ตอนที่ 581 กระอักเลือด
“ลิขิตให้เป็นหงส์?! สู่ขอความโชคดี?! ฮะ…ฮ่าๆ ดูแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอช่วงนี้สิ นั่นเรียกว่าโชคดี?”
ไช่จิ้งอี๋เอ่ยขึ้นอีกว่า
“นี่ไม่ใช่เพราะถูกคนเลวเล่นงานรึไง คุณก็ดูสิว่าแต่ละเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอช่วงนี้ มีสักเรื่องไหมที่ไม่เกี่ยวกับเฉินฝานซิง ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคนต่ำทรามคอยเป็นตัวถ่วงชีวิต สักวันเธอก็ต้องผ่านมันไปได้!”
ซูปิ่งโย่วเดือดจนถึงขีดสุด เขาข่มดวงตาลงพลางสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด “เชิญคุณคิดเรื่องฟ้าลิขิตให้เป็นหงส์นั่นไปเถอะ ถึงวันนั้นอย่าไปคว้าเอาตัวซวยเข้าบ้านมาก็แล้วกัน!”
ไช่จิ้งอี๋รีบเอื้อมมือออกไปผ่อนความโกรธในใจของซูปิ่งโย่ว “ไม่ค่ะ ไม่เป็นแบบนั้นแน่! สกุลซูฝากฝังทุกอย่างไว้กับเชียนโหรวไม่ใช่เหรอคะ นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่เธอถูกลิขิตให้เป็นหงส์นั่นคือเรื่องจริง!”
ซูปิ่งโย่วย่นคิ้วขึ้นมองเธอ “เมื่อไหร่คุณจะลืมๆ เรื่องพวกนี้ไปสักที”
“ก็มันเรื่องจริงนี่นา!”
“คุณ…เอาเถอะๆ ไหนๆ ตอนนี้พวกเขาก็แต่งกันไปแล้ว คอยดูแล้วกันว่าซูเหิงจะเอายังไงกับเธอ! ซูเหิงตามใจเธอมามากพอแล้ว ครั้งนี้…ผมล่ะสงสัยจริงๆ ว่าก่อนหน้านี้ฝานซิงจะร้ายกาจขนาดนั้นจริงๆ รึเปล่า ผมว่า เชียนโหรวคงเป็นฝ่ายไปยั่วโมโหเธอเสียมากกว่า”
“นี่…วันนี้คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าฝานซิงทำเกินไปจริงๆ!”
“คุณอย่าดึงผมด้วยคำพูดพวกนี้นะ คนเรามันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน! ถูกกระทำจนถึงขีดสุดขนาดนั้น จะให้ฝานซิงต้องทนซ้ำแล้วซ้ำอีกรึไง”
“…”
ไช่จิ่งอี๋เม้มปากไม่พูดจา
–
สถานที่จัดงานซึ่งอัดแน่นไปด้วยฝูงชนกลับว่างเปล่าลงในชั่วพริบตา เฉินเชียนโหรวยืนอยู่ตรงขอบของเวทีสูง เธอถือชายกระโปรงไว้ด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ ไม่ไหวติง สีหน้าของเธอซีดขาวราวกับกระดาษ
อับอาย เสียใจ โกรธ เกลียด…
คือการแสดงออกบนใบหน้านั้น เธอกัดฟันแน่นจนเนื้อตัวสั่นเทา แทบจะอยากลากเฉินฝานซิงไปลงนรกเสียเดี๋ยวนี้
เฉินฝานซิง!
เฉินฝานซิง!!
แกไปตายซะ!
ทำไมแกยังไม่ตายๆ ไปอีก!
ทุกความรู้สึกด้านลบอัดแน่นอยู่กลางอกและถูกสูบฉีดไปยังสมองจนมันแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ทันใดนั้นเฉินเชียนโหรวก็พลันรู้สึกได้ถึงความหวานเฝื่อนในลำคอที่กำลังดันตัวขึ้นมา ก่อนที่เลือดสีแดงสดจะถูกสำรอกออกมา
“เชียนโหรว!”
“โหรวเอ๋อร์!”
เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยที่ได้เห็นเช่นนั้น หัวใจก็พลันหล่นวูบและรีบวิ่งขึ้นบนเวทีไป
หลังจากที่เฉินเชียนโหรวกระอักเลือดออกมาเฮือกหนึ่ง สองตาก็พลันกลอกขึ้นด้านบน ก่อนจะเป็นลมหมดสติไปกับพื้น
“เร็วเข้า รีบไปส่งโรงบาล”
–
เป็นเวลาเดียวกันกับที่นักข่าวตรงประตูที่ยังกลับกันไปไม่หมด ทันได้เห็นภาพที่เฉินเชียนโหรวถูกหามออกไป ตามหลังมาด้วยคนบ้านสกุลเฉินทั้งครอบครัวที่มีสีหน้าอมทุกข์ จึงกรูกันเข้าไปเพื่อจับภาพ ก่อนที่พวกเขาจะพากันตามไปจนถึงโรงพยาบาล
ข่าวการหมดสติของเฉินเชียนโหรวถูกแพร่ลงบนอินเตอร์เน็ตภายในชั่วอึดใจ ทั้งยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
[เฮ้ย! นี่ต้องเรียกว่าอะไร กรรมติดจรวด]
[ถึงจะขายหน้าก็จริง แต่ก็ทำตัวเองทั้งนั้น!]
[สวรรค์ลงทัณฑ์คนชั่ว!]
[ชิ รูปถ่ายบนเน็ตนั่นถูกแบนไปแล้ว ข่าวเสื่อมๆ พวกนั้นถูกออฟฟิเชียลแบนไปแล้ว!]
[อุ๊บ ข่าวเสื่อมๆ นั่นก็แม่งโคตรขำเลยอะ จากกุมารีหยกกลายเป็นหญิงแพศยา!]
[โพสต์ข้างบนช็อกจริง อินบ็อกมาที ฉันเซฟเอาไว้แล้ว!]
…
นอกจากข่าวคราวเรื่องการเป็นลมของเฉินเชียนโหรวจะไม่ได้รับความเห็นใจแล้ว ยังจะได้รับคำด่าทออีกมากมาย เหล่าบรรดาแฟนคลับที่คอยสนับสนุนเฉินเชียนโหรวอยู่เสมอมา บัดนี้ก็พากันจำศีลกันไปอย่างเงียบๆ ไม่กล้าออกมาเคลื่อนไหว
เพราะไม่ว่าจะพูดเช่นไร การกระทำเลวทรามเช่นนี้ก็สร้างความรังเกียจในใจผู้คนได้ไม่น้อย
หลังจากที่ถึงโรงพยาบาลและได้รับการตรวจไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์ได้วินิจฉัยสาเหตุของอาการออกมาว่าเกิดจากความโกรธและความกดดันที่มากเกินไป นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เนื่องจากการอาเจียนเป็นเลือดนั้นเกิดจากการที่ตับได้รับความเสียหาย จึงรักษาโดยการให้ยาไม่ได้ ทำได้เพียงพักฟื้นร่างกายให้ดีๆ และพยายามไม่เครียดเท่านั้น
เฉินฝานซิงไม่นึกไม่ฝันว่าเชียนโหรวจะโกรธจนถึงขั้นกระอักเลือดเช่นนี้ เมื่อเห็นข่าวว่าสาเหตุนั้นเกิดขึ้นเพราะอาการโกรธ จู่ๆ เธอก็นึกไม่ออกว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะออกมาดี
ถึงขั้นโมโหจนกระอักเลือดขนาดนี้ ในใจน้องสาวคนนี้คงจงชังเธออยู่ไม่น้อย
เห็นทีต่อไปนี้เธอคงต้องระวังตัวอีกสักหน่อยแล้ว
ติ๊ง ในตอนนั้นเองจู่ๆ เตาอบก็ส่งเสียงเตือนขึ้น เฉินฝานซิงจึงรีบทิ้งโทรศัพท์แล้วตรงดิ่งเข้าไปยังห้องครัว
เธอสวมถุงมือกันความร้อนแล้วเปิดฝาเตาอบออก ก่อนจะยกเค้กออกมาด้วยความระมัดระวัง
เมื่อเห็นว่าสีและรูปร่างของมันออกมาสมบูรณ์แบบ สีสันอันสวยสดก็พลันปรากฏขึ้นบนดวงตาพร่างพราวคู่นั้นของเธอ
ตอนที่ 582 ผมจะไปรับ
เค้กถูกยกไปวางไว้บนเคาน์เตอร์ เฉินฝานซิงดัดไม้ดัดมือก่อนจะหยิบครีมและของตกแต่งอื่นๆ ที่เตรียมไว้ขึ้นมา และเริ่มบรรจงเติมแต่งมันไปลงบนเค้กก้อนนั้น
เวลายังคงมีอีกเหลือเฟือ ช่วงเวลาทั้งครึ่งวันบ่ายเพียงพอที่จะให้เธอได้ทำอะไรต่อมิอะไรได้อีกหลายอย่าง
เพียงแต่ว่า ผ่านไปไม่นาน โทรศัพท์ของเฉินฝานซิงพลันดังขึ้น
เมื่อเห็นชื่อของผู้ที่โทรมา มุมปากของเธอก็กระตุกขึ้นทันที
เธอน่าจะลากเบอร์โทรนี้ทิ้งลงบัญชีดำไปตั้งนานแล้ว
เธอจดจ้องโทรศัพท์อยู่ค่อนวัน ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วกดรับสาย
แม้ว่าเป็นการคุยผ่านโทรศัพท์ เฉินฝานซิงก็ยังคงกระตุกมุมปากพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพและห่างเหิน
“สวัสดีค่ะ คุณชายเผย”
เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเผยอวิ๋นเจ๋อค่อยๆ ดังลอดโทรศัพท์ออกมา
“ตอนบ่ายมากินข้าวด้วยกัน ผมจองที่นั่งไว้แล้ว”
เฉินฝานซิงข่มดวงตาลงอย่างหมดคำพูดกับผู้ชายจอมเผด็จการคนนี้
“ฉันยุ่งมากค่ะ คุณชายเผย”
“ผมจะไปรับ”
เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้า “หากคุณชายเผยมีธุระอะไรก็คุยผ่านโทรศัพท์ได้เลยค่ะ”
“หากคุณตอบรับการเป็นผู้หญิงของผมผ่านมือถือ งั้นอาหารมื้อนี้ ถ้าคุณบอกว่าไม่กินก็ไม่ต้องกิน”
“ฉันขอปฏิเสธค่ะ คุณชายเผย!”
