บทที่ 17 มีผู้ใดไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง

ท่องภพสยบหล้า

“จริงสิ” ก่อนจาก จางหลินชวนพลันมองไปยังถังตุน “เจ้าชื่อถังตุนใช่ไหม”

“ตูข้าชื่อนี้แหละ”

จางหลินชวนยิ้ม “ผู้จริงใจ มีคุณธรรม สัตย์ซื่อ ชื่อนี้ไม่เลวเลย”

ถังตุนเกาศีรษะ “ตอนเด็กๆ อาจารย์ที่สอนหนังสือพวกข้าเป็นคนตั้งให้”

“เอ๋?” จางหลินชวนสงสัย

“พวกเราคนตำบลถังเส่อยากจน จ่ายค่าสอนหนังสือไม่ไหว ครอบครัวนายพรานก็มีไม่กี่ครอบครัวที่สนใจเรื่องอ่านออกเขียนได้ อาจารย์พเนจรมาถึงที่นี่ ถึงได้อยู่สอนพวกข้าสามปี เพียงแต่หลังจากสามปีก็ออกเดินทางอีก ตอนนั้นเขาชอบตูข้าที่สุดด้วยนะ บอกว่าเป็นหยกอะไรสักอย่าง”

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็อธิบายได้แล้ว

ค่านิยมการพเนจรแสวงหาความรู้เป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนยุคนี้ ลูกศิษย์เช่นนี้มีอยู่ทุกสำนัก

ยกตัวอย่างเช่นลูกศิษย์ลัทธิหรูที่เลื่อมใสศรัทธาในการอ่านตำราทั้งหลายและการเดินทางไกลนับหมื่นลี้ มีผู้เดินทางท่องไปทั่วแคว้นมากมาย แต่บางคนก็ทำเพื่อเปิดหูเปิดตา บางคนทำเพื่อโอ้อวดตัวเองเท่านั้น

ยกตัวอย่างอีกก็เช่นลูกศิษย์สำนักโม่ซึ่งเดินทางไปทั่วหล้า สัมผัสประสบการณ์ทุกเรื่องด้วยตัวเอง หากเปลี่ยนเป็นพวกเขามาเจอถังตุนแทน ก็อาจจะสอนวิชายุทธ์บางอย่างให้มากกว่า กระทั่งอาจสอนวิชากลไกง่ายๆ บางวิชาให้ ไม่ใช่สอนการอ่านเขียน

รัฐจวงแม้จะมีสำนักเต๋าเป็นลัทธิประจำชาติ แต่ก็ไม่กีดกันลูกศิษย์ของลัทธิอื่นๆ เท่าใด ประสบการณ์ที่ผ่านมาของถังตุนจึงไม่มีปัญหาอะไร

เจียงวั่งเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อท่านเคยร่ำเรียนมา เป็นมือปราบเล็กๆ อยู่ที่นี่ตลอดก็ค่อนข้างเสียเปล่า หลังจากจัดการเรื่องนิวเอ๋อร์เรียบร้อย หากไม่มีห่วงอะไรแล้ว ก็ลองไปสอบเข้าสายนอกของสำนักเต๋าประจำเมืองดูได้”

นี่เป็นเพราะเจียงวั่งเห็นว่าเขาซื่อสัตย์ อีกทั้งเกิดความรู้สึกชมชอบคนมีความสามารถขึ้นมาหลายส่วน แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของถังตุน

ครั้นออกจากตำบลถังเส่อ เดินตามถนนทางหลวงลงมาทางใต้ ก็จะเป็นทางกลับเมืองเฟิงหลินแล้ว

บนถนนทางหลวงไม่มีร่องรอยของสัตว์ป่า สอดคล้องกับอักขระตราเวทที่สลักไว้

ฝีเท้าม้าไม่เร็วมาก เสียงของจางหลินชวนที่อยู่บนหลังม้าก็ไม่รีบไม่ช้า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพื่อดูแลรักษาถนนทางหลวงทั่วทั้งรัฐจวง ทุกปีราชสำนักต้องลงทุนทรัพยากรเป็นจำนวนเท่าไร”

เจียงวั่งส่ายหน้า เขาไม่รู้เรื่องพวกนี้จริงๆ

“เป็นจำนวนมหาศาลเชียวละ” จางหลินชวนเอ่ย “อีกอย่าง อักขระตราเวทพวกนี้ทำได้เพียงขับไล่สัตว์ปีศาจระดับต่ำให้ล่าถอยไปเท่านั้น สัตว์ปีศาจสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งพวกนั้นยังจะต้องให้ผู้แข็งแกร่งมาเก็บกวาด ทุกปีราชสำนักต้องลงกำลังคนและกำลังเงินจำนวนมหาศาลเพื่อรักษาความคล่องตัวของถนนทุกเส้น และยิ่งทุ่มทรัพยากรให้กับสำนักเต๋าอย่างไม่มีจำกัด สิ่งเดียวที่พวกเราทำได้ก็คือเติบโตขึ้นให้เร็วที่สุด จะได้แบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบได้”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

