ณ โลกเดิม

ภายในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์

บริเวณเมืองเล็กๆ ในแถบชายแดน

ม่านแสงกะพริบไหว

กู่ฉิงซาน แบรี่ และเสี่ยวเหมียวปรากฏตัวขึ้น

และสายตาของสองผู้มาใหม่ก็ถูกดึงดูดโดยโบสถ์ของคริสตจักรใจกลางเมืองทันที

“หืม? นั่นมันโบสถ์ของเทพแห่งความตายไม่ใช่เหรอ?”

สองหูเล็กๆ ของเสี่ยวเหมียวกระดิกด้วยความสนใจ

แบรี่เพ่งมองรายละเอียดของโบสถ์อย่างรอบคอบ และแสดงความคิดเห็น “ดูจากรูปแบบสถาปัตยกรรม เหมือนจะไม่มีการเบี่ยงเบนไปเลย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ของปลอมนะ”

ทั้งสองมองหน้ากันและกัน และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ไม่คิดเลยว่าในโลกกระจัดกระจาย จะมีผู้ศรัทธาของเทพแห่งความตายอยู่ด้วย

นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ

อ้างอิงตามสามัญสำนึก โลกกระจัดกระจายน่ะเป็นโลกที่จะพินาศลงเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่มีใครจะทันได้รู้ตัวด้วยซ้ำ

ทว่า…เทพแห่งความตายกลับให้ความสนใจกับที่นี่!

แต่แล้วในช่วงเวลานั้นเอง ขณะที่ทั้งสองกำลังสังเกตโบสถ์ จู่ๆ สายตาของเขาและเธอก็เบนออกไปอีกทิศทางหนึ่งในเวลาเดียวกัน

ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกันกับที่กู่ฉิงซานรู้สึกตัว

ทั้งสามเงยหน้าขึ้น แหงนมองไปยังเบื้องบน

ปรากฏให้เห็นถึงหนวดขนาดใหญ่ที่วิ่งลัดเลาะไปตามผืนฟ้า

ตามติดด้วยเรือประจัญบาน และเกราะรบนับไม่ถ้วนที่กำลังไล่ล่ามัน ระดมยิงการโจมตีอันรุนแรงออกไป

อย่างไรก็ตาม หนวดขนาดใหญ่กลับสั่นไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่มันไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เลย

“ถอยไปเสีย!” เสียงแหลมที่ฟังดูดุร้ายดังขึ้น

เห็นแค่เพียงชายคนหนึ่งทะยานตัวขึ้นไปบนฟากฟ้า แปรสภาพตนเป็นสิงโตยักษ์อย่างกะทันหัน ตะปบออกไปอย่างรุนแรง ทิ้งรอยกรงเล็บเอาไว้กลางอากาศ

รอยประทับกรงเล็บเหล่านั้นกลายเป็นประกายแสงเย็นเยียบ พุ่งเข้าหั่นหนวดใหญ่ด้วยเจตนาร้าย!

เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว

อย่างไรก็ตาม แม้สิงโตจะสามารถตัดเข้าเนื้อของศัตรูได้ แต่แผลมันตื้นเกินไปหากเทียบกับขนาดหนวดทั้งหมด

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าขนาดตัวของเจ้าของหนวดนี้มหึมาเพียงใด

“พวกจ้าวอสูร?” กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

เวลานี้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างแท้จริง

มันตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พวกจ้าวอสูรเกิดความคิดริเริ่มที่จะก้าวออกมายืนหยัดปกป้องโลกมนุษย์?

ในเวลาเดียวกัน สมองควอนตัมของเขาก็ส่องสว่างขึ้นมา

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งที่ไม่ได้ยินมานาน ดังออกจากสมองควอนตัม

“ใต้เท้า ดีใจจริงๆ ที่ได้พบกับคุณอีกครั้ง”

“ฉันเองก็ดีใจมากเหมือนกันที่ได้กลับมา”

“แล้วสองคนนี้คือ?”

“คนฝ่ายเดียวกับพวกเรา”

“เข้าใจแล้ว แต่ว่านะใต้เท้า คุณไม่ควรที่จะกลับมาในเวลานี้เลย”

“ทำไมล่ะ?” “เพราะโลกกำลังตกอยู่ในสภาวะวิกฤติที่ไม่อาจแก้ไขได้ การที่คุณกลับมาในเวลานี้ มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของคุณเอง”

“เกิดอะไรขึ้น?”

ภาพฉายปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง

กู่ฉิงซาน แบรี่ และเสี่ยวเหมียวมองมันด้วยกัน

เห็นแค่เพียงมอนสเตอร์เอกภพนับไม่ถ้วนที่กำลังรายล้อมอยู่ภายนอกโลกใบนี้ และกำลังพยายามที่จะบุกเข้ามาในโลก

แต่มนุษย์ อาชูร่า ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ จ้าวอสูร และผีร้าย ทั้งหมดต่างรวมกำลังกัน เพื่อต้านทานการรุกรานของมอนสเตอร์เอกภพ

“สถานการณ์มันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

กู่ฉิงซานงงกับฉากที่เกิดขึ้นจริงๆ

ก่อนหน้านี้ มอนสเตอร์เอกภพไม่เคยสนใจในโลกมนุษย์มาก่อนเลยนี่นา

แล้วทำไมตอนนี้ โลกของเขาถึงดึงดูดความสนใจจากมอนสเตอร์เอกภพขึ้นมาอย่างกะทันหันกัน?

กู่ฉิงซานขบคิด

แบรี่พยักหน้า “ดูเหมือนว่าโลกกระจัดกระจายใบนี้กำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่อยู่นะ”

เสี่ยวเหมียวยกสองแขนขึ้นกอดอก สายตายังคงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า “พี่ชาย เรามาลากพวกมันลงมาสักสองสามตัว แล้วจับทำอาหารกินกันดีไหม”

“ไม่มีปัญหา แต่ก่อนจะกิน คงต้องจัดการให้มันอยู่นิ่งๆ เสียก่อน”

ขณะกล่าว แบรี่ก็จัดท่วงท่าของเขาในจุดเดิม ปากเอ่ยกล่าว “แต่มอนสเตอร์เอกภพมันเยอะเกินไป พี่เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเอาตัวไหนดี”

“มีวัตถุดิบเท่าไหร่ พี่ก็เตรียมให้น้องเลือกเท่านั้นสิ เพราะอย่างไรหญิงสาวน่ะก็จะต้องรับประทานเนื้อที่หลากหลาย เพื่อจะได้รับสารอาหารไปบำรุงผิวพรรณให้เพียงพออยู่แล้ว” เสี่ยวเหมียวหัวเราะคิกคัก

“พี่เข้าใจแล้ว”

แบรี่รับคำ ขณะเดียวกัน แรงกดดันก็ผุดออกมาจากทั้งคนทั้งร่างของเขา ก่อนที่กำปั้นจะถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนท้องฟ้า

ได้ยินแค่เพียงเสียงตะโกนยาวเหยียดประโยคหนึ่ง “จักรพรรดิกำปั้นหยกแห่งการทำลาย ล้างบางสามพันโลกาในคราเดียว!”

เสี่ยวเหมียว “…”

กู่ฉิงซาน “…”

เสี่ยวเหมียวอดไม่ได้ที่จะมองกู่ฉิงซาน แต่เมื่อเห็นถึงการแสดงออกที่ดูจริงจังของอีกฝ่าย เธอก็กลายเป็นละเหี่ยใจ

“นายกำลังคิดว่านั่นเป็นหมัดที่สามารถทำลายทั้งสามพันโลกได้จริงๆ ใช่ไหม?” เสี่ยวเหมียวเอ่ยถามอย่างเงียบๆ

“ใช่” กู่ฉิงซานยอมรับ

เสี่ยวเหมียวเร่งส่ายหัว “ฟังฉันนะ ไม่ต้องไปสนใจเขา เขาก็แค่พูดตะโกนชื่อท่าไปแบบส่งๆ เพราะคิดว่ามันน่าประทับใจกว่าการชกออกไปแบบเงียบๆ ก็เท่านั้น”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”

“ใช่ และชื่อท่าของเขามันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชกของเขาเลย มันมีประโยชน์ก็แค่ช่วยให้ฟังดูดีขึ้นแค่นั้น นอกจากนี้”

“…นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ทำให้ศัตรูเกิดความสับสนขึ้นอีกด้วย”

ตึง!

การชกอันแผ่วเบาของแบรี่กระแทกเข้ากับอากาศที่ว่างเปล่า จนเกิดเสียงหนักทึบ

ทันใดนั้นเอง เสียงคร่ำครวญที่บาดลึกก็ดังไกลมาจากฟากฟ้า

หนวดที่แต่เดิมลัดเลาะไปตามผืนฟ้า พร้อมกันกับร่างกายที่มิอาจมองเห็นได้ของมัน จู่ๆ ก็ชักกระตุก ดิ้นพล่านอย่างบ้าคลั่ง

ช่วงวินาทีต่อมา มอนสเตอร์เอกภพขนาดใหญ่ก็ร่วงตกลงใส่ตำแหน่งที่ห่างไกลออกไปบริเวณแถบเมืองชายแดน

โครม!

