ตอนที่ 112 ใส่ร้าย

Perfect Superstar

ตอนที่ 112 ใส่ร้าย

สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง แผนกจัดรายการ

สัญญาที่เพิ่งถูกพิมพ์เป็นแผ่นกระดาษออกมาจากเครื่องพิมพ์ยังอุ่นอยู่ ลู่เฉินใช้ปากกาหมึกเจลเซ็นชื่อของตัวเองลงไป

นี่เป็นเอกสารสัญญามอบลิขสิทธิ์เพลง

เขาได้ยกลิขสิทธิ์เพลงและสิทธิ์ในการใช้เพลง ‘เดินไปร้องไป’ มอบให้แก่สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง

วันนี้เป็นวันจันทร์ เช้านี้ลู่เฉินติดต่อกับหัวหน้าผู้ควบคุมเสียงของรายการขับร้องให้ก้องจีน กู่รุ่ย จากนั้นตอนบ่ายเขาพาลู่ซี พี่สาวของเขามาถึงสถานีโทรทัศน์ ทำเรื่องสัญญาให้เสร็จเรียบร้อย

การเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลู่เฉิน ลู่ซีเข้าสู่โหมดการทำงานอย่างรวดเร็ว การเจรจาต่อรองทั้งหมดตกอยู่ในกำมือของเธอ ลู่เฉินเพียงแต่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ

ยิ้มเล็กน้อยอย่างเดียวก็พอแล้ว

ในวงการเพลง ภาพลักษณ์ของดาราไอดอลสำคัญมาก เกี่ยวเนื่องไปถึงสัญญาหลายอย่าง ถ้าทั้งหมดเจรจาได้ตามใจชอบของตัวเอง ถ้าไม่เหนื่อยตายก็ถูกคนอื่นโกงจนตาย ดังนั้นการมีผู้จัดการส่วนตัวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

ความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพของผู้จัดการส่วนตัวสามารถตัดสินอนาคตของดาราคนหนึ่งได้เลย

วงการเพลงนี้ไม่ขาดคนที่เลือกผู้จัดการส่วนตัวผิด ผลสุดท้ายคือทำลายอนาคตศิลปินอย่างที่มีให้เห็นเป็นตัวอย่าง

ลู่เฉินเชิญพี่สาวของตัวเองมาเป็นผู้จัดการส่วนตัว อย่างแรกเพราะคนในครอบครัวไว้ใจได้มากที่สุด ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเขากับลู่ซีจะไม่สนิทชิดเชื้อเหมือนลู่เสวี่ย เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอกก็ต้องแสดงว่าเธอยืนอยู่ข้างเขาแน่นอน

อย่างที่สองลู่ซีมีใบอนุญาตการเป็นผู้จัดการส่วนตัว หนำทั้งเธอยังฉลาดเป็นกรดอีกด้วย

การเป็นผู้จัดการส่วนตัวอย่างแรกที่ต้องทำคือทำตัวเป็นคนไม่ดี คนอ่อนแอทำงานชนิดนี้ไม่ได้ ลู่ซีแม้จะไม่ได้ชั่วร้ายจริง แต่เธอก็แข็งแกร่งและหลักแหลม รับรองว่าลู่เฉินจะได้รับประโยชน์อันสมควรจากการทำสัญญาแน่นอน

แม้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวให้นักร้อง เธอยังคงทำมันออกมาได้ดีมาก

เมื่อวานทั้งวัน ลู่ซีศึกษาข้อมูลการเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้แก่ศิลปินและข้อมูลเกี่ยวกับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง

ก่อนการเจรจา เธอทำเงื่อนไขในสัญญาเรียบร้อยก่อนแล้ว

ระยะเวลาที่เพลงเดินไปร้องไปเป็นสิทธิ์ของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เป็นเวลา 10 ปี ฝ่ายหลังสามารถนำเพลงนี้ไปใช้ประกอบรายการและใช้ในการเผยแพร่รายการด้วย ค่าใช้จ่ายในการโอนคืนเป็นจำนวนทางสัญลักษณ์คือ 1 หยวน