“เช่นนั้นข้าถามเจ้าอีกคำถาม ในเมืองใหญ่มีค่ายกลคุ้มกัน เหตุใดราชสำนักจึงไม่ให้ทุกคนมารวมตัวใช้ชีวิตอยู่ในเมือง”

“คิดว่ามีสองเหตุผล” เจียงวั่งครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนตอบไปว่า “ข้อแรก ในเมืองมีข้อจำกัดด้านอื่นๆ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการดำรงชีวิตของทุกคนได้ ข้อสอง ขอบเขตรัศมีของทุกเมืองก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ราชสำนักต้องขยายถนนทางหลวงเหล่านี้ออกไปทั่วทิศ โดยยึดเมืองเป็นจุดเชื่อมต่อ เพราะนี่แสดงถึงอาณาเขตที่แท้จริง และที่ดินก็คือทรัพยากร”

“เจ้ามองได้กระจ่างดี ค่ายกลของทุกๆ ตำบล ทุกๆ หมู่บ้าน ไม่มีทางปลอดภัยเหมือนอย่างในเมืองใหญ่ แต่หมู่บ้านและตำบลก็มีจุดที่ไม่สามารถแทนที่กันได้ ก็เหมือนตำบลถังเส่อ ขอแค่มีอยู่ เมืองเฟิงหลินก็จะได้ทรัพยากรจากเทือกเขาฉีชางไม่ขาดสาย หากวันใดไม่มีตำบลถังเส่อ เทือกเขาฉีชางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับรัฐจวงของเราแล้ว

ประชาชนในตำบลถังเส่อกล้าล่าสัตว์ในเทือกเขาฉีชาง แน่นอนว่าพวกเขามียอดฝีมือเช่นกัน มารนั่นซุ่มโจมตีในตอนที่กรมอาญาจากไป ขณะที่พวกเรายังมาไม่ถึงก็ไม่เคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับเข้าโจมตีตอนที่พวกเรามาถึง…”

พูดถึงตรงนี้ จางหลินชวนก็หันหน้ามา มองเจียงวั่งอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ศิษย์น้องเจียง ตัวเจ้ามีอะไรที่ดึงดูดพวกมันหรือไม่”

เจียงวั่งไม่อาจตอบได้

ตัวเขามีความลับแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็แค่กุญแจมายาที่สืบทอดต่อจากจั่วกวงเลี่ยเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างเกิดขึ้นในมิติมายาห้วงจักรวาล ในโลกความจริงน่าจะไม่ถูกค้นพบถึงจะถูก ทว่าหากไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ครั้งแรกที่เขาถูกมารโจมตีก็เหมือนจะเป็นหลังจากที่เขาเข้าไปในมิติมายาห้วงจักรวาลแล้ว

ขณะที่เขากำลังขบคิดว่าจะหาข้ออ้างอะไรมากลบเกลื่อนให้ผ่านไป จางหลินชวนก็พลันยกมือชี้ตรงไปทางเจียงวั่ง นิ้วกลางกับนิ้วนางโค้งขึ้น อีกสามนิ้วที่เหลือยืดตรง

สายอัสนีพุ่งออกจากปลายนิ้วทั้งสามที่ชี้ออกมา จากนั้นรวมเป็นสายฟ้าที่น่าหวาดหวั่นสายหนึ่งพุ่งมาหาเจียงวั่ง!

เจียงวั่งไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ อัสนีสายนั้นก็เฉียดผ่านข้างหูเขาไป ก่อนปะทะกับธนูพิษที่ถูกย้อมเป็นสีเขียวเข้มจนมันกระเด็นร่วงลง

จวบจนตอนนี้ เจียงวั่งถึงเพิ่งได้ยินเสียงหวีดแหลมของลูกธนูพิษที่พุ่งมาด้วยความเร็วดอกนั้น จมูกเพิ่งจะได้กลิ่นไหม้ของผมที่โดนสายฟ้าเฉียดผ่าน

“รอพวกเจ้ามานานแล้ว!” จางหลินชวนกระโดดขึ้นจากบนหลังม้า มือขวาที่ว่างอยู่ยกขึ้นมาด้วยท่าปางมือแปลกประหลาดยิ่ง แส้สายฟ้าเส้นหนึ่งก่อตัวขึ้นกลางอากาศทันที

“ตายเสีย!”