ร่างใหญ่ของมอนสเตอร์เอกภพกระแทกเข้ากับพื้นดินอย่างรุนแรง

“เรียบร้อย” แบรี่สะบัดมือของเขาและกล่าว

เสี่ยวเหมียวจ้องมองมอนสเตอร์เอกภพที่ตกลงมา

“ฉันเคยกินเจ้าตัวแบบนี้แล้วครั้งหนึ่ง รสชาติมันไม่ดีเลย แถมยังทำให้ปวดท้องอีก เพราะงั้นรีบจัดการมันไปให้พ้นๆ ตาคงดีกว่า”

ว่าจบ เธอก็ยื่นมือไปยังทิศทางที่มอนสเตอร์เอกภพร่วงตกลงมา และกำมือท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า

มิติในอากาศเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

พริบตานั้นเอง

ร่างของมอนสเตอร์เอกภพ ที่บดบังไปตลอดทั้งวิสัยทัศน์ของพวกเขา ทั้งตัวของมันก็พลันหายวับไป

เสี่ยวเหมียวเงยหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเธอราวกับว่าได้มองทะลุผ่านชั้นบรรยากาศขึ้นไป จ้องมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงดาวอันไร้ขอบเขต

เธอพูดกับตัวเอง “ไหนขอฉันดูหน่อยซิ ว่ามีมอนสเตอร์ตัวไหนน่าจับมากินบ้าง…”

แบรี่แสดงความกังวลออกมา “น้องช่วยเลือกดีๆ ด้วยนะ พี่ไม่อยากกินแล้วท้องเสียอีก”

“พี่ชาย คิดว่าเจ้าตัวนั้นเป็นไง?”

“ไม่เอา มันไม่อร่อยเลย พวกเราเคยกินมันไปตั้งหลายครั้งแล้ว น้องจำไม่ได้เหรอ”

“อืม พอพี่พูดก็เหมือนว่าจะนึกขึ้นได้แล้วเหมือนกัน”

“หยุดคิดเกี่ยวกับเจ้าตัวนั้นเถอะ ทำไมไม่เลือกเป็นตัวที่อยู่ท้ายสุดนั่นล่ะ พี่จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยจับมันมากินอยู่นะ รสชาติก็ไม่เลวเลย”

“ตัวเจ้าแดงๆ นั่นน่ะเหรอ? ไม่นะ ทั้งตัวมันเต็มไปด้วยลูกตา น่าขยะแขยงเกินไป”

“โอเค งั้นเอาเป็นอีกตัวหนึ่ง”

กลับมายังกู่ฉิงซานที่ยืนอยู่ข้างๆ ทั้งสอง

ในสมองควอนตัมของเขา บัดนี้ปรากฏให้เห็นฉากการระเบิดของรังสีแสงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น

“ใต้เท้า มอนสเตอร์เอกภพที่ล้อมอยู่นอกโลก ทั้งหมดได้ตายลงแล้ว ปัจจุบันร่างของมันลอยกระจายอยู่เต็มอวกาศไปหมดเลย”

มุมปากของกู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะกระตุก

มองไปยังแบรี่ที่ยืนอยู่ในจุดเดิมตั้งแต่แรกเริ่ม และทำแค่เพียงเหวี่ยงหมัดออกไปอย่างสบายๆ

ความแข็งแกร่งอะไรกันนี่!

เพียงนำสองตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการมา ทุกปัญหาก็สามารถแก้ลงได้อย่างง่ายดาย

นี่นับว่าเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง!

กู่ฉิงซานคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “เอ่อ…ขอโทษที่ขัดจังหวะ”

แบรี่กับเสี่ยวเหมียวหันมามองเขา

กู่ฉิงซานอธิบาย “คือว่านะ ตั้งแต่ที่พวกคุณมายังโลกของผม พวกคุณก็ไม่จำเป็นต้องทนกินมอนสเตอร์เอกภพอีกต่อไปแล้ว เพราะเดี๋ยวผมจะพาพวกคุณไปกินอาหารขึ้นชื่อมากมายของที่นี่เอง”

แบรี่นิ่งค้างไป

เสี่ยวเหมียวก็เช่นกัน แต่สักพักเธอก็ค่อยๆ ได้สติกลับคืน

แบรี่ถอนหายใจ “จริงสิ ขอโทษที ลืมไปเลยว่าพวกเราหมดหนี้แล้ว ให้ตายเถอะ เห็นมอนสเตอร์เอกภพทีไร ก็มักจะเผลอลืมไปว่ายังเป็นหนี้อยู่ทุกที”

