ตอนที่ 622 ความลับแห่งระบบเทพสงคราม

Worlds’ Apocalypse Online หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา ออนไลน์

กู่ฉิงซานกล่าวในทันที “แน่นอนว่าผมไม่คัดค้านอะไร ถ้าพวกคุณยินดีกลับไปกับผม ผมก็จะต้อนรับและให้ความบันเทิงแก่พวกคุณอย่างเต็มที่”

แบรี่ยิ้มและกล่าว “นายน่ะเก่งในการทำอาหาร เหล้าหรือไวน์ที่ทำออกมาก็รสชาติดีเยี่ยม และฉันเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าโลกแบบไหนกันนะ ที่ได้ถือกำเนิดสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในสายอาหารแบบนี้ขึ้น”

“น่าตื่นเต้นจัง ฉันเองก็ไม่เคยไปยังโลกกระจัดกระจายมาก่อนเลย ในที่สุดคราวนี้ก็จะได้ไปเสียที ส่วนตัวฉันเองก็อยากจะไปเห็นที่ที่นายเรียกว่าโลกหกวิถีอยู่เหมือนกัน ว่ามันจะเป็นอย่างไร” เสี่ยวเหมียวหัวเราะ

ดูเหมือนเธอจะยังไม่เชื่อว่ามันเป็นโลกหกวิถีจริงๆ

“แต่เดี๋ยวก่อนนะ” เสี่ยวเหมียวอุทานขึ้นอย่างกะทันหัน

เธอผายสองมือออกแล้วอธิบาย “หลังจากผ่านการต่อสู้ในสงครามครั้งใหญ่มา เสื้อผ้าของฉันก็สกปรกไปหมดเลย ฉะนั้นฉันคงต้องขอตัวไปเปลี่ยนมันก่อน”

กู่ฉิงซานกับแบรี่กวาดสายตามองเธอขึ้นลงพร้อมกัน

เห็นแค่เพียงเสี่ยวเหมียวในชุดหนังสือดำ กางเกงรัดรูปยังคงเงางาม ไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของฝุ่นผงให้ได้เห็น

เอ่อ…นี่มันสกปรกตรงไหน?

ทั้งสองผุดความคิดนี้ขึ้นมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

ไม่ไยดีใดๆ ต่อสายตาคนอื่น เสี่ยวเหมียวหันเดินกลับเข้าไปในสมาคม ปากเอ่ยกล่าว “ถ้าใจเรารู้สึกว่าสกปรก มันก็คือสกปรก! ฉันขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน…”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องสกปรก กู่ฉิงซานก็หันไปมองแบรี่อีกครั้ง

ในฐานะกำลังรบที่อยู่แนวหน้าสุดของสงคราม เสื้อโค้ตของแบรี่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ เวลานี้ดูไม่ต่างอะไรกับเศษผ้าที่ห้อยอยู่บนร่างกาย

คู่ถุงมือเหล็กเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวและคราบเลือด

กางเกงก็ขาดวิ่น แทบจะสวมใส่ไม่ได้อยู่แล้ว

“ถ้าเทียบกับเสี่ยวเหมียว ผมว่าน่าจะเป็นคุณมากกว่านะที่ควรจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” กู่ฉิงซานกล่าว

“มันยังใส่ได้อยู่เลย ฉันไม่เปลี่ยนมันหรอก” แบรี่ก้มมองเสื้อผ้าของตัวเอง และกล่าวในสิ่งที่ใจคิดออกมา

กู่ฉิงซานยังไม่ยินยอม “ผมว่าคุณควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะ อย่างน้อยมันก็น่าจะช่วยให้คุณรู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น”

“แหะๆ อันที่จริงแล้วฉันมักจะต่อสู้อยู่บ่อยครั้ง เลยไม่มีเวลาได้ออกไปซื้อชุดใหม่เลย อีกอย่างเสื้อนี่ก็พึ่งจะใส่ได้ไม่นานเองนะ” แบรี่สารภาพ

กู่ฉิงซานชะงักไปทันที

‘จริงสิ สมาคมเป็นหนี้อยู่นี่นา แถมก่อนหน้านี้อาการบาดเจ็บของแบรี่ก็ยังไม่หายดี เพราะแบบนี้เขาเลยไม่มีโอกาสได้ออกจากสมาคมไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ใช่รึเปล่า?’

