ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาแผ่ไปทั่วลำคอ คลอเคลียที่ใบหูจนซูฉิงรู้สึกจักจี้
ใบหน้าของซูฉิงแดงก่ำ “นายพูดอะไรไร้สาระน่ะ? เมื่อกี้ฉันกับเฉินจุนเหยียนแค่ถ่ายละครเท่านั้นเองนะ”
“ถึงจะถ่ายละครก็ไม่ได้!” ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงครอบงำ
เมื่อนึกถึงฉากที่ซูฉิงและเฉินจุนเหยียนแสดงละครเมื่อกี้ ดวงตาฮ่อหยุนเฉิงก็ไปด้วยความโกรธ
ทันทีที่เขาก้มศีรษะ ฮ่อหยุนเฉิงก็จูบกลีบปากบางเย้าเสน่ห์ของซูฉิง
“อื้อ อื้อ…” คำพูดของซูฉิงถูกขัดขวางทันที
ในหัวเธอตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่า
ผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไรน่ะ?
นี่ยังอยู่ในกองนะ!
คนผ่านไปมาตั้งมากมาย…
พระเจ้า!
เฉินจุนเหยียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็พลันหรี่ลงทันที
ตอนที่เขากำลังถ่ายละครเมื่อกี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกถึงความรู้สึกถึงระยะห่างของซูฉิง
แต่ตอนนี้เธอกำลังจูบฮ่อหยุนเฉิงต่อหน้าทุกคน…
หัวใจของเฉินจุนเหยียนดิ่งลงทีละน้อย
ไม่ใช่แค่เฉินจุนเหยียนเท่านั้นที่เห็นฉากนี้ แต่ทีมงานที่เหลือยังเห็นฉากที่ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงจูบกันอย่างดูดดื่มด้วย
พนักงานยืนอยู่ด้วยกันสองสามคนต่างก็ซุบซิบถึงเรื่องนี้
“คุณซูกับคุณฮ่อไม่ใช่ว่าถอนหมั้นกันแล้วเหรอ? ทำไมตอนนี้…”
“แล้วทำไมล่ะ? ไม่เห็นว่าช่วงนี้คุณฮ่อมากองเป็นเพื่อนซูฉิงตลอดหรือไง? ไม่แน่ถ่านไฟเก่าอาจกำลังระอุก็ได้”
“แต่ฉันยังคิดว่าซุปเปอร์สตาร์เฉินเข้ากับคุณซูได้มากกว่านะ”
“…”
เสียงการสนทนาดังก้องเข้ามาในหูของซูฉิง เธอรู้สึกแค่ว่าใบหน้าของเธอร้อนจัด ก่อนจะรีบดันตัวฮ่อหยุนเฉิงออกทั้งยังมองเขาอย่างร้อนใจและหงุดหงิด “คนตั้งเยอะตั้งแยะ อย่าให้มันเกินไปนะ!”
“เกินไป?”
ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกริมฝีปาก ดวงตาสีเข้มของเขาราวกับมีแสงสลัวมองลงไปที่ซูฉิงและพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันทำได้มากกว่านี้ เธออยากลองดูไหมล่ะ?”
“นาย!” ซูฉิงพูดไม่ออกก่อนจะกลอกตาใส่อีกคน “น่าเบื่อจริงเลย! นายรีบไปทำงานที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ปเลยไป อย่ามารบกวนฉันถ่ายละคร!”
