ใบหน้าของซูฉิงมีรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนา “หวังว่าต่อไปคุณอินกับทุกฉากและทำงานได้ดีนะคะ เข้าใจใช่ไหม?”
เจียงเสว่ยี๋ตกใจ
ซูฉิงหมายความว่า…กำลังประชดเธอว่าก่อนหน้านี้เล่นไม่ดีงั้นเหรอ?
ซูฉิงผู้หญิงคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลยนะ
ที่ตบไปเมื่อกี้ เจียงเสว่ยี๋นึกว่าซูฉิงต้องโมโหแน่ ไม่คิดเลยว่าซูฉิงจะชื่นชมต่อหน้าทุกคน
ท่าทางเอื้อเฟื้อของซูฉิงจะไม่ทำให้คนอื่นคิดว่าเธอตั้งใจตบซูฉิง เพื่อให้หล่อนอับอายเหรอ?
เจียงเสว่ยี๋บีบมือที่อยู่ในเสื้อคลุมแขนกว้างแน่น สายตามีแต่ความเป็นศัตรูและความเกลียดชัง
แต่เธิก็รีบเก็บซ่อนอารมณ์และพูดอย่างเบาๆ “ฉันจะทำให้เต็มที่ค่ะ”
อู่กังอี้ที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าโอเคแล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นฉากนี้เราจะผ่านไปก็แล้วกัน ทุกคนรีบเตรียมฉากต่อไป ยังเป็นฉากในสวนหลวง เชิญซุปเปอร์สตาร์เฉินด้วยนะครับ”
หลังจากที่สิ้นเสียงอู่กังยี่ตะโกน เฉินจุนเหยียนก็สวมชุดอาภรณ์มังกรก่อนจะเดินเข้ากล้อง
นักแสดงคนอื่นๆ ก็ทยอยกันเข้ามา
“ทุกคนพร้อมแล้วนะ แล้วก็พนักงานเตรียมซุปขิงพร้อมแล้ว ฉากของเราคืองานเลี้ยง หลิงเฟยถูกจักรพพรดินีคิดการให้ดื่มมากจนตกน้ำไป จากนั้นจักรพรรดิก็เข้าไปช่วย ทั้งสองจูบกันอย่างเปียกปอนในทะเลสาบ คนอื่นก็คอยมองจากด้านข้าง”
หลังจากที่อู่กังอี้พูดถึงฉากเสร็จ เขาก็ปล่อยให้ทุกคนไปตำแหน่งตัวเอง
ซูฉิงก็เริ่มทันทีที่สิ้นเสียงของผู้กำกับ เดินไปถึงศาลากลางทะเลสาบและแสร้งทำเป็นเมา โยกตัวไปมา จากนั้นขันทีก็เดินเข้ามาผลักซูฉิงลงไป
หลังจากนั้นเฉินจุนเหยียนก็กระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยอีกคนอย่างไม่ลังเล และทั้งสองก็จูบกันในทะเลสาบ
เจียงเสว่ยี๋ผู้แสดงเป็นจักรพรรดินี ยืนอยู่แถวหน้าของฉากและเห็นคนสองคนในทะเลสาบ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าฉากจูบระหว่างทั้งสองเป็นเพียงมุมกล้อง
แต่เมื่อเห็นเฉินจุนเหยียนกอดซูฉิงไว้ในอ้อมแขนอย่างเสน่หา ในใจก็เต็มไปด้วยความริษยา
เธอกำหมัดแน่นและต้องทำท่าทางอันสูงส่งของจักรพรรดินี
จนกระทั่งผู้กำกับสั่งคัท เจียงเสว่ยี๋ก็ยังคงกำหมัดเอาไว้
เฉินจุนเหยียนและซูฉิงก็พากันขึ้นมาจากทะเลสาบด้วยกัน
“หนาวใช่ไหม รีบห่มเร็ว” เฉินจุนเหยียนเอาผ้าห่มที่เจ้าหน้าที่ส่งให้ห่อร่างกายซูฉิง ทั้งยั้งดวงตาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่หาไม่ได้
“ขอบคุณนะ” ซูฉิงขอบคุณเบาๆ
หลังจากนั้นเธอก็เอาซุปเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง
เจียงเสว่ยี๋ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอกัดฟันแน่น ในหัวเธอมีแต่ถาพเฉินจุนเหยียนที่ห่วงซูฉิงอย่างมาก
เมื่อกี้ซูฉิงเพิ่งจูบกับฮ่อหยุนเฉิงต่อหน้าทุกคนชัดๆ แต่ตอนนี้กลังมาอ่อนเฉินจุนเหยียน!