เขาบังคับแส้สายฟ้า ร่างโผทะยานประดุจเหยี่ยว พุ่งไปยังผู้โจมตีที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าเยื้องไปทางซ้ายของถนนทางหลวง

ที่แท้เขาเตรียมตัวไว้นานแล้ว ทั้งยังแบ่งสมาธิทำอย่างอื่น แอบทำปางมือเตรียมวิชาเต๋าสองวิชาเอาไว้ล่วงหน้า ถึงได้สามารถโจมตีกลับในทันทีที่มีการโจมตีเข้ามา

เจียงวั่งห่างชั้นคนละโยชน์กับศิษย์พี่ที่มีประสบการณ์การต่อสู้มายาวนานเช่นนี้

ตอนนี้เอง ในป่าเยื้องไปทางขวามีเสียงหนึ่งดังขึ้น “รับมือยาก แยกย้ายกันไป!”

เจียงวั่งที่กำลังไล่ตามจางหลินชวนไปหันกลับมาทันที!

ทำไมเขาจะฟังเสียงนี้ไม่ออก ในห้องของเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ตำบลถังเส่อ แม้จะเป็นการสนทนาสั้นๆ เพียงไม่กี่ประโยค แต่ก็มากพอที่จะทำให้เขาจำได้ขึ้นใจ!

รากพลังเต๋าเม็ดหนึ่งที่จุดผ่านสวรรค์ระเบิดออกโดยไร้เสียง เจียงวั่งตัดสินใจเด็ดขาด พุ่งไปทางที่เสียงนั้นดังมาอย่างเด็ดเดี่ยวเป็นที่สุด

หากใช้ชีวิตอยู่ในรัฐจวง เรื่องแรกที่ชาวบ้านแทบทุกคนต้องจำเอาไว้ก่อนออกจากบ้านคือ…อย่าออกห่างถนนทางหลวง

เพราะเมื่อหลุดออกไปจากขอบเขตเมืองมนุษย์หรือถนนทางหลวง ทุกที่จะเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง นั่นเป็นถิ่นที่สัตว์ป่า สัตว์ปีศาจ ไปจนถึงสัตว์ร้ายต่างๆ ดำรงชีวิตอยู่

จางหลินชวนแข็งแกร่งพอ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจ

เจียงวั่งจะสังหารคน เขาจึงไม่สนใจเช่นกัน

เขาเคยเห็นเลือด เคยเห็นความโหดเหี้ยมมาแล้ว ทว่าต่อให้เป็นโจรที่ชั่วร้ายที่สุดบนเขาประจิมก็ไม่มีทางตวัดดาบใส่เด็ก เด็กหญิงตัวน้อยคนนั้นเพิ่งจะได้รู้จักโลกใบนี้ ยังไม่รู้ความ ไร้เดียงสา และสดใส นางบริสุทธิ์เพียงใดกัน

กระบี่ของเจียงวั่งสั่นสะท้านอยู่ในฝัก เหมือนว่ามันเริ่มตื่นเต้น ราวกับมันก็รู้ว่าตัวเองจะได้เปล่งประกายแสงที่เจิดจ้าที่สุดในชีวิต

สิบปีพากเพียรลับกระบี่ ประกายคมวาววับแต่ยังไม่เคยได้ใช้ วันนี้ขอนำออกมาให้เชยชม มีผู้ใดไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง?

เคร้งๆๆๆๆๆ

ในพริบตาที่กระบี่เริ่มตื่นตัว มันพุ่งชนฝักกระบี่อยู่ห้าครั้ง จากนั้นถึงพุ่งออกมา!

กระบี่ราวดาวตก คนราวมังกรเจียว

ต้นไม้ต้นหนึ่งส่งเสียงครืนครานพลางล้มลงกับพื้น มารนอกรีตที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ดีดตัวถอยไปอย่างรวดเร็ว

ในชั่วเวลาฉุกละหุกมองเห็นใบหน้าไม่ชัด เห็นเพียงใบหน้าที่เรียกได้ว่าขาวซีดใต้ผมยุ่งเหยิง

รากพลังเต๋าในจุดผ่านสวรรค์ระเบิดปะทุเม็ดแล้วเม็ดเล่า

เจียงวั่งไม่เคยสิ้นเปลืองเช่นนี้มาก่อน เขาสัมผัสได้ว่าทั่วร่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

