“ฮ่อหยุนเฉิง นายไม่เป็นไรใช่ไหม?” มองรอยฟกช้ำขนาดใหญ่บนมือของฮ่อหยุนเฉิง ซูฉิงก็ถามอย่างเป็นห่วง
ทันใดนั้น อารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดขึ้นในใจเธอ
เขาปกป้องเธอจนเจ็บตัวอีกแล้ว…
ฮ่อหยุนเฉิงมองท่าทางกังวลของผู้หญิงตรงหน้า ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย ทั้งดวงตาก็มีรอยยิ้ม “เจ็บเพื่อเธอมันก็คุ้มนะ”
คำพูดของเขาทำให้ใบหูของซูฉิงแดง
ผู้ชายคนนี้นี่หยอกไม่รู้เวล่ำเวลาจริงๆ
เมื่อมองดวงตาลึกของเขา เธอก็หันหน้าหนีและลุกขึ้นยืน “ฉันจะหาชุดปฐมพยาบาลมาทำแผลให้”
หลังจากหากล่องยาที่ท้ายรถ ซูฉิงก็ถือกล่องกลับไปหาฮ่อหยุนเฉิง ก่อนจะหยิบไอโอดีนและผ้าก๊อซออกมา
“ยื่นมือมา” เสียงของซูฉิงอ่อนลงมากโดยไม่รู้ตัว
ฮ่อหยุนเฉิงวางมือเบาๆ บนฝ่ามืออันอ่อนนุ่มของซูฉิง
ซูฉิงมองไปที่บาดแผลที่น่าตกใจบนมือของเขาก่อนจะขมวดคิ้ว
“คราวหน้าถ้าเรื่องไหนที่ไม่แน่ใจก็ไม่ต้องทำนะ”
ขณะที่ซูฉิงพูด เธอก็ค่อยๆ เช็ดแผลของเขาด้วยสำลีชุบไอโอดีนเพื่อฆ่าเชื้อ
การเคลื่อนไหวของเธอนั้นอ่อนโยนมาก แถมยังเป็นความอ่อนโยนที่ตัวเองไม่ทันรู้ด้วยซ้ำ
ฮ่อหยุนเฉิงพิงเบาะนั่งข้างหลังเขา เท้าคางด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะจ้องมองไปที่การเคลื่อนไหวของผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยดวงตาลึกล้ำ
เมื่อมองใบหน้าเล็กๆ ของเธอที่จริงจังกับการทำแผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเธอเป็นห่วงเขา ริมฝีปากสีแดงของเธอเม้มลงเล็กน้อย จนทำหัวใจของเขาเต้นแรงมากขึ้นไปอีก
หลังจากฆ่าเชื้อเสร็จ ซูฉิงก็พันผ้าก๊อซก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เสร็จแล้ว แต่ฉันแนะนำให้ไปโรงพยาบาลหน่อยนะ จะได้ไม่เป็นบาดทะยักหรืออะไรทำนองนั้น ไม่งั้นมันจะลำบากมาก”
ขณะที่เธอพูดก็เงยหน้าขึ้นมองฮ่อหยุนเฉิง แต่ทว่ากลับไม่อยากปะทะกับนัยน์ตาสีดำของเขา
ดวงตาของเขาราวกับมีพลังเวทย์มนตร์ที่ดึงดูดเธอ
มือของซูฉิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะจ้องมองเขาอย่างเหม่อลอย
รูปลักษณ์อันตระการตาของเธอช่างน่ารักจนบอกไม่ถูกเลยว่ามันน่ารักมากแค่ไหน
ลูกกระเดือกของฮ่อหยุนเฉิงขยับขึ้นลงก่อนเขาจะคว้าตัวซูฉิงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา
เขาก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากสีชมพูของเธอ…
เมื่อมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยที่ค่อยๆ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา…จนกระทั่งตอนกำลังจะสัมผัส ซูฉิงก็ได้สติขึ้นมา
“นายทำอะไรน่ะ!” ซูฉิงผลักฮ่อหยุนเฉิงออกไป
เธอเอื้อมมือไปจับผมที่ยุ่งข้างใบหูของเธอก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “นายบาดเจ็บขนาดนี้ยังจะคิดเรื่องแบบนี้อีก…”
ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกริมฝีปาก “ไม่ใช่เพราะคนข้างๆ เป็นเธอหรือไงล่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียง ฮ่อหยุนเฉิงก็ลุกขึ้นคร่อมซูฉิงอีกครั้ง
ซูฉิงรีบเอื้อมมือออกไปดันหน้าอกอีกคน “ยังจะอีกนะ!”
