ตอนที่ 313 ฉินหร่านโอ้อวด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“เข้าร่วมสมาพันธ์นักศึกษาเถอะ” ฉินหร่านยกมือโยนผ้าขนหนูไปที่โต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก และหยิบโทรศัพท์กับหูฟัง

น้ำเสียงไม่รีบเร่ง อารมณ์แทบไม่แปรปรวนเลย

เตียงของมหาวิทยาลัยแทบทั้งหมดเป็นเตียงด้านบน โต๊ะอยู่ด้านล่าง

ฉินหร่านถือโทรศัพท์และหูฟังปีนขึ้นเตียง และนึกอะไรได้ ยื่นหัวออกมา มองหนานฮุ่ยเหยาพูดขึ้นอย่างน่ารังเกียจมากว่า “ไม่เป็นไร อย่าเข้าร่วมสมาพันธ์นักศึกษา ยุ่งยาก”

ประโยคนี้ แน่นอนว่าเอี่ยวไปถึงซ่งลี่ว์ถิงระดับหนึ่ง ตอนที่เธอมามหาวิทยาลัย ก็เคยกำชับเธอไว้อย่างจริงจัง

และสอนเธออย่างหนึ่ง ถ้าเจอปัญหาให้เอาประธานเป็นข้ออ้าง

เธอพูดจบ ก็ปล่อยม่านลง

หนานฮุ่ยเหยาและหยางอี๋มองหน้ากัน “…”

ฆ่ารูมเมทผิดกฎหมายไหม

อีกฝั่ง เหลิ่งเพ่ยซานเอาแต่แข็งทื่อไม่พูดอะไร ฉินหร่านคนนี้เป็นใครกันแน่

ฉิน…

หรือจะเป็นคนตระกูลฉิน?

แต่…

แต่ตระกูลฉินร่อยหรอไปนานแล้ว

รุ่นนี้ก็แทบไม่มีผู้หญิงเลย

เหลิ่งเพ่ยซานคิดฟุ้งซ่านในใจ บางทีในตอนเด็กเธอใช้ชีวิตที่ดีเกินไป เหลิ่งเพ่ยซานรู้สึกว่านักเรียนใหม่ปีหนึ่งจะมาเทียบเท่าตัวเองไม่ได้

เธอยืนอยู่ที่เดิมพักหนึ่ง สุดท้ายหยิบโทรศัพท์ เปิดประตูเดินออกไปสุดทางเดิน

โทรออก

ดังอยู่ไม่กี่นาที่ก็โทรติด ฝั่งนั้นของโทรศัพท์คือผู้หญิงคนหนึ่ง ท่าทางเกียจคร้าน “โทรหาฉันดึกขนาดนี้ มีเรื่องอะไร”

“พี่” เหลิ่งเพ่ยซานมองลงไปด้านล่างหน้าต่างสุดทาง “ตระกูลฉินมีฉินหร่านคนนี้ไหม”

“ฉินหร่าน? ไม่เคยได้ยิน” โอวหยางเวยลงไปด้านล่าง รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว น้ำเสียงสบาย ดวงตากระแนะกระแหน “แต่ตระกูลฉินรับคนกลับมาสองคน คนหนึ่งโง่ คนหนึ่งยังเล็ก”

ได้ยินคำว่า ‘ฉิน’ โอวหยางเวยใจไม่ค่อยดี

เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงคนนั้นในคำพูดของคนตระกูลเฉิง ‘คุณฉิน’

129 ข้อมูลมากขนาดนั้น โอวหยางเวยกลับหาข้อมูล ‘คุณฉิน’ ผู้ลึกลับไม่ได้สักนิดเลย ดูเหมือนจะถูกเฉิงเจวี้ยนดูแลอย่างดี จางเซี่ยงเกอและคนอื่นที่รู้เรื่องวงในก็ไม่ได้บอกอะไรสักคำ

นิ้วของเธอที่จิกผ้าห่มอยู่ซีดลงเล็กน้อย

เหลิ่งเพ่ยซานรู้ว่าตระกูลของลูกพี่ลูกน้องตนเป็นคนของ 129 มีข้อมูลในมืออยู่มาก ฉินหร่านไม่ใช่คนตระกูลฉิน เธอถอนหายใจโล่งอกเฮือกใหญ่

โอวหยางเวยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร ดื่มน้ำหมดแก้ว เธอจึงกลับห้องของตัวเอง “อวิ๋นกวงกรุ๊ปเพิ่งเข้ามาในเมืองหลวง ขาดแคลนแผนกไอที แน่นอนว่าต้องจ้างคนจากตลาดความสามารถ มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีโอกาสมากมาย”

“ค่ะพี่ ฉันเข้าใจแล้ว” เหลิ่งเพ่ยซานตอบ

**

ในขณะเดียวกัน

เฉิงชิงอวี๋กลับมาถึงหอ ก็ได้รับสายวิดีโอคอลจากพ่อแม่

ถามว่าเขาได้ช่วยนายท่านเฉิงดูแลคนได้ดีไหม

“พวกคุณรับปากกัน พวกคุณก็จัดการเอง” เฉิงชิงอวี๋ปลดหัวเข็มขัด ถอดเสื้อโค้ต ยิ้มเยาะ “ไม่งั้นเธอก็อย่ามาฝึกทหาร! ผมอยู่ที่นี่ ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ!”

“ไม่ใช่” ในวิดีโอ พ่อแม่ร้อนใจ “ลูกไปฝึกพิเศษด้านนอก ไม่รู้เหรอ นั่นเป็นแฟนสาวของนายท่านเจวี้ยน อย่าไปข้องแวะ จะเกิดปัญหาได้ ระวังนายท่านเจวี้ยนจะเฉือนเอา! ถึงตอนนั้นแม้แต่ที่นั่งรองจากหัวตระกูลเฉิงก็แตะต้องไม่ได้!”

“นายท่านเจวี้ยน?” เฉิงชิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยน “ทำไมเขาถึงหาคนแบบนี้มา ตอนแรกโอวหยางเวยยังเขาร่วมการฝึกพิเศษทั้งหมด…โอเค ฉันไม่มีทางเลือก”

ห้าวันต่อมา รู้ถึงเหตุผลที่เฉิงชิงอวี๋ไม่พอใจตน ฉินหร่านก็ยอมรับ แต่เธอก็แสบนัก เธอมักจะทำเรื่องที่ดูแล้วดื้อรั้น แทบจะไม่ก้มหัวให้ใคร

เฉิงชิงอวี๋เป็นคนที่ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการกระทำไม่ดีได้ จึงนำมาซึ่งความยุ่งยากกับคนของเขา

คนตระกูลเฉิงล้วนแข็งแกร่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ตระกูลอื่นไม่กล้าหาเรื่องตระกูลเฉิง

ครั้งแรกที่ถูกบอกให้อ่อนข้อให้ใครระหว่างการฝึกพิเศษ เฉิงชิงอวี๋ไม่รู้ว่าฉินหร่านมีความสัมพันธ์อะไรต่อตระกูลเฉิง แต่ไม่พอใจและไม่ชอบเสียจริง

แค่พ่อกับแม่พูดอธิบายถึงเหตุผล ในความคิดต่อมาของเฉิงชิงอวี๋ ไม่ได้มองถึงฉินหร่านเลยสักนิด

ทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในความสงบ

วันที่หก นักเรียนใหม่ทุกคนทำการออกเดินทาง ไปฐานฝึกซ้อม

ทุกปีมหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A ฝึกฝนเวลาเดียวกัน ทั้งหมดต่างร่วมมือกับตระกูลเฉิง ทุกปีในช่วงปิดเทอมตระกูลเฉิงจะเปิดฐานฝึกฝนเป็นเวลาสิบวัน แบ่งให้มหาวิทยาลัยเมืองหลวงและมหาวิทยาลัย A เท่าๆ กัน

ภายในสนามฝึกสำหรับนักเรียนใหม่แล้ว ล้วนเป็นประสบการณ์หายากเป็นที่สุดสามารถสัมผัสถึงประสบการณ์ที่กว้างใหญ่มากขึ้น

นี่เสมือนเป็นอาจารย์ใหญ่ของโจวซาน เป็นแหล่งข้อมูลแรกที่นายท่านเฉิงผู้นั้นนำมาให้นักเรียนใหม่

**

ฐานฝึกซ้อมอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองหลวง ครอบคลุมพื้นที่ 192 เฮกตาร์