ส่วนการตอบแทนในทางกลับกันคือเพลงเดินไปร้องไปจะต้องให้ลู่เฉินเป็นคนร้อง สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ห้ามให้เพลงนี้ถูกร้องโดยคนอื่น นอกจากนี้ในรายการเฉลิมฉลองวันชาติจีนของสถานีโทรทัศน์ ต้องเชิญลู่เฉินขึ้นร้องเพลงนี้อีกด้วย!

ตั้งแต่ตั้งสถานีโทรทัศน์มา ทุกคืนวันชาติจีน สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งต้องจัดรายการเฉลิมฉลอง แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ แต่มียอดผู้ชมในประเทศไม่น้อย

ดังนั้นถ้าอยากได้แสดงในงานเลี้ยงตอนกลางคืน จะต้องมีความสามารถและมีเส้นสาย

พูดอีกอย่างว่าลู่เฉินกำลังปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองไปพร้อมกัน แล้วยังได้รับโอกาสที่ดีในการโชว์ตัวครั้งหนึ่ง

การต่อสู้เพื่อสัญญาฉบับนี้ไม่ง่ายนัก ต้องรู้ว่าสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง สำหรับลู่เฉินแล้วเป็นการดำรงอยู่ที่ยักษ์ใหญ่ ไม่อาจมีความสัมพันธ์ในระดับเดียวกันได้

เพลงหนึ่งเพลงสำหรับสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง จะมีหรือไม่มีก็ไม่เสียหาย แต่ตอนนี้สถานีโทรทัศน์ปักกิ่งเป็นช่องทางสำคัญต่อการเข้าสู่วงการบันเทิงของลู่เฉิน ต่อให้ฝ่ายนั้นต้องการให้ลู่เฉินมอบลิขสิทธิ์เพลงให้โดยไม่มีเงื่อนไข เขาเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

แต่ลู่ซีใช้ความซื่อตรงและหนักแน่นของเธอ โน้มน้าวกู่รุ่ยผู้ซึ่งเป็นตัวแทนผู้จัดรายการ

แน่นอนว่าสัญญาฉบับนี้ไม่ได้เกินขีดจำกัดของทางสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง เป็นสัญญาที่ได้รับความพึงพอใจจากทั้งสองฝ่าย

“ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ!”

เซ็นสัญญาเสร็จแล้ว ลู่เฉินกับกู่รุ่ยจับมือกัน

“ขอบคุณผู้อำนวยการกู่ครับ”

กู่รุ่ยจับมือเขากลับ หัวเราะตอบว่า “โลกของอนาคตเป็นของคนหนุ่มอย่างคุณ ลู่เฉิน คุณมีผู้จัดการส่วนตัวที่เก่งมาก พวกเรารอคอยจะได้ร่วมงานกับคุณมากขึ้น”

กู่รุ่ยชื่นชมในตัวลู่ซีมาก พอรู้ว่าเธอเป็นพี่สาวของลู่เฉินก็ยิ่งประหลาดใจ

พี่น้องคู่นี้ไม่ค่อยเหมือนกันเลย

น้ำเสียงของกู่รุ่ยในประโยคหลังดูจะมีเสียงผิดปกติ แต่ตอนนี้ลู่เฉินยังไม่รู้สึก

“ขอบคุณครับ!”

ออกมาจากสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง กลับมาถึงห้องพักในอพาร์ทเมนท์ที่เช่าไว้

อาหารเย็นเป็นฝีมือของพี่สาว วัตถุดิบหาได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตในละแวกใกล้เคียง ทั้งสดใหม่และสะอาด

ฝีมือด้านการทำอาการ ลู่ซีได้รับถ่ายทอดจากฟางอวิ๋นแม่ของลู่เฉินโดยตรง อาหารพื้นๆ หลายอย่างทำออกมาได้เอร็ดอร่อย ทำให้ลู่เฉินชมไม่หยุดปาก

คิดถึงช่วงเวลาที่เขายังอยู่กับครอบครัว

ตอนที่รับประทานไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่ รอให้ผมจัดการหนี้ที่บ้านหมดแล้ว เราค่อยซื้อบ้านหลังใหญ่ในปักกิ่งสักหลัง ให้แม่เกษียณมาก่อนแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ ลู่เสวี่ยก็จะให้ย้ายมาเรียนที่ปักกิ่งเหมือนกัน”

“แบบนี้พวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันเป็นครอบครัวแล้ว!”

เมื่อก่อนตอนที่ทำงานในร้านเคเอฟซี ลู่เฉินเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด กลับมานอนผึ่งอยู่บนเตียง และบังเกิดความคิดนี้ขึ้นมา แต่เขาไม่เคยคิดว่าความฝันจะมีทางเป็นจริงได้

หนี้ก้อนโตของทางบ้านเป็นภาระที่หนักอึ้ง ทำให้เขาเคยคิดว่าชีวิตของเขาจะต้องลำบากไปตลอด

ถึงแม้ตอนนี้หนี้สินจะยังคืนไม่หมด ความฝันกลับเริ่มมีเค้าโครงความเป็นจริงแล้ว!

ลู่ซีหน้าขรึมทันที เธอค่อยๆ กลืนอาหารลงคอแล้วพูดตัดบทว่า “กินข้าวเถอะ!”

ในน้ำเสียงเจือปนความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีมาก่อน

เงียบไปพักใหญ่ เธอพูดแทรกความเงียบขึ้นมาว่า “แม่น่าจะไม่มาหรอก แม่อยู่ที่ปินไห่จนชินแล้ว”

น้ำเสียงกลับไปเป็นเหมือนเดิม

ลู่เฉินพยักหน้าเฉยๆ

รับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว เขาก็กลับไปที่สำนักงานในศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน

ห้องพักเดี่ยวในอพาร์ทเมนท์ที่จิ่นเฉิงหว่าน ลู่เฉินยกให้ลู่ซีอยู่ ส่วนตัวเองย้ายไปอยู่ที่สำนักงานเป็นการชั่วคราว อุปกรณ์ที่ใช้ในการออกอากาศสดย้ายไปอยู่ที่นั่นตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว การออกอากาศสดตอนกลางคืนยังทำอยู่เป็นปกติ

หลังจากเซ็นสัญญากับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ นอกจากส่วนแบ่งจากรางวัล ทุกเดือนลู่เฉินยังได้เงินเดือนค่าผู้ออกอากาศก้อนใหญ่ อ้างอิงตามเนื้องานและความรับผิดชอบของเขาจะต้องรับรองว่าให้เวลาออกอากาศได้มากพอ

หลังการออกอากาศสดสิ้นสุดลง ลู่เฉินนอนพักผ่อนในห้องพัก

วันรุ่งขึ้นหรือก็คือวันที่ 28 กรกฎาคม เช้าวันอังคาร เขาตื่นมาแต่เช้าเพื่อวิ่งออกกำลังกาย

การออกกำลังกายตอนเช้ากลายเป็นกิจวัตรประจำวันอันดีงามอย่างหนึ่งของลู่เฉินไปแล้ว ในการยืนหยัดออกกำลังกายเช่นนี้ เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายกำลังเปลี่ยนแปลง ยิ่งแข็งแรง มีกำลังวังชาและกระปรี้กระเปร่ามากกว่าแต่ก่อน ทั้งยังสดชื่นแจ่มใส

เพียงแต่สถานที่ออกกำลังกาย ย้ายจากริมแม่น้ำที่เดิม มาเป็นสวนดอกไม้ของศูนย์ความคิดสร้างสรรค์หลันเทียน

ตอน 9 โมง หลังจากอาหารเช้า ลู่เฉินกลับเข้ามาที่ออฟฟิศ

“ต้าเฉิน รีบมาดูเร็ว!”