ใครจะไปคิดว่าตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการที่มีชื่อเสียงไปตลอดโลกเก้าร้อยล้านชั้น จะตกอยู่ในสภาพแบบนี้

ดูเหมือนว่ารูปปั้นทองคำที่สวมเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวของแบรี่ที่ถูกตั้งไว้ตามโลกต่างๆ ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียทีเดียว ต้นตอของมันอาจจะมาจากการกระทำและความคิดแบบนี้ของแบรี่ก็ได้

กู่ฉิงซานถอนหายใจและหยิบชุดสำรองของเขาออกมา

“ขนาดตัวของผมน่าจะใกล้เคียงกันกับคุณ ถ้าไม่รังเกียจละก็”

“ไม่แน่นอน ฮ่าๆ!”

แบรี่รับเอาเสื้อผ้ามาอย่างมีความสุข และเดินหายเข้าไปในสมาคม

นอกสมาคม เหลือแค่เพียงกู่ฉิงซานถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง

ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาดังกล่าว กู่ฉิงซานเบนสายตาของเขาไปมองหน้าต่างเทพสงคราม

ฟังก์ชัน ‘ภารกิจเทพสงคราม’ กะพริบไหวอยู่ตลอดเวลา มันกำลังแจ้งเตือนข้อความบางอย่าง

กู่ฉิงซานสั่งการนึกคิดเข้าไปใน ‘ระบบเทพสงคราม’

ทันใดนั้นเอง หลากเส้นแสงหิ่งห้อยก็ผุดออกมาจากภารกิจเทพสงคราม

“คุณได้กำจัดหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ ปฏิวัติ”

“คุณได้หยุดการแพร่กระจายระบบของราชามาร และบรรลุชุดภารกิจเทพสงครามจนสมบูรณ์”

“สถานะแต้มพลังวิญญาณที่ได้รับจากภารกิจเทพสงคราม สั่งสมแต้มพลัง ได้หายไปแล้ว”

“คุณได้รับรางวัลจากภารกิจเทพสงคราม”

“รางวัล ความลับ”

“คุณต้องการที่จะตรวจสอบ ‘ความลับ’ ตอนนี้เลยหรือไม่?”

กู่ฉิงซาน “ตรวจสอบเลย”

บนหน้าต่างเทพสงคราม ไม่กี่บรรทัดตัวอักษรปรากฏขึ้นมา

“เนื่องจากคุณเป็นเจ้าของอำนาจแห่งเทพสงคราม”

“เนื่องจากคุณได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสุสานแห่งโลกอยู่ก่อนแล้ว”

“เนื่องจากคุณได้ทำการผสานรวมสอง ‘เศษเสี้ยว’ ของโลกหกวิถีเข้าด้วยกัน”

“ความลับที่คุณจะได้ล่วงรู้ได้รับการตัดสินแล้ว”

“โปรดรับฟังมันอย่างสงบ”

“กรุณาทำตามคำแนะนำของระบบ อย่าได้อ่านออกเสียงมันเด็ดอันขาด”

“ห้ามเปิดเผยสิ่งที่กำลังรับรู้ออกไปทั้งสิ้น”

“เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณสามารถทำตามเงื่อนไขข้างต้นได้ ระบบก็พร้อมจะนำเสนอ ‘ความลับ’ ที่ว่าออกไป”

ระบบเทพสงครามไม่เคยหวาดระแวงอะไรขนาดนี้มาก่อน พอถูกย้ำหลายๆ รอบแบบนี้ กู่ฉิงซานก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น

“ฉันเข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ฉันสามารถเก็บความลับที่ว่านั่นได้ ไม่แพร่งพรายมันออกไปแน่นอน” กู่ฉิงซานตอบ

ด้วยคำสัญญาของเขา เส้นแสงหิ่งห้อยบรรทัดใหม่ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างเทพสงคราม

“ความลับมีดังต่อไปนี้”

“ข้อแรก ในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นมีโลกหกวิถีอยู่เพียง ‘โลกเดียว’ เท่านั้น ซึ่งมันได้ซุกซ่อนสุสานแห่งโลกส่วนใหญ่เอาไว้ เป็นสิ่งที่เหล่าทวยเทพเหลือทิ้งเอาไว้ให้ทุกสิ่งมีชีวิตใช้มันในการช่วยเหลือตนเอง”

“ข้อสอง เหล่าทวยเทพไม่คาดคิดเลยว่าโลกหกวิถีจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ”

“โปรดทราบด้วยว่า นี่คือความลับในบรรดาความลับทั้งปวง ที่จะรู้กันเฉพาะเหล่าทวยเทพและศัตรูของพวกเขาเท่านั้น คุณไม่สามารถพูดมันออกไปได้ เพราะมันจะนำพาหายนะครั้งใหญ่มาสู่คุณ”

“ฉันหวังว่าคุณจะหวงแหนความลับนี้ดั่งชีวิตของตัวเอง จงเก็บมันเอาไว้ให้มิด และระมัดระวังตัวให้ดี”

บรรทัดแสงหิ่งห้อยทั้งหมดปรากฏขึ้น และหายไปทันที

กู่ฉิงซานแข็งค้างอยู่ในสถานที่เดิม

ตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น แท้จริงแล้วมีโลกหกวิถีอยู่เพียงหนึ่งเช่นนั้นเหรอ?

