ในขณะที่ฮ่อหยุนเฉิงกำลังจะไปไกลกว่านั้น โทรศัพท์ในกระเป๋าของซูฉิงก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
และทันใดนั้นที่ซูฉิงก็พลันได้สติ
พระเจ้า นี่เธอเป็นอะไรน่ะ เมื่อกี้เธอไม่ขัดขืนเลยนี่…
ซูฉิงผลักฮ่อหยุนเฉิงออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวก่อนจะอ้าปากหายใจและหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา
เมื่อก้มมองลงไป ก็เป็นเฉินจุนเหยียนที่โทรเข้ามา
ซูฉิงตั้งสติก่อนจะกดรับ
“ซูฉิง อาการเธอเป็นยังไงบ้าง” เสียงกังวลของเฉินจุนเหยียนดังมา
“ฉันไม่เป็นไร” ซูฉิงตอบเสียงเบา
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ” เฉินจุนเหยียนพยักหน้าและพูดอย่างลังเล “จริงสิ หยิ่นห้าวหนานถามพนักงานประกอบฉากแล้ว ที่น็อคมันคลายนั้นเป็นอุบัติเหตุ”
“อุบัติเหตุเนี่ยนะ?” ซูฉิงถามกลับ
“เขาพูดอย่างนั้นน่ะ” เฉินจุนเหยียนขมวดคิ้ว
“เข้าใจแล้ว” ซูฉิงไม่พูดอะไรอีก
หลังจากวางสาย ซูฉิงก็หรี่ตาที่สวยงามของเธอลงเล็กน้อย
อุบัติเหตุเนี่ยนะ?
เป็นไปได้ยังไงกัน?
ซูฉิงรู้ดีว่าว่าเรื่องนี้มันไม่ใช่อุบัติเหตุ
แต่ทว่าตอนนี้เธอจะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้
ในเมื่อเฉินจุนเหยียนพูดอย่างนั้น เธอก็จะไหลไปตามน้ำก่อน เพื่อให้คนที่บงการอยู่ไม่ระวังตัวและเผยช่องโหว่ออกมา
ขณะที่ซูฉิงกำลังคิด ตรงหน้าก็เริ่มสัมผัสได้ถึงไอเย็นยะเยือก
“เฉินจุนเหยียนโทรหาเธอทำไม?” ใบหน้าหล่อเหลาของฮ่อหยุนเฉิงฉายแววอารมณ์เสียอย่างมาก
ที่ฮ่อหยุนเฉิงไม่สบายใจ ซูฉิงก็มองออก
เมื่อนึกถึงที่เมื่อกี้ทั้งสองกำลังจะมีเรื่องกัน ซูฉิงก็กลืนน้ำลาย และรู้สึกว่าลมหายใจเขายังคงอยู่ที่ริมฝีปากของเขา “ไม่มีอะไร ฉันกลับห้องก่อน”
เธอกระโดดลงจากโต๊ะ ก่อนจะจัดเสื้อผ้าที่ไม่รู้ว่าฮ่อหยุนเฉิงแกะออกจากกันไปตั้งแต่เมื่อไร ก่อนจะรีบกลับห้องตัวเองไป
เมื่อเห็นซูฉิงหนีไป ฮ่อหยุนเฉิงก็ยืนอยู่ที่เดิม มือใหญ่ลูบไล้ริมฝีปากเบา ๆ และดวงตาลึกก็พลันวูบไหว
แม้ว่าซูฉิงจะไม่อยู่ในครัวแล้ว แต่ราวกับยังมีความปรารถนาที่คลุมเครือเมื่อกี้ของพวกเขา
ฮ่อหยุนเฉิงเชื่อว่าอีกไม่นานซูฉิงต้องตกลงกลับมาอยู่กับเขาแน่
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่แดดจ้า ท้องฟ้าแจ่มใส ทั้งยังเป็นสีฟ้าสุดลูกหูลูกตา
ซูฉิงจะไปเข้ากองตามปกติ แต่กลับถูกฮ่อหยุนเฉิงหยุดไว้
“ทำไมเหรอ?” ซูฉิงมองเขาอย่างสงสัย
“วันนี้ฉันจะไปกองกับเธอด้วย” ฮ่อหยุนเฉิงดึงเธอเข้าไปในรถโดยไม่ถามความเห็น
“นายไม่ทำงานเหรอ?” ซูฉิงที่นั่งในรถถามเขาอย่างแปลกใจ
ฮ่อหยุนเฉิงกล่าวเพียงสั้นๆ “หยุด”
เจ้านายลาหยุดให้ตัวเอง?
ซูฉิงขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ถามอะไรอีก
เมื่อถึงกองถ่าย ซูฉิงก็ไม่สนใจฮ่อหยุนเฉิง เพราะต้องรีบแต่งหน้า
ปัญหาของละครโบราณคือต้องใช้เวลาในการแต่งหน้านาน แต่งหน้าแต่งตัว แต่ละชิ้นมีความซับซ้อนและยุ่งยากมาก
ซูฉิงอ่านสคริปต์ในมือในห้องแต่งตัวและพยายามคิดหาวิธีแสดงให้ดี
แม้ว่าจะเป็นนักแสดงรับเชิญ แต่ซูฉิงก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
ในขณะนั้นเองประตูห้องแต่งตัวก็ถูกเคาะ
“เข้ามาได้ค่ะ” พนักงานรีบเดินไปเปิดประตู
ผ่านกระจกบานใหญ่ตรงหน้าเธอ ซูฉิงเห็นเฉินจุนเหยียนเดินเข้ามาพร้อมกับหยิ่นห้าวหนานผู้ช่วยของเขา ตามด้วยชายวัยกลางคน
ซูฉิงขมวดคิ้วและมองเฉินจุนเหยียน “มีอะไรหรือเปล่า?”
“คนนี้คือพนักงานที่ดูแลอุปกรณ์ประกอบฉากในวันนั้น” เฉินจุนเหยียนชี้ไปที่คนที่พามาก่อนจะอธิบายให้ซูฉิงฟัง
“คุณซู ผมมาเพื่อขอโทษครับ” พนักงานประกอบฉากเดินมาโค้งคำนับให้ซูฉิงอย่างจริงใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะความประมาทของผมคุณคงจะไม่ได้รับบาดเจ็บ จนเกือบเป็นเรื่องใหญ่ ต้องขอโทษด้วยนะครับ!”
ซูฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ถ้าเธอจำไม่ผิด คนประกอบฉากคนนี้เป็นเด็กใหม่
เพราะงั้น…เขาเป็นคนทำ?
แต่ว่าเธอไม่รู้จักคนๆ นี้เลย และไม่มีความคับข้องใจหรือเป็นปฏิปักษ์อะไรกัน ทำไมเขาถึงต้องทำร้ายเธอด้วย?
สงสัยคงมีคนอยู่เบื้องหลังคอยสั่งการ
ในเมื่อคอนนี้เขายืนยันว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เธอก็จะเก็บไว้ไปคิดบัญชีทีหลังและเพื่อล่อคนบงการออกมา
เมื่อนึกอย่างนั้น ซูฉิงก็วางสคริปต์ในมือของเธอแล้วยิ้ม “ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็ไม่คาดคั้น แต่วันหลังต้องระวังหน่อย อย่าพลาดอีก”
เมื่อเห็นว่าซูฉิงให้อภัยตัวเองอย่างง่ายดาย พนักงานประกอบฉากก็ประหลาดใจ
เขาเหลือบมองเฉินจุนเหยียนที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นขอบคุณคุณซูมากนะครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“อืม” ซูฉิงพยักหน้าเบาๆ และพนักงานคนนั้นก็ออกไป
แต่เฉินจุนเหยียนยังคงยืนอยู่กับหยิ่นห้าวหนาน
“พวกนายยังมีอะไรอีกงั้นเหรอ?” ซูฉิงไม่ได้หันมอง เพียงถามผ่านกระจก
“ฉันอยากคุยกับเธอเกี่ยวกับบทบาทที่เรากำลังจะเล่นน่ะ” เฉินจุนเหยียนพูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างซูฉิง
ซูฉิงอ่านบทแล้วและรู้ว่าอีกเดี๋ยวพวกเขามีฉากจูบ
ฉากที่ซูฉิงและเฉินจุนเหยียนกำลังจะถ่ายทำในวันนี้คือจักรพรรดิที่เล่นโดยเฉินจุนเหยียนแสดงความรักต่อหลิงเฟยที่เล่นโดยซูฉิงในป่าของวัง
แต่หลิงเฟยมีคนรักอยู่แล้วและไม่ได้ชอบจักรพรรดิอยู่แล้ว เธอจึงปฏิเสธเขา
จักรพรรดิโกรธจึงโกรธและจูบหลิงเฟยอย่างดุดัน
“หลิงเฟย เจ้าคือผู้หญิงของข้า ใจเจ้าก็ต้องมีแค่ข้า ข้าขอห้ามไม่ให้เจ้านึกถึงชายอื่น!”