มองออกไปตอนนี้ แทบมองไม่เห็นขอบกำแพง

ด้านบนประตูทางเข้ามีตัวอีกษร ‘เฉิง’ เขียนไว้ชัดเจนมาก ป่าเถื่อนและมีอำนาจ

ฉินหร่านและหนานฮุ่ยเหยานั่งที่แถวแถวหนึ่ง หนานฮุ่ยเหยามองนอกหน้าต่าง น้ำเสียงตื่นเต้น “ได้ยินว่าวิชาเรียนวันนี้เป็นการยิงปืน น่าตื่นเต้นสุด!”

เพราะวิชาต่อจากการยิงปืนเป็นการฝึกปีนผาแบบเอ็กซ์ตรีมซึ่งไม่เหมาะกับที่มหาวิทยาลัย จึงย้ายมาที่ฐานทัพ

คนในชั้นเรียนต่างพูดคุยกันถึงประเด็นนี้อย่างจริงจัง

ฉินหร่านยังคงมีเพียงกระเป๋าเป้สีดำที่วางไว้บนตัก สวมหูฟังสีดำไว้ที่หู หรี่ตาอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “อ่อ”

ไม่นานรถก็จอดที่สนามดินปรับระดับราบขนาดใหญ่

คนของวิศวกรรมอัตโนมัติห้องหนึ่งลงมาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนระอุ

ออกเดินทางตอนหกโมงเช้า ถึงที่นี้ตอนใกล้เก้าโมง ไม่เหมือนวันก่อนที่มีเมฆ วันนี้แสงแดดค่อนข้างแรง

ทั้งอบอ้าวทั้งร้อน

เพิ่งลงรถ เหงื่อก็ท่วมตัว

สีหน้าของหนานฮุ่ยเหยาเปลี่ยนไปทีละนิด เหงื่อผุดขึ้นมาจากหน้าผาก

หยางอี๋ที่อยู่รถคันก่อนหน้าสองคันวางกระเป๋าไว้อีกฝั่ง เดินเข้ามา กวาดมองหนานฮุ่ยเหยา ก็เกิดคำถาม “เป็นประจำเดือนเหรอ”

“มันมาก่อนกำหนด” หนานฮุ่ยเหยาหน้าซีด ประจำเดือนของเธอมักจะมาไม่ปกติ ครั้งนี้มาก่อนห้าวัน และหนักมาก “ไม่เป็นไร วันนี้มีแค่วิชายิงปืน”

ฉินหร่านเหลือบมองหนานฮุ่ยเหยา กดหมวกลง ขึ้นบนรถบัสอีกครั้ง

เดินไปหากระเป๋าเป๋สีดำของตน

เดินไปนั่งลงบนพื้น เทของข้างในลงบนพื้น

ครีมกันแดดขวดหนึ่งที่เฉิงเจวี้ยนเตรียมไว้ให้เธอ โทรศัพท์สีดำเครื่องหนา ขวดสีขาวใบหนึ่ง ด้านในบรรจุยา และมีกระดาษสองสามแผ่น อมยิ้มสองสามอัน…

คละกันไปหมด

หนานฮุ่ยเหยานั่งยองๆ ให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ของเหล่านี้ประหลาด เหมือนขยะกองรวมกัน เธอจึงถาม “ฉินหร่าน ของเธอหายเหรอ”

“เปล่า” ฉินหร่านหาของที่ต้องการด้านในไม่เจอ จึงนำของใส่กลับเข้าไป รูดซิปปิด

“เธอ…” ฉินหร่านโยนกระเป๋าเป้กลับขึ้นไปบนรถ หันข้างมองหนานฮุ่ยเหยา ครุ่นคิด

ดันหมวกบนหัว ก้มหัวส่งข้อความ “ช่างเถอะ ไปเข้าแถวก่อน”

**

เฉิงชิงอวี๋ลงมาจากรถของอาจารย์ มาพบทีมห้องหนึ่งของฉินหร่าน

เขากวาดตามองทุกคน ยืนตัวตรง ด้านข้างมีโต๊ะไม้ตั้งอยู่ บนโต๊ะมีปืนอัดลมนิรภัยสิบกว่ากระบอกวางอยู่ ใบหน้ายังคงเย็นชา “การเดินทางในช่วงห้าวันต่อจากนี้ทุกคนน่าจะได้ยินมากันหมดแล้ว วันนี้เป็นวิชายิงปืน”

“เริ่มอุ่นเครื่องก่อน ทุกคน…หันซ้าย! ออกวิ่ง!”