“ไม่อยากเจอฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงทรุดลง
“เปล่านะ” ลมหายใจเย็นเยียบของชายตรงหน้าพุ่งเข้ามา ก่อนที่ซูฉิงจะอธิบายอย่างอดทน “ฉันไม่ได้บอกเหรอ ว่านายจะรบกวนฉัน…”
เมื่อเห็นซูฉิงไล่เขาออกไป ดวงตาของฮ่อหยุนเฉิงก็นิ่งลง ในขณะที่จะเอ่ยปาก โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์แต่ก็ยังรับสาย
หลินเหยียนเฟิงเป็นคนโทรมา
“ท่านประธานครับ กรุ๊ปทางนี้จะจัดประชุมระดับสูงในบ่ายวันนี้ ต้องการให้ท่านกลับมาจัดการด้วยตนเองครับ ท่านว่า…”
“เข้าใจแล้ว” ฮ่อหยุนเฉิงพูดคำสั้นๆ อย่างเฉยเมยก่อนจะวางสายไป
“ทางตระกูลฮ่อกรุ๊ปมีธุระ นายก็รีบกลับไปจัดการเถอะ” ซูฉิงที่ยืนอยู่ข้างฮ่อหยุนเฉิงจนได้ยินเสียงในโทรศัพท์อย่างชัดเจน
“งั้นเธอก็ระวังตัวด้วยนะ” ฮ่อหยุนเฉิงมองเธออย่างสดใส
เขาชายตามองเฉินจุนเหยียนที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้ง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องรักษาระยะห่างจากผู้ชายคนนั้น”
ท่าทางเขาแบบนี้คือ…หึงเหรอ?
ซูฉิงพูดประชด “เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเปลี่ยนชุดแล้ว”
ซูฉิงเห็นว่าเวลาใกล้จะหมดลงเธอจึงไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอโบกมือและไปที่ห้องแต่งตัว
ดวงตาลึกจ้องไปที่ร่างของซูฉิงที่จากไป จากนั้นฮ่อหยุนเฉิงจึงล้วงมือเข้ากระเป๋าและเดินออกไป
หลังจากที่ซูฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอแล้ว เธอก็ไปที่ฉากเพื่อเตรียมตัว
อีกเดี๋ยวจะถ่ายฉากที่เธอและเจียงเสว่ยี๋จะเป็นคู่ปรับกัน
เจียงเสว่ยี๋รับบทเป็นจักรพรรดินีในละครเรื่องนี้ หลิงเฟยที่ซูฉิงเล่นนั้นเป็นที่ชื่นชอบขององค์จักรพรรดิที่รับบทโดยเฉินจุนเหยียน ในเนื้อเรื่อง เธอถูกจักรพรรดินีอิจฉาและได้พบกับจักรพรรดินีในสวนของจักรพรรดิ จักรพรรดินีใช้โอกาสนี้เพื่อใช้สถานะตนมาจัดการกับลิงเฟย
และพอดีกับที่ว่าหลิงเฟยเองก็ไม่ต้องการอยู่ในวัง จึงจงใจขัดแย้งกับจักรพรรดินี และทั้งสองก็ทะเลาะกันใหญ่โต
“ฉากนี้จัดเตรียมเสร็จแล้ว นักแสดง ขันทีกับสาวใช้เตรียมแสตนบายได้!”
หลังจากเห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว ผู้ช่วยผู้กำกับก็ตะโกนบอกทุกคนที่มาด้วยโทรโข่ง
ในทันทีที่ทุกคนเข้าสู่โหมดทำงาน ซูฉิงและเจียงเสว่ยี๋ก็เดินไปตามถนนของวังในสวนดอกไม้ ทั้งยังมีสาวใช้ส่วนตัวคอยตามไปด้วย
ไม่กี่วินาทีต่อมา ทั้งสองได้พบกันที่ใจกลางถนนวัง
ตามบท ซูฉิงเห็นว่าเจียงเสว่ยี๋แต่ก็ไม่ได้ทำความเคารพ ทั้งยังเมินเฉยและเดินไปผ่านไป
“ช้าก่อน!”
เจียงเสว่ยี๋ดุเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา “เห็นข้าแล้วยังกล้าที่จะเพิกเฉยอีก ช่างไร้มายาทนัก!”
