บทที่ 623 ต้องการให้ช่วยหรือเปล่า + บทที่ 624 บังเอิญอะไรเช่นนี้

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

บทที่ 623 ต้องการให้ช่วยหรือเปล่า

“เจ้าลิงน้อย เจ้าอยากฟังพ่อกับพี่ชายคุยกันหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบุตรชายของนางมองไปทางพวกเขา

เฉียวโม่ซางมองเฉียวเทียนช่าง เขายื่นมือทั้งสองข้างไปหา “พ่อ….”

หัวใจของเฉียวเทียนช่างอ่อนยวบลงในพริบตา เขายื่นมือไปรับเด็กชายมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน แม้หนิงเมิ่งเหยาจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพนั้น แต่นางก็เอนกายลงกับหมอนนุ่มๆ ที่อยู่ด้านข้าง ดวงตาของนางมีความเหนื่อยล้าอยู่ภายใน “ข้าจะนอนสักงีบ ค่อยปลุกข้าแล้วกัน”

“เจ้าพักผ่อนเถอะ” เฉียวเทียนช่างส่งลูกน้อยให้เฉียวโม่เฟิงอุ้ม เขาหยิบผ้าห่มที่อยู่อีกทางมาห่มให้กับหนิงเมิ่งเหยา แล้วจึงอุ้มเฉียวโม่ซางให้ขึ้นมานั่งบนตักตน

ระหว่างที่นางกำลังสะลึมสะลือ หนิงเมิ่งเหยาสัมผัสได้ว่าเฉียวเทียนช่างตั้งใจลดเสียงให้เบาลง ดูเหมือนเขากำลังพูดอะไรสักอย่างอยู่ แต่นางได้ยินไม่ชัดนัก

ท้องฟ้ามืดลงแล้วตอนที่หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้น นางนอนอยู่บนเตียง ภายในห้องไม่มีผู้ใดอยู่ด้วยอีก ดูเหมือนพวกเขาจะหาที่พักได้แล้ว

หนิงเมิ่งเหยาหลับตาที่ปวดน้อยๆ ของตนลง เมื่อนางลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดก็อันตรธานหายไปจนหมด ในวินาทีที่นางกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง หน้าต่างบานหนึ่งพลันถูกเปิดออกจากด้านนอก มีคนแต่งกายในชุดสีดำกระโดดเข้ามา

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วเมื่อเห็นคนผู้นั้น นางหย่อนกายนั่งลงบนเตียงพลางกอดอก “ปิดบังตัวตนแล้วบุกเข้ามาในห้องของผู้อื่นเช่นนี้ถือว่าหยาบคายนัก”

คนชุดดำชะงัก นางคาดไม่ถึงว่าหนิงเมิ่งเหยาจะเอ่ยเช่นนั้นออกมา หญิงผู้นี้ไม่กลัวนางสักนิดเลยหรือ

“หุบปาก”

หนิงเมิ่งเหยามองคนในชุดดำที่อยู่เบื้องหน้าตน ตอนแรกนางคิดว่าเขาเป็นผู้ชาย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าผู้บุกรุกจะเป็นหญิง มิหนำซ้ำน้ำเสียงของนางยังฟังไม่รื่นหูเลยแม้แต่น้อย

หนิงเมิ่งเหยาปิดปากหาว แต่บนใบหน้าของนางมีสีหน้าสนอกสนใจ “จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าส่งตัวเจ้าให้คนข้างนอก ข้าจะได้รางวัลอะไรทำนองนี้หรือไม่”

คนชุดดำไม่สนใจคำขู่ของนาง “พวกมันไม่ให้รางวัลเจ้าหรอก แต่พวกมันจะฆ่าเจ้าเพื่อปิดปากแทน”

“จริงหรือ” หนิงเมิ่งเหยาไม่ใส่ใจมากนัก นางมองหญิงที่อยู่ตรงหน้า ในดวงตาของนางมีรอยยิ้มฉายชัด

ดีเท่าไหร่ที่นางยังสามารถทำตัวเยือกเย็นอยู่ได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่” หนิงเมิ่งเหยามองคนในชุดดำที่ยืนมองด้านนอกอยู่ริมหน้าต่าง ร่างของนางเกร็งขึ้นเล็กน้อย ดูพร้อมที่จะต่อสู้

คนในชุดดำหันหน้ากลับมามองหนิงเมิ่งเหยา ในดวงตามีประกายสับสน “เหตุใดเจ้าจึงคิดอยากช่วยข้า”

“ข้ายินดีจะช่วย”

อันที่จริงหนิงเมิ่งเหยาก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากช่วยนาง แต่นางแค่ไม่อยากให้หญิงผู้นี้ต้องมาตายที่นี่ สาเหตุมันก็ง่ายๆ เพียงเท่านั้น

