ตอนที่ 314 ตามหาคนอีกครั้ง!

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ตอนที่ 314 ตามหาคนอีกครั้ง!

ฉู่หังมองไปทางฉินหร่าน ไม่ละสายตา “ไม่รู้ แต่ว่า…เธอมั่นใจมาก”

“จอหงวนน้องใหม่ ไม่มั่นใจได้ไง” สิงไคพึมพำ ไม่กี่วันก่อนคนอื่นของสมาพันธ์นักเรียนวิ่งไปหอนักศึกษาใหม่เพื่อตามหาใครคนหนึ่ง

ความน่าเกรงขามของเฉิงชิงอวี่ยังคงอยู่

นอกจากสิงไคและฉู่หังสองคนนี้แล้ว คนอื่นไม่มีใครกล้าพูดอะไร มองฉินหร่านก้าวทีละก้าวไปทางเฉิงชิงอวี่ ตาไม่กะพริบ

ขณะที่มองเธอเดินมา เฉิงชิงอวี่จึงหยิบปืนอัดลมขึ้นมาอีกครั้ง รื้อถอดออก แนะนำโครงสร้างให้เธอ หลังแนะนำจบ จึงพูดประโยคสุดท้าย “แรงดึงกลับมีผลต่อผู้หญิงไม่น้อย ระวังตัว…”

แม้ว่าจะไม่ชอบฉินหร่านสักเท่าไหร่ ดูอ่อนแอเกินไป แต่ก็ควรใส่ใจ กำชับอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ฉินหร่านเล่นกับปืนอัดลมในมือ ฟังอย่างไม่ใส่ใจ ใบหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้เฉิงชิงอวี่พูดดีด้วย เห็นเธอเป็นแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะกดหว่างคิ้ว นายท่านเฉิงหาปัญหามาให้เขาจริงๆ

ฉินหร่านถือปืนอัดลมในมือไว้ ไม่ใส่ใจมองเฉิงชิงอวี่เท่าไหร่ “ฉันเริ่มได้ยัง”

“ได้ เธอเริ่มเลย” เฉิงชิงอวี่ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ให้พื้นที่สนามแก่เธอ “นักเรียนทุกคนก้าวถอยหลังสิบก้าว”

เขาเกรงว่าฉินหร่านจะทำให้นักเรียนคนอื่นเจ็บตัวโดยไม่ได้ตั้งใจในภายหลัง

หลังจากพูดจบจึงมองที่ฉินหร่าน สายตาเฉียบคมทั้งสองข้างหรี่ลงเล็กน้อย

ระยะห่างห้าสิบเมตร วงแหวนที่สิบ ไม่ต้องพูดถึงว่านักเรียนใหม่ว่ายาก แม้แต่ตระกูลเฉิง ก็ใช่ว่าทุกคนจะจะยิงหนึ่งนัดเข้ากลางวงแหวนที่สิบได้ในสิบนัด

ผู้มาใหม่เพิ่งได้จับปืนอัดลม ถ้าจะไม่ขายหน้า แค่ไม่พลาดเป้าก็นับว่าเป็นมีพรสวรรค์แล้ว

เธอประเมินค่าการฝึกครั้งนี้ต่ำ! ไม่ยอมฟังคำพูด!

ตอนที่เฉิงชิงอวี่ครุ่นคิด ฉินหร่านก็ยกมือขึ้นมา เพราะปีกหมวกตกลงมาต่ำ เธอจึงใช้มือข้างหนึ่งถอดหมวกลายพรางออก มืออีกข้างถือปืนอัดลม ยกแขนขึ้นตรงและนิ่ง

นัยน์ตามองออกไป ไร้ซึ่งความสั่นไหว

เพียงแต่ใบหน้ายังคงไม่ใส่ใจเช่นเคย ท่าทีดูแล้วยังมีความเกียจคร้าน เงยหน้าขึ้นช้าๆ

ท่าทางยังคงเหมือนเดิมเลยหรอ?

เฉิงชิงอวี่ชะงักไป

เขาคิดว่าตอนนี้ ฉินหร่านได้เล็งทิศทางไว้แล้ว

ดวงตาไม่กะพริบสักนิด กดลงทันที…

ปัง!

ปัง!

ปัง!