“ที่แท้ก็เป็นเสด็จพี่จักรพรรดินี ตัวน้องนั้นไม่เห็นจริงๆ เพคะ” ซูฉิงยิ้มเบาๆ และยั่วโมโหอย่างใจเย็น
“ข้าว่าช่วงนี้เจ้าถูกจักรพรรดิตามใจจนนิสัยเสีย วันนี้ข้าต้องสั่งสอนเจ้าเสียแล้ว จะได้รู้จักเจียมตัวเสียที!” เจียงเสว่ยี๋โบกมือเรียกขันทีสองคนให้จับซูฉิงไว้
โครงเรื่องต่อไปคือการโยนซูฉิงลงในแปลงดอกไม้ที่เพิ่งรดน้ำจนเต็มไปด้วยโคลน
ดวงตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้างดงามและมีเสน่ห์ของซูฉิง และนึกถึงฉากเมื่อกี้ที่ซูฉิงและเฉินจุนเหยียนถ่ายทำฉากจูบ ความหึงหวงของเจียงเสว่ยี๋ก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซูฉิง เธอกล้าดียังไง!
เมื่อนึกอย่างนั้น ก่อนที่จะรอให้นักแสดงที่เล่นเป็นขันทีเคลื่อนไหว เจียงเสว่ยี๋ก็ยกมือก่อนจะตบไปที่ใบหน้าของซูฉิงอย่างแรง
เพียะ…
เสียงดังชัดเจน
ซูฉิงถึงกับตะลึงไป
แรงตบของเจียงเสว่ยี๋นั้นมาก ใบหน้าของซูฉิงที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างละเอียดอ่อนและสวยงาม ทันใดนั้นก็กลายเป็นสีแดงและบวม
“คัต!” อู่กังยี่ตะโกนเสียงดัง
ทุกคนมองทั้งหมดนี้ด้วยความประหลาดใจ เพราะมันต่างไปจากสคริปต์อย่างสิ้นเชิง
“เจียงเสว่ยี๋เธอเป็นอะไรน่ะ? ทำไมไม่เล่นตามบท?” อู่กังยี่ขมวดคิ้ว
เจียงเสว่ยี่เม้มปาก “ขอโทษค่ะผู้กำกับอู่ เมื่อกี้ฉันอารมณ์ขึ้นเพราะอินกับบทไปหน่อยน่ะค่ะ”
พูดจบดวงตาของเจียงเสว่ยี๋ก็หันไปหาซูฉิง “คุณซูคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากทำให้มันน่าตื่นเต้นมากขึ้น หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจกันนะคะ”
“จริงด้วยเสว่ยี๋ เธอเองก็ทุ่มเทและชอบอินกับบทมาก คุณซูคะ ฉันขอโทษแทนเธอด้วยนะคะ” หลินเมี่ยวหลินที่อยู่ข้างๆ ไม่รอให้ซูฉิงเอ่ยปากก็รีบขอโทษด้วยท่าทางจริงใจทันที
ใบหน้าของเธอมีอาการปวดแสบปวดร้อน และซูฉิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
ไม่ได้ตั้งใจ?
จะเป็นไปได้ไง?
ความริษยาและความเกลียดชังของเจียงเสว่ยี๋ที่มีต่อเธอเมื่อกี้ ซูฉิงนั้นสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน
แต่ว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าฉากเมื่อกี้เจียงเสว่ยี๋เล่นได้ดีมาก
เพราะเป็นฮากที่ทางจักรพรรดินีในละครก็มีความรู้สึกเช่นนั้นกับหลิงเฟย
อาจกล่าวได้ว่าการตบเมื่อกี้ของเจียงเสว่ยี๋นั้นคือการตีความความรู้สึกของตัวละครได้อย่างเต็มที่
ซูฉิงยิ้มเบาๆ “คุณเล่นได้ดีมาก คุณแสดงความรู้สึกอิจฉาริษยาได้จริงๆ จริงๆ แล้วที่จักรพรรดินีตบหลิงเฟยก็ไม่มีอะไรผิด จัดการได้ดีมาก!”
เจียงเสว่ยี๋ตกใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น
เธอไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? นี่ซูฉิงกำลังชมเธอ?
ทำไมซูฉิงถึงไม่มีท่าทีตามปกติ?