แต่อีกคนกลับดูไม่เชื่อในคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา นางยังคงระวังตัวแจเมื่ออยู่ต่อหน้าอีกคน “เจ้าตั้งใจจะทำอะไร”

หนิงเมิงเหยาพิจารณาคนที่อยู่ตรงหน้า สายตาอันเฉลียวฉลาดของนางราวกับกำลังประเมินสินค้า “มีอะไรบนตัวเจ้าที่ทำให้ข้าต้องการด้วยหรือ”

คนชุดดำนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าจะช่วยข้าอย่างไร”

“ข้าต้องมีวิธีของข้าอยู่แล้ว” ขณะที่กล่าวเช่นนั้น นางก็หยิบเอาชุดสีอ่อนจากกระเป๋าเดินทางที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา หนิงเมิ่งเหยาโยนมันให้กับอีกคนโดยไม่กะพริบตาแม้แต่นิดเดียว

อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจที่จะเปลี่ยนไปสวมชุดนี้เท่าใดนัก

“คนพวกนั้นคงมาถึงในไม่ช้า ต่อให้เจ้ายื้อไป ข้าก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว” หนิงเมิ่งเหยาเอนกายพิงเตียงอย่างเกียจคร้าน นางมองเหมือนไม่สนใจ การกระทำเช่นนั้นทำเอาอีกฝ่ายสงสัยนักว่านางเป็นใครกันแน่

หนิงเมิ่งเหยาไม่สนใจคนชุดดำ นางลุกขึ้นแล้วเดินไปที่มุมโต๊ะ หยิบเอาถ้วยชาขึ้นมารินน้ำดื่ม “ไม่มีเวลาให้เจ้าชั่งใจนานนักหรอกนะ”

แม้ดวงตาของอีกคนจะมีประกายต่อต้านอยู่ภายใน แต่ท้ายที่สุดนางก็เดินไปหลังฉากกั้นแล้วเปลี่ยนมาใส่ชุดนั้นอยู่ดี

หนิงเมิ่งเหยาชะงักเมื่อนางเดินออกมา รูปโฉมของหญิงผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ดูเหมือนนางจะเป็นลูกครึ่ง ใบหน้าได้รูปของนางทำเอาหนิงเมิ่งเหยานึกอยากจะยื่นมือไปบิดมันเสียเหลือเกิน

“เจ้าดูดีเอาการ” หนิงเมิ่งเหยากะพริบตา สะกดปีศาจตัวน้อยๆ ในใจและยิ้มให้กับอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง

บทที่ 624 บังเอิญอะไรเช่นนี้

คนที่เคยอยู่ในชุดดำดึงชุดที่ตัวเองใส่อยู่อย่างประหม่า “ข้าไม่คุ้นชิน”

“เดี๋ยวเจ้าก็จะค่อยๆ ชินไปเอง นั่งลงสิ” หนิงเมิ่งเหยาชี้ไปยังม้านั่งตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ

อีกฝ่ายเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนนั่งลงข้างหนิงเมิ่งเหยา

หนิงเมิ่งเหยาหยิบเอาอุปกรณ์แต่งหน้าของตนขึ้นมา

เมื่อเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาตั้งใจจะเอาของสกปรกเหล่านั้นทาลงบนใบหน้าของตน นางก็เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย

“เจ้าจะขยับหัวทำไมกัน อย่าขยับสิ” หนิงเมิ่งเหยาจ้องนางเขม็ง แต่ดูเหมือนความเร็วมือของนางจะไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ใบหน้าอันงดงามของนางก็พลันสดใสขึ้นด้วยฝีมือของหนิงเมิ่งเหยา เหลือเพียงดวงตาของนางเท่านั้นที่ยังมองออกได้ง่ายๆ

หนิงเมิ่งเหยาหยิบกระจกขึ้นมาแล้วส่งให้นาง “ลองดูสิ”

อีกฝ่ายชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ รับกระจกมา นางตกใจจนตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นตัวเองภายในนั้น

นี่…. นี่คือนางหรือ

หากไม่ใช่เพราะเจอเรื่องนี้กับตัว นางคงไม่มีทางนึกออกเลยว่านางจะสามารถกลายเป็นคนอื่นได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเช่นนี้

“นี่มัน… ขอบใจเจ้ามาก ข้าชื่อเว่ยลั่ว ในอนาคตข้าจะต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าแน่” หญิงสาวชุดดำที่แท้จริงคือเว่ยลั่วให้สัญญากับหนิงเมิ่งเหยาด้วยสีหน้าขึงขังจริงจัง