ก่อนที่กระแสวนเต๋าจะหลอมรวม การใช้รากพลังเต๋าทุกเม็ดล้วนเป็นการถดถอยด้านการฝึกบำเพ็ญ

แต่มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสังหารคนได้

เขาจะฆ่ามารตนนี้ เช่นนี้ถึงจะสามารถระบายความแค้นที่อัดอั้นพวกนั้น ถึงจะได้รับความสุขสงบทางวิญญาณได้

กระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพา ท่าสังหารกระบวนที่สองมาพร้อมแสงน้ำค้างแข็ง

มารหน้าขาวกำลังถอยหนีจึงจรดปางมือไม่ทัน แขนขวาขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว กล้ามเนื้อนูนขึ้นมา เส้นเลือดปูดโปน ก่อนจะชกตรงออกไปโจมตีแสงน้ำค้างแข็งทันที

กระบี่เข้าปะทะกับแขนขวาที่ราวกับมารปีศาจข้างนี้สิบกว่าครั้งในชั่วพริบตา

ตอนนี้เจียงวั่งถึงได้รู้ตัวว่าวิเคราะห์ผิดไปแล้ว! คู่ต่อสู้คนนี้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็แข็งแกร่งกว่าเขามาก! ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าแค่อาศัยการวางแผน และพลังบำเพ็ญก็เหนือกว่าตนเล็กน้อยเท่านั้น

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ หากมารหน้าขาวตนนี้ทุ่มกำลังทั้งหมดตอนลอบโจมตีที่ตำบลถังเส่อ เจียงวั่งก็ยากจะรับประกันว่าตอนนั้นตัวเองจะรอดมาได้

ทว่าการถอยหนีไม่อยู่ในใจของเขา กระบี่ยาวสั่นสะท้านอีกครั้ง เสียงคมกริบดังขึ้นมา

เคล็ดกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพา ท่าสังหารกระบวนที่สาม!

ลำแสงหมุนควงผ่านไป แขนขวาที่แปลงมาจากมารร้ายถูกตัดขาดกระเด็น!

“สมควรตาย!!”

มารหน้าขาวร้องคำราม มันคิดไม่ถึงว่าตัวเองแค่ไม่ทันระวังเล็กน้อย ก็ถูกเด็กหนุ่มที่คนนี้บีบจนจนมุมเสียแล้ว

เท้าของมันพลันหยุดอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ม้วนกลับหลังมากลางอากาศ รู้ว่าจะถอยอีกไม่ได้แล้ว ถ้าถอยอีกคือตาย และชีวิตก็ได้มาจากการต่อสู้สังหาร

ต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นเริ่มแห้งเหี่ยวทันที โดยมีจุดที่เท้าของมันแตะเป็นศูนย์กลาง

หมอกสีเทาถูกพ่นออกมาจากปากที่คำรามลั่นของมัน พร้อมด้วยกลิ่นเน่ารุนแรงและกลิ่นเหม็นคาวเสียดจมูก

พลังที่ควบคุมความเป็นความตาย นี่คือวิชาเต๋าของปรโลก!

แสงกระบี่เจิดจ้าโดยพลัน

รากพลังเต๋ากระตุ้นแสงกระบี่ แสงกระบี่ฟันหมอกสีเทาแหวกออก ก่อนที่เจียงวั่งจะกระโจนออกมาจากหมอกสีเทานั้น!

เคล็ดกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพา ท่าสังหารกระบวนที่สี่!

เจียงวั่งปล่อยให้มารตนนี้หนีไปตอนอยู่ในตำบลถังเส่อ เขารับมือไม่ทัน ไม่มีแผนจัดการ

อย่างน้อยๆ ในตอนนี้เวลานี้ เขาจะต้องให้คำตอบกับเด็กผู้หญิงชื่อนิวเอ๋อร์คนนั้นให้ได้!

นี่เป็นความรับผิดชอบของผู้บำเพ็ญคนหนึ่งที่มีต่อประชาชน

นี่เป็นความรับผิดชอบของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีต่อเด็ก!

ร่างที่กระโดดข้ามฟ้าของเจียงวั่งแหวกหมอกเทาออกมา ปรากฏขึ้นในดวงตาของมารหน้าขาว

ในดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ และถูกเติมเต็มด้วยความหวาดกลัวของมัน แสงกระบี่เจิดจ้าพราวพร่างสายหนึ่งฟันลงมาจากด้านบน

นั่นเป็นแสงสว่างสุดท้ายที่มันได้เห็น ก่อนที่มันจะอยู่ในความมืดไปชั่วนิรันดร์

…………………………………………