“รับทราบ!”

ในทีมที่ถูกจัดแบ่งเรียบร้อย เสียงใสและเย็นร้องดังขึ้น ทันใดนั้น ร่างผอมสูงโปร่งโผล่ออกมา

“มีอะไร” เห็นว่าเป็นเธอ สีหน้าเฉิงชิงอวี๋มัวมืด

“ปวดหัว! อยากให้เพื่อนหนานฮุ่ยเหยาพาฉันไปหาหมอ!” ฉินหร่านยืนท่ามาตรฐานทหาร พูดอย่างตรงไปตรงมา

บ้าบอและเย่อหยิ่ง

ผู้ชายหลายคนของห้องหนึ่งต่างตะลึงงัน ให้ตาย…

ทำไมสาวงามในตอนนี้ล้วนมีเอกลักษณ์ขนาดนี้

เพียงแต่…คุณมีน้ำเสียงจัดเต็มขนาดนี้ ปวดหัวจริงใช่ไหม

เฉิงชิงอวี๋มองหน้าฉินหร่าน สายตาค่อยๆ ต่ำลง เขายิ้ม เพียงแต่สายตาของเขาปกคลุมด้วยความเยือกเย็น “นานแค่ไหน”

ฉินหร่านไม่คิดสักนิด “หนึ่งวัน”

สีหน้าเฉิงชิงอวี๋มืดดำมากขึ้น เขาพยักหน้า ไม่ได้อธิบายเหตุผลกับฉินหร่าน ตอบเสียงเย็น “วิชาวันนี้คือการยิงปืน ถ้าเธอสามารถผ่านคะแนนได้ ฉันจะให้เธอไป”

พูดจบ โยนปืนอัดลมนิรภัยไปที่ข้างเท้าของฉินหร่าน จ้องเขม็ง “ด้านในมีกระสุนอัดลมสิบลูก ตรงข้ามเป็นแผ่นเป้าหมาย แค่ให้กระสุนสองลูกอยู่ในวงสิบ ก็นับว่าผ่าน”

ฉินหร่านเอนตัวหยิบปืนอัดลมขึ้นมา ชะงักไปพักหนึ่ง

หนานฮุ่ยเหยาที่อยู่ด้านหลังคว้าแขนฉินหร่านทันที ส่ายหน้า “ฉินหร่าน ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อฉัน อย่าขัดใจอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยต่างพูดว่ายุ่งกับนามสกุลเฉิงไม่ได้ ฉันไปอธิบาย…”

“อา ไม่ใช่” ฉินหร่านยืนตรง มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า พูดจาประหลาด “ฉันคิดว่าเขาจะทำให้ฉันอับอายซะอีก”

หนานฮุ่ยเหยา “…?”

เธอคิดว่าตัวเองฟังผิดแล้ว

แผ่นเป้าหมายไกลขนาดนั้น

นี่ไม่ใช่ความน่าอับอายของสายตาอย่างคุณหรอกเหรอ!

ในกลุ่มคน กลุ่มผู้ชายเองก็มองหน้ากัน

ฉู่หังและสิงไคได้ยินเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจน สิงไคพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “อาจารย์บ้าไปแล้วหรือเปล่า เห็นชัดว่าคะแนนสูงสุดคือวงสิบ จริงๆ ถ้าเข้าวงห้าคะแนนก็นับว่าผ่านแล้วแท้ๆ นี่จะให้ยิงเข้าวงสิบเลยหรอ? ระยะทางตั้ง 50 เมตร ต้องฝึกฝนนานขนาดไหนถึงจะยิงได้แบบนั้นกัน”

นี่เป็นการฝึกขั้นพื้นฐานของตระกูลเฉิง ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด

ฉู่หังมองไปยังด้านหน้า ไม่ได้ตอบกลับคำพูดสิงไค

สิงไคถามขึ้นอีก “นายว่าเธอจะยิงได้ไหม”