กู่ฉิงซานมองดูทั้งสอง และเกิดความรู้สึกว่า สองพี่น้องตรงหน้า ช่างเป็นตัวตนทรงอำนาจที่น่าสงสารที่สุดที่เขาเคยเห็นมา

สมองควอนตัมในอ้อมแขนเขาส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ภายนอกจักรวาล จู่ๆ ก็มีมอนสเตอร์ยักษ์อีกมากมายกำลังมุ่งตรงมายังที่นี่”

ม่านแสงฉายภาพออกมา

เห็นแค่เพียงร่างของมอนสเตอร์ยักษ์มากมาย กระจายตัวอยู่ทั่วอวกาศ

แบรี่จึงเหวี่ยงหมัดออกไป

และมอนสเตอร์ทั้งหมดนั้นก็ถูกฆ่าตายลงในวินาทีเดียว

แต่ก็ปรากฏถึงมอนสเตอร์ตัวใหม่ตรงเข้ามา และเริ่มคว้าจับซากมอนสเตอร์ที่เพิ่งถูกฆ่าตายไป และกัดกินมัน

และฉากที่ปรากฏขึ้นนี้ไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่มีมอนสเตอร์อีกมากมายตรงเข้ามายังดาวโลก

แบรี่ขมวดคิ้ว “น้องพี่ ในเมื่อพวกเราไม่ต้องกินเนื้อมอนสเตอร์อีกต่อไปแล้ว น้องช่วยกำจัดซากพวกมันทั้งหมดให้หน่อยจะได้ไหม”

“ไม่มีปัญหา”

เสี่ยวเหมียวดีดนิ้วของเธอดังเป๊าะ

ในเสี้ยววินาที บนจอม่านแสง ศพมอนสเตอร์ทั้งหมดก็หายวับไป มิอาจเห็นถึงร่องรอยของพวกมันได้อีกเลย

“ต่อไปก็ตาพี่ รับหน้าที่ไล่เจ้าขยะพวกนั้นออกไป” แบรี่กล่าว

เขาเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้า

พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นบนตัวเขา

“จง…ออกไป…ให้พ้นหน้าฉัน!”

แบรี่ร้องคำราม

คำว่า ‘ออกไป’ แทรกซึมขึ้นไปในอากาศที่ว่างเปล่า ตรงขึ้นไปยังนอกชั้นบรรยากาศโลก แพร่กระจายไปทั่วจักรวาล

มอนสเตอร์ทั้งหมดแข็งค้างไปพร้อมกัน

ด้วยสัญชาตญาณ แม้จะคนละภาษา แต่พวกมันก็สามารถเข้าใจถึงความหมายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนี้ได้อย่างชัดเจน

มันทรงพลัง โหดเหี้ยม น่าสยองเกล้า ไร้ซึ่งความเมตตา เป็นเสียงของสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร

และสิ่งมีชีวิตสูงสุดบนห่วงโซ่อาหาร ก็กำลังบอกว่าไม่อนุญาตให้พวกมันเข้ามาที่นี่!

มอนสเตอร์เอกภพสั่นสะท้านไปทั้งตัว พวกมันหันหัวกลับ และหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัว

หลังจากนั้นเพียงลมหายใจเดียว

เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ใต้เท้า ในอวกาศนอกโลกไม่ปรากฏถึงการดำรงอยู่ใดๆ ของมอนสเตอร์เอกภพอีกแล้ว”

ในน้ำเสียงของเทพธิดากงเจิ้ง ปรากฏถึงร่องรอยของความสุขเล็กน้อย “เพื่อนทั้งสองคนที่คุณพากลับมา ช่างทรงพลังจริงๆ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือล้ำเกินกว่าที่ฉันจะทำการคำนวณได้”

“ใช่แล้วล่ะ พวกเขาน่ะโคตรจะแข็งแกร่งเลย” กู่ฉิงซานหัวเราะ

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ โชคดีจริงๆ ที่คุณกลับมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ มันช่วยคลายความกังวลของฉันเกี่ยวกับปัญหาสุดท้ายของโลกใบนี้ไปได้อย่างสิ้นเชิง”

“กังวลงั้นเหรอ? ช่วยบอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันให้ฟังหน่อยสิ” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างรวดเร็ว

“ไม่ขัดข้อง ใต้เท้า”

………………………………….