นั่นมันจะเป็นไปได้อย่างไร!

เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าจำไม่ผิดในโลกล่องเวหา…

ผู้ฝึกยุทธ์ที่นั่นไม่เคยพบแม้กระทั่งมารสวรรค์ หมายความว่าโลกล่องเวหาไม่ใช่โลกหกวิถี

แถมแบรี่กับเสี่ยวเหมียวเองก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าโลกหกวิถีน่ะอยู่ในดินแดนอัศจรรย์

และตลอดทั้งดินแดนอัศจรรย์ มีเพียงเผ่าพันธุ์หนามเท่านั้นที่ยินดีสื่อสารกับภายนอก

หลังจากที่ตัวกู่ฉิงซานเองได้ก้าวเข้าสู่โลกเก้าร้อยล้านชั้น แท้จริงแล้วหลังจากนั้นมา เขาก็ไม่เคยได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับโลกหกวิถีอีกเลย

แต่!

แต่ว่านะ!

ทำไมกัน? ทำไมโลกในโลกกระจัดกระจายที่แยกตัวออกไปอยู่นอกสุดของชั้นโลก ที่อาจพินาศลงเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงมีโลกหกวิถีอยู่?

โลกเดิมของเขา โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ และโลกเทวะ โลกที่กล่าวมานี้ล้วนเป็นโลกหกวิถีทั้งสิ้น

หรือว่าบางทีอาจเป็นเพราะมันต้องการซ่อนตัวจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น และโลกกระจัดกระจายก็แทบจะไม่เป็นที่ล่วงรู้พิกัดของพวกตัวตนทรงอำนาจพอดี จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมใช่หรือไม่?

ดังนั้น นี่สินะคือเหตุผลที่ทำให้กระทั่งตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการอย่างแบรี่กับเสี่ยวเหมียว ยังเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา

“แท้จริงแล้วโลกหกวิถีมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”

“โลกหกวิถีแตกออกเป็นเสี่ยงๆ…”

“ฉันได้ผสานรวมสองเศษเสี้ยวของโลกหกวิถี…”

กู่ฉิงซานย้อนทวนในสิ่งที่ได้รับรู้มา และเริ่มเค้นสมองของเขา

ตามที่ระบบเทพสงครามบอก ดูเหมือนว่าในสมัยโบราณ เหล่าทวยเทพจะทิ้งวิธีการช่วยเหลือตนเองไว้ให้แก่เหล่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรทั้งมวลและสิ่งที่ว่ามานี้ก็ถูกซุกซ่อนไว้ในสุสานแห่งโลก

ขณะที่สุสานแห่งโลกส่วนใหญ่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในโลกหกวิถีหรือว่าบางที…

ทันใดนั้นเอง ประกายบางอย่างก็วาบผ่านเข้ามาในจิตใจของกู่ฉิงซาน

เขาฉุกคิดถึงความคิดหนึ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน

ทั้งคนทั้งร่างของกู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

หรือว่าความจริงก็คือ…

โลกใบเดิมของเขา โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ และโลกเทวะ แท้จริงแล้วล้วนเป็น ‘เศษเสี้ยว’ของโลกหกวิถี!

ทั้งหมดเป็นเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น!

มันคือเศษเสี้ยวของโลกหกวิถี ที่หนีออกมาจากโลกเก้าร้อยล้านชั้น หลังจากที่โลกหกวิถีเพียงหนึ่งเดียวเกิดการแตกเป็นเสี่ยงๆ ขึ้น!! กู่ฉิงซานแทบลืมหายใจ ทั้งคนทั้งร่างจมอยู่ในอาการตกตะลึง

การดำรงอยู่แบบใดกันที่สามารถทำลายโลกหกวิถีให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้?

ระบบเทพสงครามบอกว่า ตัวเขาเองได้ทำการผสานสองเศษเสี้ยวเข้าด้วยกัน ที่ว่ามานี้ย่อมหมายถึงโลกเดิมของเขากับโลกปรภพอย่างแน่นอน

หากสุสานแห่งโลกจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในโลกหกวิถีแล้วละก็

เช่นนั้นบางที โลกเดิมของเขา โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ และโลกเทวะ ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่จะเป็นที่ซุกซ่อนสุสานแห่งโลก!