“…”

เสียงดังขึ้นต่อเนื่องกันสิบครั้ง เหมือนจะประมาณห้าวินาที ในชั่วพริบตาเดียว

ในช่วงเวลานี้แขนของฉินหร่านยังคงนิ่งอยู่

ฉินหร่านดึงมือกลับ เธอไม่ได้มองแผ่นเป้าหมาย เพียงเป่าที่ปากกระบอกปืน ยกมือขึ้นโยนปืนอัดลมไปบนโต๊ะ ชำเลืองมองอาจารย์เฉิง “อาจารย์ ตอนนี้ฉันไปได้รึยัง”

เฉิงชิงอวี่ไม่พูดอะไร เพียงมองไปทางแผ่นเป้าหมายตาไม่กะพริบ

ฉินหร่านจึงไม่สนใจเขาแล้ว ยกมือขึ้นสวมหมวกลายพราง และหันมองไปทางหนานฮุ่ยเหยา “มาสิ”

หนานฮุ่ยเหยายังคงมองทางแผ่นเป้าหมาย ได้ยินเสียงฉินหร่าน ก็เปล่งเสียงตอบกลับ “อา” อย่างสับสน

ฉินหร่านพยักหน้า เป็นสัญญาณให้เธอตามมา มือล้วงกระเป๋า เดินตรงออกไป

หนานฮุ่ยเหยาตามหลังฉินหร่านไปตัวแข็งทื่อ

ราวกับลืมไปแล้วว่าตัวเองปวดท้อง

สองคนไปแล้ว เฉิงชิงอวี่ยังมีท่าทีตอบกลับจากกลุ่มคนห้องหนึ่งอยู่

สิงไคสายตาดี มองเห็นว่าที่ทะลุแผ่นเป้าหมายมีรูกระสุนเพียงรูเดียว อ้าปากค้าง “ฉู่…ฉู่หัง…นายเห็นใช่ไหม”

ฉู่หังพยักหน้า “เห็นแล้ว”

เฉิงชิงอวี่เม้มปาก ก้าวออกไปทางแผ่นเป้าหมาย บนแผ่นเป้าหมายมีรูกระสุนเพียงรูเดียว เพราะมีแรงดันอากาศขับเคลื่อนลำเลียงแท่งอากาศอย่างต่อเนื่องพลังการทะลุทะลวงใหญ่มาก เห็นได้ว่ารูกระสุนใหญ่กว่ารูกระสุนปกติ

ทั้งหมดสิบนัดอยู่กลางวงแหวนสีแดง เฉิงชิงอวี่ม่านตาหดลง ทำได้ถึงขนาดนี้ ใช่ว่าจะไม่มีใครทำได้มาก่อน แต่ที่เฉิงชิงอวี่รู้สึกเหลือเชื่อไปกว่าคือ…

ฉินหร่านเธอยิงทั้งหมดสิบนัดติดต่อกัน ระหว่างนั้นไม่หยุดเลยสักนิด สิบนัดห้าวินาที ความเร็วนี้ระดับไหน ทั้งมีแรงถีบกลับมากขนาดนั้น ทำไมแขนของเธอถึงนิ่งได้ขนาดนั้น อย่างกับหยดน้ำตกลงไปในมหาสมุทร ไม่เห็นแม้แต่แรงกระเพื่อม!

ตรงจุดนี้ จึงเป็นสิ่งที่เฉิงชิงอวี่เหลือเชื่อที่สุด แม้แต่เขาก็ยังได้รับผลกระทบจากแรงถีบกลับไม่มากก็น้อย หลังยิงไปหนึ่งนัดอย่างน้อยต้องหยุดหนึ่งถึงสองวินาที…

เฉิงชิงอวี่มองตามหลังฉินหร่านกับหนานฮุ่ยเหยา วันนี้ฉินหร่านเดินช้าๆ ดูไม่เหมือนท่าทางกำลังปวดหัวเลยสักนิด

หนานฮุ่ยเหยา…เธอเดินตามฉินหร่าน มือข้างหนึ่งจับที่ท้อง…

เฉิงชิงอวี่จึงทราบขึ้นมาหน่อย ว่าอาจไม่ใช่ฉินหร่านที่ปวดหัว คนป่วยคืออีกคน “ที่ฐานมีโรงพยาบาล เดินไปเลี้ยวซ้ายแล้วถามคน”

ฉินหร่านโบกมือไปทางด้านหลังอย่างเกียจคร้าน ท่าทีรู้แล้ว ไม่หันหน้ามา

หันกลับมา นักเรียนคนอื่นยังมองไปทางฉินหร่านและอีกคน เขาหรี่ตา พูดอย่างเฉียบขาด “มองทำไม พวกเธอก็อยากลาเหรอ”

“ไม่! อาจารย์!” ผู้ชายห้องหนึ่งตอบกลับ

กลั้นน้ำตาในใจ การลาพักแบบนี้ พวกเขาลาไม่ได้…

เฉิงชิงอวี่จึงพยักหน้า “หันซ้าย…ออกวิ่ง!”