เพิ่งไขกุญแจเข้ามาก็ได้ยินเสียงหลี่เฟยอวี่ร้องเรียก

“เกิดเรื่องแล้ว!”

ลู่เฉินรู้สึกมีน้ำหนักที่ถ่วงใจขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้าไป

“เกิดอะไรขึ้น”

หลี่เฟยอวี่กำลังอยู่ในห้องออกอากาศ คอมพิวเตอร์เปิดอยู่ หน้าจอแสดงผลเป็นภาพของเว็บไซต์หลางเฉา

หลี่เฟยอวี่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของลู่เฉิน นอกจากช่วยเรื่องการออกอากาศสดแล้ว ยังช่วยเขาดูแลเว็บบล็อก รังปลา และกลุ่มแชทเฟยซวิ่น เพิ่มเติมปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างเหล่าแฟนคลับ

“นายมาดูนี่!”

ลู่เฉินกดเปิด ‘ลู่เฉินFMX’ ในหน้าคอมเมนต์มีบทวิจารณ์ใหม่บทหนึ่ง

เนื้อหาในคำวิจารณ์นี้ธรรมดา เป็นรูปภาพของลู่เฉินพร้อมกับตัวอักษรข้อความ แต่คอมเมนต์ตอบกลับมากถึงสามหมื่น ซึ่งไม่ค่อยสมเหตุสมผล

ในหน้าคอมเมนต์ ทั้งหมดเป็นการทิ้งคำด่าไว้

“คนเขียนเพลงบ้าบอ ใครจะสู้พี่เสี่ยวซูของพวกเราได้!”

“เหอะๆ อาศัยพี่เสี่ยวซูของพวกเรามาสร้างกระแส?”

“นายคิดว่านายจะเทียบกับหลิงเสี่ยวซูได้เหรอ รีบๆ ขอโทษเลย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”

“ในฤดูใบไม้ผลิไม่เพราะเลยสักนิด เพลงห่วยๆ แบบนี้เอาไว้ให้คนขี้แพ้ฟังก็แล้วกัน”

“ขอโทษ! ขอโทษ! ขอโทษ!”

“สร้างกระแสไร้สาระ ลู่เฉินไสหัวออกไปจากวงการเพลงเดี๋ยวนี้!”

“เป็นคนต้องซื่อตรง อย่าคิดว่าจะได้ดีด้วยเล่ห์เพทุบาย น่าสนใจเหรอ”

“ออกไป! ออกไป! ออกไป!”

ยังมีถ้อยคำหยาบคายที่ไม่น่าฟังอีกมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นมลพิษทางออนไลน์

ลู่เฉินถือว่ามีความอดทนมากพอ เมื่อเห็นข้อความหยาบคายเหล่านี้ ยังอดไม่ได้บันดาลโทสะขึ้นมา

“เจ้าพวกนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอไง ใครคือหลิงเสี่ยวซู ฉันรู้จักเขาด้วยเหรอ”

เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าถูกผู้อื่นใส่ร้าย อยากด่าตอบแต่ไม่รู้ว่าจะด่าใครดี

หลี่เฟยอวี่รีบพูดว่า “นายใจเย็นก่อน ฉันพอรู้คร่าวๆ แล้ว”

เขาเปิดหน้าจอใหม่ขึ้นมา เป็นหน้าจอของเว็บบล็อกหลางเฉาเหมือนกัน แต่เจ้าของบล็อกเป็นคนอื่น

เจ้าของบล็อกนี้มีชื่อว่าแมวจรจัด มีแฟนคลับติดตามมากกว่าสามแสน เป็นระดับ V เล็ก ข้อความล่าสุดของเขาถูกส่งต่อมากถึง 25000 ครั้ง และถูกกดเข้าไปอ่านมากกว่าห้าหมื่นครั้ง!