“หือ?” ฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วและเหลือบมองซูฉิงพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
จากนั้นก็ดึงเข็มขัดนิรภัยข้างๆ มาใส่ให้อีกคนก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “เธอคิดอะไรน่ะ ฉันแค่ตะคาดเข็มขัดนิรภัยให้เองนะ”
ซูฉิง “…”
เมื่อกี้ผู้หญิงตรงหน้าทำท่าขู่ ฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้หยอกล้อเธออีก
เขานั่งลงที่นั่งคนขับก่อนจะสตาร์ทรถ แต่เขากลับไม่ได้ขับไปทางโรงพยาบาล
“ไม่ไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ มีเธอที่เป็นหมอก็พอ” ฮ่อหยุนเฉิงหันศีรษะไปมองซูฉิง
ขับรถกลับบ้าน ทั้งสองก็เงียบตลอดทาง
กลับมาถึงวิลล่า ซูฉิงที่กำลังจะกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน กลับไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงอ่อนนุ่มของฮ่อหยุนเฉิงจากด้านหลัง “ซูฉิง…”
เธอชะงักฝีเท้าและหันกลับไป ซูฉิงก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงนั่งหน้าซีดอยู่บนโซฟา
“นายเป็นอะไรน่ะ?” หัวใจของซูฉิงทรุดฮวบลงทันทีก่อนจะถามด้วยความเป็นห่วง
เธอรีบเดินเข้าไปอังมือที่หน้าผากของเขา
ไม่ร้อนไม่มีไข้นี่นา
ซูฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และทันทีที่เธอก้มศีรษะลง เธอก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงเลิกคิ้วมองมาที่เธอ ก่อนจะยกยิ้ม “ฉันหิวน่ะ”
“งั้นฉันไปทำบะหมี่ให้” ซูฉิงคิดอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยปาก
เธอหันเดินไปที่ห้องครัวเพราะกังวลว่าเขาจะหิวมาก ก่อนจะทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบเร็วมาก และใช้เวลาต้มเพียงเจ็ดถึงแปดนาทีเท่านั้น
ขณะนั้นเองกลิ่นของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องนั่งเล่น
ซูฉิงที่กำลังจะหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมา ทันใดนั้นเสียงทุ้มของฮ่อหยุนเฉิงก็ดังขึ้นข้างใบหูของเธอ “หอมจัง”
ฮ่อหยุนเฉิงกอดเอวของเธอจากด้านหลัง ก่อนจะวางคางบนไหล่เรียวของเธอ
“หลีกหน่อย” เมื่อเผชิญหน้ากับฮ่อหยุนเฉิงที่บาดเจ็บ ซูฉิงก็ดันเขาออกอย่างลังเล “ฉันจะยกออกไปให้นายกินเนี่ย”
“ฉันจะกินตอนนี้” ร่างสูงตระหง่านยืนพิงกับเตา แต่ดวงตาลึกของเขาจ้องไปยังซูฉิง
ดวงตาที่แผดเผาของเขาทำให้ซูฉิงสงสัยว่าเขาอยากจะกินบะหมี่หรือ…เธอกันแน่
ใบหน้าของซูฉิงร้อนอบ่างช่วยไม่ได้ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?
สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะไล่ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ในใจออกไป แล้วยื่นตะเกียบในมือให้ฮ่อหยุนเฉิง “เอาไป ระวังร้อนด้วย”
“แต่มือฉันบาดเจ็บจนจับตะเกียบไม่ได้นะ เธอป้อนฉันได้ไหม?” ฮ่อหยุนเฉิงกระตุกริมฝีปากแสร้งทำเป็นอ่อนแอ
เพราะถึงยังไงเขาก็บาดเจ็บเพราะช่วยเธอ แถมมือเขาก็จับตะเกียบไม่ได้จริงๆ
ถ้าเธอปฏิเสธเธอคงดูเนรคุณเกินไปใช่ไหม?
เมื่อนึกอย่างนั้น ซูฉิงก็เม้มปาก “ก็ได้”
เธอยกชามบะหมี่ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหยิบตะเกียบ เธอเป่าเบาๆ จนบะหมี่เย็น เธอจึงยื่นให้ฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงเองก็อ้าปากกินอย่างให้ความร่วมมืออย่างมาก
หลังจากผ่านไป ชามบะหมี่ก็ถึงก้นถ้วย
“กินเสร็จแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ”
ซูฉิงวางชามลง ทั้งยังมีอาการอ่อนเพลีย
หลังจากวุ่นวายมาทั้งวัน วันนี้เธอจึงเหนื่อยมาก และตอนนี้เธอเพียงแค่อยากรีบพักผ่อนเท่านั้น
แต่ในวินาทีถัดมา แรงมหาศาลก็ส่งมาที่เอวและตัวซูฉิงก็ตกลงไปในอ้อมแขนของฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงเหยียดมือใหญ่ของเขาออกมา ก่อนจะดันกายซูฉิงติดโต๊ะครัวและกักขังไว้ในอ้อมแขนของเขา
“นายจะทำอะไรน่ะ?” ซูฉิงขมวดคิ้วและมองดวงตาที่ลุกไหม้ของผู้ชายตรงหน้า
“รู้แล้วยังจะถามอีกนะ” ฮ่อหยุนเฉิงก้มศีรษะกระซิบข้างหูเธอ
ลมหายใจอุ่นๆ ที่เขาหายใจออกทำให้ผิวหนังของเธอตื่นตัวจนกลายเป็นสีชมพูเล็กน้อย
กลิ่นมินต์ที่แผ่กระจายจากกายเขา จนทำหัวใจเธอเต้นเร็วขึ้น
ยังไม่ทันเชยตามอง ฮ่อหยุนเฉิงก็ประกบจูบลงมา
คราวนี้ฮ่อหยุนเฉิงจูบอย่างอ่อนโยนและค่อยๆ ทดสอบความอดทนเธอ
ซูฉิงสะดุ้งเล็กน้อย เท้าของเธอลื่น เธอจึงเอื้อมมือออกไปโอบรอบเอวเขาโดยไม่รู้ตัว
การกระทำดูเหมือนจะเป็นแรงกระตุ้นฮ่อหยุนเฉิง ความอ่อนโยนของเขาถูกแทนที่ด้วยการกระทำที่ร้อนแรงและกระตือรือร้นทันที
เขาเหยียดฝ่ามือใหญ่ไปหนุนเอวเรียวบางของเธอก่อนจะยกเธอขึ้นนั้งบนโต๊ะครัว
ฮ่อหยุนเฉิงใช้ร่างสูงตระหง่านของเขากักตัวซูฉิงและล็อคด้านหลังศีรษะเพื่อป้องกันไม่ให้เธอดิ้น
จูบที่ท่วมท้นของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนซูฉิงรู้สึกหายใจไม่ทัน…