ก่อนที่เขาจะแยกตัวออกมา นางเซียนไป่ฮั่วเองก็เหมือนว่าจะได้ล่วงรู้ความลับที่จะทำให้ตนเองสามารถแข็งแกร่งขึ้นแล้วเช่นกัน นั่นก็คือการผสานรวมโลกเข้าด้วยกัน

ดังนั้น ท่านอาจารย์จะต้องทำการผสานรวมโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์กับโลกเทวะเข้าด้วยกันแล้วอย่างแน่นอน

เช่นนั้นแล้วอีกห้าโลกที่เชื่อมต่อกันอย่างโลกปรภพ โลกสวรรค์ โลกอาชูร่า โลกจ้าวอสูร และโลกผีร้ายเล่า? จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นกับโลกเหล่านั้น?

มันจะเป็นเหมือนกับโลกเดิมของเขา ที่จะต้องตกลงสู่ห้วงสงครามใช่หรือไม่?

ความคิดนับไม่ถ้วนไหลผ่านเข้ามาในจิตใจ กู่ฉิงซานรู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิด

แต่ในตอนนั้นเอง อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นกับนายงั้นเหรอ? ทำไมถึงดูเครียดๆ”

แบรี่กลับมาในชุดใหม่เอี่ยม

เมื่อเขาเห็นว่ากู่ฉิงซานผิดปกติไป จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่กังวลเกี่ยวกับโลกของผมก็เท่านั้นเอง” กู่ฉิงซานยิ้ม และไม่ยินดีที่จะกล่าวอธิบายออกไป

เขาถอนหายใจ และหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โยนมันทิ้งไปก่อน

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า ฉันกับเสี่ยวเหมี่ยวจะไปด้วยกันกับนาย พวกเราจะช่วยนายอย่างแน่นอน” แบรี่กล่าวปลอบ

ไม่กี่นาทีต่อมา เสี่ยวเหมียวก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง

เธอสวมใส่ชุดกระโปรงสั้นที่ดูน่ารัก ขาเรียวยาวสวมทับด้วยถุงน่อง รองเท้าที่ใส่เป็นส้นสูง ขณะที่ผมของเธอถูกรวบเอาไว้อย่างเรียบร้อย

“กู่ฉิงซาน นายมีพิกัดโลกของตัวเองรึเปล่า?” เสี่ยวเหมียวเอ่ยถาม

“ซวยแล้ว! ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้บันทึกมันเอาไว้”

เสี่ยวเหมียวถามอีกครั้ง “แต่ฉันจำได้ว่าได้ให้เข็มทิศกับนายไปนี่นา ถึงภายหลังจะสูญเสียพิกัดของมันไปเพราะนายเข้าไปยังโลกที่ถูกผนึกอยู่ก็เถอะ แต่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่านายได้กลับไปที่โลกของตัวเองก่อนแล้วหรอกเหรอ?”

กู่ฉิงซานนิ่งคิดไปพักหนึ่ง และตอบ “จริงด้วย ผมกลับไปที่โลกเดิมครั้งหนึ่งจริงๆ”

ใช่แล้วล่ะ เพื่อที่จะหลุดพ้นจากกับดักสามชั้นซ้อนของซูเซี่ยเอ๋อ เขาเลยจำต้องกลับไปยังโลกเดิมของตัวเอง

เขาหยิบเอาเข็มทิศออกมา และยื่นมันให้แก่เสี่ยวเหมียว

เสี่ยวเหมียวรับเข็มทิศมา สองตาก้มลงมอง ปากเอ่ยพึมพำ “ดีล่ะ ดูเหมือนว่าเข็มทิศของฉันจะบันทึกพิกัดเอาไว้ได้นะ แต่มันอยู่ไกลมากจริงๆ”

ใบหน้าของเธอแสดงออกถึงความตื่นเต้น

จากนี้ไป เธอไม่จำเป็นต้องปั่นนิยายทุกวันอีกแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความหิวโหย สามารถโยนเรื่องนี้ทิ้งไว้เบื้องหลัง และออกไปเล่นภายนอกสมาคมได้อย่างอิสรเสรี

…ชีวิตที่เป็นแบบนี้ช่างมีความสุขเสียจริงๆ

“มาเถอะสุภาพบุรุษทั้งสอง ช่วยมายืนข้างๆ กับฉันด้วย” เสี่ยวเหมียวกล่าว

แบรี่กับกู่ฉิงซานเดินไปยืนประกบซ้ายขวาเธอ

เสี่ยวเหมียวร่ายคาถางึมงำ

ในพริบตา ทั้งสามก็หายวับไปจากสมาคมกำปั้นเหล็ก

มุ่งหน้าสู่บ้านเกิดของกู่ฉิงซาน

สถานที่ซึ่งกู่ฉิงซานได้ทำการผสานเศษเสี้ยวของโลกหกวิถีเข้าด้วยกัน

สถานที่ที่เรื่องราวทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น

…………………………………..