ใจความสำคัญคือเนื้อหาในบล็อกนี้

‘ข่าวไม่ตรงความจริง รายการนักร้องนักแต่งสุดสตรอง เขี่ยผู้เข้าแข่งขันที่เขียนเพลงในฤดูใบไม้ผลิ ลู่เฉินออกจากการคัดเลือก’

มึน!

ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่า บล็อกของเขาถูกคนโจมตี เป็นเรื่องของตัวเขาเองตั้งแต่ตอนไปประกวดรายการนักร้องนักแต่งสุดสตรองรอบออดิชั่นแล้วถูกคัดออก ไม่รู้เลยว่าเจ้าของบล็อคระดับ V เล็กคนนี้รู้เรื่องภายในได้ยังไง

จะบอกว่าไม่รู้และไม่ถูกไปเสียทั้งหมดก็ไม่ได้ อย่างน้อยลู่เฉินก็นึกถึงคนคนหนึ่ง

เขารีบให้หลี่เฟยอวี่เปิดบทความบนบล็อกนั้น

บทความบนเว็บบล็อกหลางเฉาแบ่งเป็นสั้นกับยาว แบบสั้นเนื้อหาต้องไม่เกิน 50 คำ ส่วนแบบยาวไม่จำกัดจำนวนคำ แต่จำเป็นต้องเข้าไปอ่านบทความเต็มในหน้าเว็บไซต์

ส่วนนี่เป็นบทความแบบยาว ทำให้ลู่เฉินเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด

อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องลับลมคมใน แต่ประโยคสุดท้ายในบล็อกก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นสาเหตุของการใส่ร้ายป้ายสี

“นักร้องนักแต่งสุดสตรอง ลู่เฉินเก่งกว่าหลิงเสี่ยวซูเป็นไหนๆ!”

ประโยคนี้เองที่ทำให้เกิดความเกลียดชัง ลู่เฉินไม่รู้จักว่าหลิงเสี่ยวซูเป็นใคร กลับถูกแมวจรจัดลากเข้ามาเป็นเหยื่อ

เขาไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี

ถ้าจะโทษแมวจรจัดทั้งหมด คนๆ นั้นก็น่าจะชื่นชมตัวเขามากขึ้นไปอีก ทั้งยังเป็นการทวงความยุติธรรม และเหมือนเป็นการตบหน้าสถานีโทรทัศน์เซียงหนานฉาดใหญ่ ทำให้เขายิ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก

ถ้าไม่โทษแมวจรจัด หลิงเสี่ยวซูจะถูกพาดพิงทำร้ายด้วย?

ตัวตนของคนคนนี้ ลู่เฉินคิดออกอย่างรวดเร็ว

ฝ่ายนั้นเป็นคนใหม่ที่โดดเด่น ได้รับการคัดเลือกจากเขตหู้ไห่ รอบออดิชั่นและรอบประกวดรอบแรกจนถึงรอบถัดไปการแสดงทำได้ดี ผลงานเพลงทั้งสามต่างได้รับการประเมินว่าดีเด่นจากวงการ ดังนั้นจึงถูกสถานีโทรทัศน์เซียงหนานสนับสนุน!

หลิงเสี่ยวซูเปิดบล็อกของตัวเองในเว็บบล็อกหล่างเฉาเช่นกัน ทั้งยังมีแฟนคลับที่ติดตามบล็อกของเขามากถึงสามล้านคน

ในบรรดาผู้ที่ชื่นชอบเขา ส่วนมากเป็นวัยรุ่นชายหญิง

พวกเขาต่างหากถึงเป็นกำลังสำคัญในการโจมตีลู่เฉิน!

…………………………………………………………………………………