ทำไมเฉินจุนเหยียนถึงไม่มองเธอเลย!
“คุณเจียง”
ผู้จัดการภาคสนามเห็นเจียงเสว่ยี๋เห็นอยู่เหม่ออยู่กับที่ก็เข้ามาคุยด้วย “ฉากต่อไปของคุณคือเล่นเป็นนางฟ้าโปรยดอกไม้ในฉากเต้นรำ คุณต้องขึ้นสลิง ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าจะตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบฉากด้วยตัวเอง ตอนนี้ทางนั้นเตรียมพร้อมแล้ว ฉันจะพาคุณไปดูนะคะ”
เจียงเสว่ยี๋ถูกขัดจังหวะถึงได้สติ ก่อนจะเก็บสีหน้าและยิ้ม “ได้สิ”
ครั้งที่แล้วที่ซูฉิงเกิดอุบัติเหตุกะทันหันเพราะอุปกรณ์ประกอบฉาก ขึงทำให้เจียงเสว่ยี๋เกิดความรู้สึกกลัว
เจียงเสว่ยี๋ใส่ใจกับอุปกรณ์ประกอบฉากของตัวเองมากขึ้น ใบหน้าของนักแสดงนั้นคือของทำมาหากิน ถ้าเละไปก็ไม่ต่างอะไรกับให้เธอไปตาย
หลังจากเจ้าหน้าที่ภาคสนามไปยังสถานที่ที่ติดตั้งสลิงโรยตัว พนักงานทางนั้นก็ยังคงทดสอบอุปกรณ์อย่างกันอย่างละเอียด
เมื่อเห็นเจียงเสว่ยี๋มา ทั้งหมดต่างก็หยุดงานในมือเพื่อทักทาย
“คุณเจียงไม่ต้องกังวลนะครับ เราทดสอบอุปกรณ์ประกอบฉากของคุณมากกว่าสิบครั้งแล้ว ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนครับ อีกสักพักตอนคุณขึ้นไปก็วางใจได้เลยครับ!” พนักงานตบหน้าอกตัวเองเพื่อให้ความมั่นใจกับเจียงเสว่อี๋
เจียงเสว่ยี๋ยังคงกังวลและขอให้หลินเมี่ยวหลินตรวจสอบด้วยตนเองอีกรอบ
ในขณะนั้นเอง พนักงานอีกคนก็เข้ามาด้านข้างและยื่นเครื่องดื่มให้เจียงเสว่ยี๋ จากนั้นจึงทักทาย “คุณเจียง ฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณเลย เมื่อกี้คุณทำได้ดีมาก ฉันตั้งตารอคอยการแสดงเต้นรำของคุณ”
“ขอบคุณนะคะ” เจียงเสว่ยี๋เห็นสลิงไม่มีปัญหาถึงได้วางใจ
พนักงานกลอกตาไปมาราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง “จริงๆ แล้วฉันต่อสู้เพื่อคุณมาตลอดเลย พวกเราทุกคนรู้ว่าคุณซูเป็นคนธรรมดา แสดงไม่เป็นแถมยังชอบชี้นิ้วสั่งด้วย
เธอมีสิทธิ์อะไรกัน คุณอยู่ในแวดวงนี้มาตั้งนาน แสดงก็ดีมาก ใจพวกเรารู้ดี”
คำพูดของเจียงเสว่ยี๋ได้ประโยชน์มาก เธอยกยิ้มริมฝีปากขึ้นและแสร้งทำเป็นว่าเจียมเนื้อเจียมตัว “คุณอย่าไปพูดอย่างนั้นสิคะ ทุกคนต่างก็มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ฉันก็จะค่อยๆ สำรวจตัวเอง”
“ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ว่าฉันชอบนินทาลับหลังหรอกนะ แต่ใครก็เห็นว่าคุณซูไม่ใช่นักแสดงที่มีความสามารถ
คุณบอกว่าเธอเป็นถึงบอสใหญ่ มาที่กองเพื่อแสดง มาก็เอาแต่คุยกับคนนู้นคนนี้คนนี้ยังไม่พอ ยังจะมายุ่งกับซุปเปอร์สตาร์เฉินจนทำคนอื่นเขาเข้าใจความสัมพันธ์ทั้งคู่ผิดไปหมด”
พนักงานพูดอย่างโกรธมากแถมยังสู้เพื่อเจียงเสว่ยี๋ “แต่ฉันเชื่อว่าซุปเปอร์สตาร์เฉินกับคุณเจียงเหมาะกันมากกว่า ซูฉิงไม่คู่ควรเลยนะคะ!”
พูดได้เลยว่าคำนี้ทำเจียงเสว่ยี๋ซาบซึ้งใจมาก เธอหรี่ตาลงเล็กน้อย “ซูฉิงคนนี้เหมือนกับคนตีสองหน้า ฝั่งหนึ่งกับฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ชัดเจน อีกฝั่งก็จงใจเข้าใกล้เฉินจุนเหยียน”
เมื่อพนักงานได้ยินอย่างนั้น ความสำเร็จก็ฉายแวบเข้ามาในตาของพวกเขา
เป้าหมายของเธอในการสร้างความร้าวฉานนั้นได้สำเร็จแล้ว
หลังจากที่เจียงเสว่ยี๋ออกไป พนักงานก็ส่งข้อความถึงอู๋ชิงหร่าน “ทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ!”
หลังจากนั้นการถ่ายทำก็ดำเนินต่อไป การถ่ายทำเป็นฉากเต้นรำที่เจียงเสว่ยี๋เต้นรำนางฟ้าโปรยดอกไม้ในงานเลี้ยง
ผ่านไปด้วยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ
ทันทีที่จบลง ซูฉิงก็เตรียมตัวออกไป
วันนี้ทั้งวันเธอสวมเสื้อผ้าหนักเจ็ดถึงแปดปอนด์ ทั้งยังสวมมงกุฏห้าถึงหกปอนด์ไว้บนศีรษะจนคอเธอแทบหักอยู่รอมร่อ
ตอนนี้ซูฉิงอยากจะนอนสักตื่น
หลังจากเก็บของเสร็จแล้ว ซูฉิงก็ออกจากกองถ่าย ทันทีที่เธอออกมาก็เห็นรถโรลส์รอยซ์สีดำจอดอยู่ตรงหน้าอย่างพอดิบพอดี
ฮ่อหยุนเฉิงที่สวมชุดสูทสีดำทำมือที่อวดรูปร่างสมบูรณ์แบบของเขาก้าวลงจากรถ
แสงตะวันยามอัสดงสาดส่องลงมาจนเหมือนมีออร่า หล่อเหลาวาววับ ดึงดูดความสนใจของผู้หญิงหลายคนตรงริมถนน
“ฮ่อหยุนเฉิง นายมาได้ไงน่ะ?” ซูฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าเขากำลังประชุมที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปเหรอ?
ฮ่อหยุนเฉิงก้าวขาเรียวยาวเดินไปทางซูฉิงอย่างสง่างาม ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย “ฉันมารับเธอไง”