เฉินจุนเหยียนที่มีอำนาจเหนือกว่ามาก และมีร่องรอยของความคับข้องใจบนใบหน้า เขายื่นมือออกมาถึงซูฉิงเข้าไปในอ้อมแขนโดยไม่สนใจที่เธอดิ้นรนและกักขังเธอเอาไว้
ท่าทางแบบนี้ เธอตั้งใจที่จะเอาชนะจักรพรรดิแต่หลิงเฟยเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอที่เล่นโดยซูชิง ความแข็งแกร่งของเธอจึงด้อยกว่าเขาโดยธรรมชาติ
ซูฉิงพยายามแต่ก็ไม่เป็นผล เฉินจุนเหยียนก้มศีรษะและกดจูบเธออย่างแรง
ทั้งสองจูบกันอย่างลึกซึ้งและเข้มข้น
ฮ่อหยุนเฉิงซึ่งอยู่ไม่ไกลเห็นฉากนั้นใบหน้าก็พลันตึงเครียด ร้อนรุ่มด้วยความโกรธ แผ่ความเย็นยะเยือกออกมาอย่างน่ากลัว
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเฉินจุนเหยียนและซูฉิงไม่ได้จูบกันจริงๆ เป็นเพียงมุมกล้องแต่ถึงอย่างนั้นเขาที่เห็นซูฉิงอยู่ในอ้อมแขนอีกคน และทั้งสองก็อยู่ใกล้กันมาก ใจเขาก็รู้สึกอึดอัด
“คัท!”
เมื่อเห็นว่าได้แล้ว อู่กังยี่ก็ตะโกนเสียงดัง “ดีมาก ถ่ายได้ดีมาก ทุกคนเตรียมตัวสำหรับฉากต่อไปได้เลยนะครับ”
ซูฉิงออกจากฉากทันทีและแยกตัวจากเฉินจุนเหยียน
“ซูฉิง…
“เฉินจุนเหยียนที่อยากจะพูดอะไรกับซูฉิงสักหน่อย แต่ฮ่อหยุนเฉิงก็เข้ามาดึงซูฉิงไป
“มีอะไรหรือเปล่า?” ทั้งสองคนมาที่ด้านหนึ่ง และซูฉิงก็ถามเสียงเรียบ
ใบหน้าของฮ่อหยุนเฉิงมืดมนมองลงมาที่ซูฉิงก่อนจะขมวดคิ้วและยกมือขึ้น
“ปวดมือ”
ลมหายใจเย็นเฉียบกระทบใบหน้าจนซูฉิงเม้มปาก “มือนายไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เป่าให้ฉันหน่อยสิ” ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย ทั้งดวงตายังแสดงความเย็นเฉียบ
เมื่อนึกคิดถึงฉากที่เธอและเฉินจุนเหยียนถ่ายเมื่อกี้ ใจฮ่อหยุนเฉิงก็เกิดรู้สึกอิจฉา
ซูฉิงที่รู้ดีว่าทำไมเขาถึงโกรธ และกำลังเปิดปาก ฮ่อหยุนเฉิงก็เอื้อมมือออกไปจับเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
เขาก้มศีรษะลงและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาข้างใบหูของเธอ “ซูฉิง เธอเป็นของฉัน! มีเพียงฉันเท่านั้นที่จูบเธอได้!”