกข้างของรุ่นพี่ถือปากกากับกระดาษไว้

“ขอบคุณ” ถึงกระนั้นก็มีออร่าของรุ่นพี่อยู่ ค่อนข้างเย็นชา ไม่พูดเยอะ

เหลิ่งเพ่ยซานจึงเพ่งมองจ้องไปที่รุ่นพี่คนนั้น ประหลาดใจลึกๆ ดึกขนาดนี้รุ่นพี่หลายคนมาหาฉินหร่านงั้นเหรอ

ฉินหร่านไม่ใช่คนในพื้นที่นี่?

เป็นรุ่นพี่ที่มีออร่าทรงพลังชัดเจนก็แตะต้องไม่ได้ หนานฮุ่ยเหยาไม่กล้าพูดด้วยมาก

จนกระทั่งประตูห้องน้ำมีเสียง ‘แกร๊ก’ เปิดออก

มือข้างหนึ่งของฉินหร่านกำลังดึงเชือกของชุดนอน คอเสื้อของชุดนอนค่อนข้างใหญ่ ตอนที่ค่อยๆ ก้มหัวลง สามารถมองเห็นรอยสักสีแดงเข้มได้เล็กน้อย ช่วงกระดูกไหปลาร้าขาวราวหิมะ

“นักเรียนฉินหร่าน!” เพราะเคยเห็นรูปของฉินหร่านมาก่อน รุ่นพี่ก็จำฉินหร่านตัวจริงได้ทันทีที่เห็น ดูดีกว่าในรูปจริงด้วย รุ่นพี่ยืนขึ้นตรง สะบัดความเฉยเมยเมื่อกี้ออก “ฉันคือหัวหน้าฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของสมาพันธ์นักศึกษา อยากถามว่าเธอมีความคิดจะเข้าร่วมฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของพวกเราไหม จริงๆ ประธานของเราบอกแล้วว่าถ้าเธอไม่อยากเข้าฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ก็ไม่เป็นไร ที่สมาพันธ์ยังมีฝ่ายการโฆษณาประชาสัมพันธ์เหล่านี้ เธอมีฝ่ายที่อยากเข้าไหม เธออยากเข้าฝ่ายไหนได้หมดเลย!”

มหาวิทยาลัยมีสมาพันธ์นักเรียนและสมาพันธ์นักศึกษา ในจุดนี้มีความแตกต่างกัน ทุกปีระหว่างการฝึกทหาร กลุ่มคณะกรรมการนักเรียนก็เริ่มจะแสวงหาสมาชิกใหม่

แน่นอนว่าฉินหร่านเป็นกลุ่มนักเรียนใหม่คนหนึ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพิ่งฝึกทหารได้วันเดียว กลุ่มคณะกรรมการก็หาข้อมูลการรับเข้าเรียนของฉินหร่านพบ น่าเสียดายที่ในข้อมูลเข้าเรียนไม่มีช่องทางการติดต่อของฉินหร่าน

ทั้งกลัวว่าจะถูกนักเรียนสาขาอื่นแย่งไป หลังจากหาข้อมูลการเข้าเรียนของฉินหร่านพบ ก็ให้รุ่นพี่มาแย่งชิงถึงที่

ยิ่งแย่งชิงนักเรียนที่โดดเด่นมาได้ ก็จะยิ่งทำให้สมาพันธ์นักเรียนพัฒนาได้ดี

นักเรียนใหม่อาจจะยังไม่รู้ แต่พวกคนของสมาพันธ์นักเรียนต่างรู้ดี…

คะแนน 747 หมายความว่าอะไร

ดูจอหงวนสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีที่แล้วที่ตอนนี้เหมือนจะพุ่งขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดก็รู้แล้ว…

ฉินหร่านมัดเชือกเรียบร้อยแล้ว ฟังจบ เธอเงยหน้า ปฏิเสธสีหน้านิ่ง “ขอโทษ รุ่นพี่ ฉันไม่อยาก…”

“ไม่! เธออยาก!”

รุ่นพี่หยิบแบบฟอร์มออกมา ตบที่โต๊ะของฉินหร่านหนึ่งครั้ง น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง “รุ่นน้อง ฉันเอามาหมดแล้วแม้กระทั่งแบบฟอร์ม ให้ฉันช่วยเธอกรอกไหม”

ผมของฉินหร่านยังไม่แห้งสนิท เธอดึงเก้าอี้นั่งลง ชันขาสองข้างขึ้น เริ่มเช็ดผมด้วยการกระทำไม่รีบร้อน เอียงศีรษะแล้วยิ้ม “รุ่นพี่ คุณไปถามประธานของภาควิชาพวกเรา ถ้าเขายินยอม ถือว่าฉันแพ้”

รุ่นพี่รู้สึกแทงใจมาก ราวกับนึกไม่ถึงว่าจอหงวนน้องใหม่รุ่นนี้จะรับมือยากขนาดนี้

เธอนำกระดาษกลับไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจ แต่เธอบีบบังคับแลกเบอร์โทรศัพท์กับฉินหร่าน เพื่อถ้าหลังจากนี้หากเธอเปลี่ยนความคิด ก็หาเธอได้ทันที

ฉินหร่านส่งเธอออกจากประตูห้องพัก

เพิ่งหันตัวกลับ ก็เห็นหนานฮุ่ยเหยาและคนอื่นๆ มีท่าทางงุนงง

“หร่านอ่า…” หนานฮุ่ยเหยาได้ยินเสียงของตัวเองกำลังลาก “เมื่อกี้รุ่นพี่มาหาเธอเพื่อ…”

ตอนนี้พวกนักเรียนใหม่ดูเหมือนจะรู้ข้อดีของสมาพันธ์นักเรียนหมดแล้ว มีแหล่งที่มาของข่าวจากนักเรียนใหม่หลายคนที่แทบจะรู้ว่าหลังจากเข้าไปแล้ว ตอนจบการศึกษาสามารถเข้าร่วมบางตระกูลได้

แต่สมาพันธ์นักเรียนเข้ายาก สอบข้อเขียน สัมภาษณ์ ทั้งยังต้องอบรม เข้ามหาวิทยาลัยเมืองหลวงได้ ไม่มีใครคะแนนแย่ขนาดนั้น ทุกปีคนที่อยากเข้าร่วมสมาพันธ์นักเรียนมีนับไม่ถ้วน แต่กลุ่มเจ้าหน้าที่ของสมาพันธ์นักเรียนที่เพิ่มเข้ามา เพิ่งจะมีจำนวนร้อยกว่าๆ

แม้แต่เหลิ่งเพ่ยซานก็เพิ่งหารุ่นพี่พบเพียงคนเดียว นำข้อมูลสัมภาษณ์ภายในของสมาพันธ์นักเรียนมาได้ นี่ก็นับว่ายากแล้ว

เมื่อกี้รุ่นพี่คนนั้นพูดว่าอะไรนะ

เข้าได้ตามสบายเหรอ

ยังช่วยฉินหร่านกรอกอีกงั้นเหรอ

ปฏิบัติต่อนายใหญ่เหรอ