มือที่หนิงเมิ่งเหยาใช้เท้าคางอยู่ถึงกับลื่นพรวด ตาของนางเบิกกว้าง

หนิงเมิ่งเหยายกมือขึ้นแนบข้างหูก่อนมองนางแล้วถามว่า “บอกอีกรอบได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร”

“เว่ยลั่ว”

หนิงเมิ่งเหยายกมือขึ้นปิดตาตัวเอง มุมปากของนางกระตุก เกิดอะไรขึ้นกันนี่ มีความบังเอิญเช่นนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ

พอคิดว่าหญิงผู้นี้คือตัวตนที่นางเคยใช้ก่อนหน้านี้ หรือว่านี่จะไม่ใช่เหตุบังเอิญ

เว่ยลั่วมองหนิงเมิ่งเหยาที่ทำหน้าเหมือนเห็นผีด้วยความสงสัย นางรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาเล็กน้อย “ชื่อของข้าแปลกขนาดนั้นเชียวหรือ”

หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้าแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ นางตอบอย่างจนใจว่า “ไม่แปลกหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าโชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้เสียจริง”

เดิมทีเว่ยลั่วอยากจะถามว่านางหมายความว่าอย่างไร แต่จู่ๆ หนิงเมิ่งเหยากลับมองไปที่หน้าต่างด้วยสายตาเย็นชา “มีคนมา นั่งลงแล้วอย่าขยับและอย่าทำอะไรผิดสังเกตด้วย”

เว่ยลั่วไม่ใช่คนโง่ นางเข้าใจดีว่าหนิงเมิ่งเหยาต้องการบอกอะไร จึงรีบพยักหน้าทันที “เข้าใจแล้ว อย่ากังวลเลย”

หนิงเมิ่งเหยายืนอยู่ไม่ไกลจากหน้าต่างเท่าใดนัก ตอนที่คนจากด้านนอกหวังจะเข้ามา นางวางฝ่ามือของตัวเองลงบนบานหน้าต่างก่อนผลักออกไปอย่างรุนแรง หน้าต่างทั้งบานร่วงหลุดจากกรอบและทับเข้ากับใบหน้าของอีกฝ่าย

ได้ยินเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมา หนิงเมิ่งเหยาก็เปิดประตูออกไปด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก “มารบกวนคนที่กำลังหลับฝันดีตอนกลางดึกเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนดีๆ เขาทำกัน”

“พวกข้ากำลังตามหาทาสที่ทำผิดอยู่ หวังว่าฮูหยินจะไว้หน้าพวกข้าได้” ผู้นำของกลุ่มไม่กล้าทำให้หนิงเมิ่งเหยาขุ่นเคืองเมื่อเห็นบรรยากาศอันแตกต่างจากคนธรรมดาของนาง เขาทำได้เพียงมองหนิงเมิ่งเหยาแล้วเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียด

หนิงเมิ่งเหยาขยับนิ้ว จู่ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ตรงข้ามตน “ไว้หน้าเจ้าหรือ หน้าเจ้าราคาเท่าไหร่กันเชียว”

กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามหรี่ตาลง นางไม่ยอมไว้หน้าพวกเขาหรือ

“เช่นนั้นพวกเราคงไม่ต้องสุภาพด้วยแล้ว”

หนิงเมิ่งเหยาบิดขี้เกียจ “จะลองดูก็ได้”

คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามล้วนงุนงงสงสัย แต่คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกลับมองหนิงเมิ่งเหยา แต่เมื่อคนที่พวกเขาต้องการไล่ล่านั้นแตกต่างกับรูปพรรณที่รู้มา พวกเขาจึงทำได้เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “บุก”

เมื่อเห็นคนเหล่านั้นพุ่งเข้าหาตน หนิงเมิ่งเหยาก็ทำหน้าเยาะหยัน ก่อนจะเอ่ยว่า “ถ้าพวกเจ้าจะเข้ามา พวกเจ้าต้องจ่ายค่าผ่านทางเสียก่อน”

ทันทีที่เสียงของนางดังขึ้น คนที่พรวดพราดเข้าไปก็กรีดร้องออกมา

เขาล้มกลิ้งด้วยความเจ็บปวด

เมื่อคนที่ตามหลังมาได้ยินเสียงนั้น การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ชะงัก ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นไป

หนิงเมิ่งเหยามองดูภาพที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น “อะไรเล่า พวกเจ้าไม่ลงมือหรือ”

“เจ้าวางยาพิษไว้รึ”

“ข้าก็ไม่เคยบอกนี่ว่าไม่มียาพิษ”

สีหน้าของเว่ยลั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางยังสามารถเข้ามาได้โดยที่ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้…

นางเหลือบมองคนที่นอนอยู่บนพื้น ยาพิษคงถูกทาไว้เมื่อไม่นานมานี้ ประมาทคนผู้นี้ไม่ได้จริงๆ