**

ฝั่งนี้ ฉินหร่านมาถึงห้องพักผ่อนของฐานทัพแล้ว ไม่ได้ไปโรงพยาบาล

ฝั่งทางเข้าห้องพักผ่อนมีทีมอารักขาสองคนสวมเสื้อสีดำอยู่ หนานฮุ่ยเหยาดึงแขนเสื้อฉินหร่าน พูดอย่างหน้าซีด “ฉินหร่าน เมื่อกี้อาจารย์บอกทางนั้นมีโรงพยาบาล พวกเราไม่ต้องเข้าไปหรอก ตอนที่มาหัวหน้าบอกไว้ว่าอย่าเดินเพ่นพ่านที่นี่…”

สาเหตุเพราะทีมชุดดำสองคนนี้ท่าทางน่ากลัว

ฉินหร่านมองทางเข้าของห้องพักผ่อน น้ำเสียงสบาย “ไม่เป็นไร มากับฉัน”

เธอผ่านประตูทางเข้าเข้าไป คนชุดดำที่อารักขาทั้งสองฝั่งต่างไม่ขยับเขยื้อน

หัวใจที่วิตกกังวลของหนานฮุ่ยเหยาจึงหยุดลง ในใจอดคิดไม่ได้ หรือว่าหัวหน้าห้องจะโกหกเธอ?

ห้องพักผ่อนมีลักษณะแบบ เรือนสี่ประสาน[1] ขนาดเล็ก ตรงกลางประตูห้องด้านในเปิดอยู่ ซือลี่หมิงออกมาจากด้านใน เห็นฉินหร่าน ดวงตาเป็นวาววับ “คุณฉิน!”

อาจเป็นเพราะช่วงนี้เขาตากแดดมากไป ผิวจึงค่อนข้างคล้ำ

เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด ไม่ใจร้อนเหมือนที่ผ่านมา แค่ตอนที่เห็นฉินหร่าน เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างตื่นเต้น

“อือ” ฉินหร่านพยักหน้า พาหนานฮุ่ยเหยาเดินเข้าไปด้านใน มองซือลี่หมิง “หลังจากมาที่เมืองหลวง คุณอยู่ที่นี่ตลอดเลยเหรอ”

ซือลี่หมิงหายตัวไปหลังจากมาเมืองหลวง

“ใช่ ผมเข้ามาหลังจากผ่านการคัดเลือกทีละขั้น ตอนนี้เป็นหัวหน้าทีมของฐานทัพ” ซือลี่หมิงหันข้าง ให้ฉินหร่านเข้าไป น้ำเสียงตื่นเต้นมาก “รออีกไม่กี่เดือน คุณเฉิงจินบอกผมว่า แค่ขึ้นไปถึงหนึ่งในตำแหน่งผู้บริหารของตระกูลเฉิง ก็จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ”

ช่วงสองเดือน จากหัวหน้าทีมคนใหม่จนถึงตอนนี้ ระหว่างทางไม่มีใครช่วยเหลือ การเลื่อนขั้นของซือลี่หมิงสำหรับตระกูลเฉิงทั้งหมดล้วนเป็นปาฏิหาริย์

ในระหว่างขั้นตอน ซือลี่หมิงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใจเย็นลง มีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปทางเฉิงจิน

“นายใหญ่อยู่ด้านใน” ซือลี่หมิงจึงทักทายกับหนานฮุ่ยเหยา

ตอนนี้หนานฮุ่ยเหยางงไปหมด เธอไม่เข้าใจเกี่ยวกับหัวหน้าผู้บริหาร แต่ก็เข้าใจแล้วนิดหน่อยว่าตอนนี้คนนี้คือเพื่อนของฉินหร่าน

เลี้ยวตัวเข้าไป

เห็นคนที่ยืนหันหลังให้พวกเขาทางหน้าต่าง สูงส่งไม่แยแส ได้ยินเสียง เขาหันกลับมา แสงอาทิตย์ที่อยู่ขอบหน้าต่างด้านหลังเขาลดลงเป็นพื้นหลัง ใบหน้างดงาม หล่อเหลา

ดูแล้วไม่เหมือนคนธรรมดา

เหมือนเป็นลูกหลานมาจากตระกูลร่ำรวย

ก่อนหน้านี้หนานฮุ่ยเหยารู้สึกว่าบนโลกน่าจะไม่มีใครดูดีไปกว่าฉินซิวเฉินสามีของเธอแล้ว จนกระทั่งวันนี้…

ไม่ใช่! สามีของเธอ หล่อ! ที่! สุด! ใน! โลก!

หนานฮุ่ยเหยากระจ่างทันที!

ตอนที่หนานฮุ่ยเหยาให้คำแนะนำทางจิตกับตัวเอง เฉิงเจวี้ยนที่อยู่ข้างโต๊ะหยิบเอาขวดยาโยนให้ฉินหร่าน น้ำเสียงขี้เกียจ “สภาพไม่ดี ตอนนี้มีแค่นี้”

ฉินหร่านรับมาดู แล้วให้หนานฮุ่ยเหยากินไปก่อนสองเม็ด

“ทำไมคุณมาเร็วขนาดนี้” เห็นหนานฮุ่ยเหยากินเสร็จ ฉินหร่านจึงนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งหนึ่ง เอนพิงไปด้านหลัง เลิกคิ้วมองเฉิงเจวี้ยน

ในเมืองเมืองหลวงมาที่นี่ขับรถต้องใช้เวลาเกือบสามชั่วโมง

นี่ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

เฉิงเจวี้ยนก้มหน้าจัดแจงเสื้อผ้า พูดมีเหตุผล “ธุระ”

**

ทางฝั่งสนามฝึก

พักกลางวัน เฉิงชิงอวี่ให้กลุ่มนักเรียนไปกินข้าว เขายืนครุ่นคิดอยู่กลางสนาม ไม่ได้ไปโรงอาหาร เขายืนอยู่หน้าชายวัยกลางคน

ในมือของชายวัยกลางคนยังคงถือกล่องข้าวไว้ ชัดเจนว่ากำลังกินข้าว เหลือบมองเขา น้ำเสียงคุ้นเคย “ชิงอวี่เหรอ นั่งสิ อีกไม่กี่วันจะกลับตระกูลเฉิงแล้ว คุณมาแก้ไขข้อมูลกับฉันเหรอ”

“ไม่ใช่” เฉิงชิงอวี่ส่ายหัว ใบหน้าเย็นชา ดูสงบเยือกเย็น “ฉันอยู่ระหว่างการฝึกฝนนักเรียนใหม่ เจอเด็กคนหนึ่งเก่งมาก”

“เด็กใหม่ของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง?” ชายวัยกลางคนกินข้าวหนึ่งคำ เลิกคิ้ว ไม่ใส่ใจนัก “ดียังไง”

พบเจอกับเด็กรุ่นใหม่ มีนักเรียนใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าคนตระกูลเฉิง ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าจิตใจของตัวเองเพิ่มขึ้นสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

เฉิงชิงอวี่เหลือบมองเขา น้ำเสียงนิ่ง “วันนี้การฝึกยิงปืน ไม่ถึงห้าวินาทีเข้าจุดแดงสิบนัด แขนนิ่งมาก”

“แค่ก แค่ก แค่ก…” ชายวัยกลางคนกินข้าวไม่ทันเต็มคำ สำลักออกมา

เฉิงชิงอวี่ยื่นชาที่วางอยู่อีกฝั่งยื่นให้เขา

ชายวัยกลางคนไออยู่นาทีหนึ่ง “ไม่เคยผ่านการฝึกเฉพาะด้าน?”

“แน่นอน แม้แต่ท่ายืนทหารก็ทำได้ไม่ดี” เฉิงชิงอวี่จำการฝึกเมื่อห้าวันก่อนได้ คนนอกอย่างฉินหร่าน เยาะเย้ยอย่างน่าอารมณ์เสีย “รับมือยากเกินไป”

“รับมือยากยังไง! พวกเราที่นี่รับมือได้น้อยงั้นเหรอ!” ชายวัยกลางคนวางกล่องข้างลงดัง ปั่ก ดวงตาวาววับ

ในขณะเดียวกัน

โรงอาหารที่สามชั้นสามของมหาวิทยาลัยเมืองหลวง

คณบดีเจียงกำลังพูดคุยกับเพื่อน จู่ๆ โทรศัพท์ที่วางไว้ใกล้มือดังขึ้น

[1] เรือนสี่ประสาน เป็นรูปแบบของบ้านที่มีอาคารล้อมลานกลางบ้านทั้งสี่ทิศ