“งั้นก็ออกมากินข้าวด้วยกัน ผมจะไปรับ”
“…เวลา สถานที่”
เฉินฝานซิงหมดคำพูดแล้วจริงๆ นี่ความอดทนของเธอต่ำไปหรืออย่างไร ทำไมเธอรู้สึกเหมือนว่าผู้ชายรอบๆ ตัวเธอ ชักจะรับมือยากเข้าไปทุกที
จากนั้นเผยอวิ๋นเจ๋อจึงส่งโลเคชั่นให้กับเธอ
เมื่อเฉินฝานซิงเห็นโลเคชั่นนั้น เธอก็แทบจะเขวี้ยงมือถือทิ้ง!
ผู้ชายคนนี้จงใจใช่ไหม!
ถึงได้จองที่นั่งในภัตตาคารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกันกับสมาคมสกุลป๋อ!
นี่เขานึกว่าความเป็นไปได้ที่เธอจะบังเอิญเจอกับป๋อจิ่งชวนมันน้อยไปหรือเขาจงใจกันแน่
เวลานัดหมายคือบ่ายสองโมง เมื่อเห็นว่าจวนจะได้เวลาแล้ว เฉินฝานซิงจึงพ่นลมหายใจทิ้ง แล้วเก็บเค้กที่เพิ่งจัดการเสร็จไปหมาดๆ เอาไว้
หลังจากที่ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกจากห้องไป
–
ภัตตาคารฝั่งตรงข้ามสมาคมสกุลป๋อ
เฉินฝานซิงก้าวเข้าไปในภัตตาคาร ก่อนจะหันมองกลับไปหนึ่งครั้งด้วยสีหน้าระแวดระวัง เมื่อหาที่นั่งเจอแล้วเธอก็เผลอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างลืมตัว
ยังดีที่ตำแหน่งนั้นอยู่ตรงมุมอับของร้าน แถมข้างๆ ยังมีกระถางต้นไม้ใหญ่ไว้คอยเป็นที่กำบัง
เธอเห็นเผยอวิ๋นเจ๋อที่สวมเสื้อสูทรองเท้าหนังนั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าอันหล่อเหล่านั้นดึงดูดทั้งลูกค้าสาวรวมไปถึงบริกรสาวจำนวนไม่น้อยให้หันมาส่งสายตาให้เขาอยู่เป็นระยะ
และดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยชอบใจการกระทำเช่นนี้สักเท่าไหร่ สีหน้าของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก ทั้งยังมีไอเย็นแผ่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างกาย
เฉินฝานซิงเม้มปาก พลางย้อนกลับไปมองสมาคมสกุลป๋อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันอีกครั้ง ก่อนจะยอมเดินเข้าไป
ทว่าไม่ทันที่จะรอให้เธอได้นั่งลง นัยน์ตาสีนิลคู่สวยนั้นก็กวาดมองเธอด้วยสายตาเย็นชาไปครู่หนึ่ง
“แค่กินข้าว ทำอย่างกับเป็นพวกหัวขโมย แบบนี้ยิ่งดูเหมือนเราลอบคบชู้กันเข้าไปกันใหญ่!”
ลอบคบชู้…
เฉินฝานซิงกระตุกมุมปาก “คุณคิดมากไปแล้ว ฉันแค่ไม่อยากให้ใครบางคนมาเห็น”
“ป๋อจิ่งชวน?”
เฉินฝานซิงตะหวัดสายตามองเขาอย่างแรง!
หากเธอไม่จำเป็นต้องรักษามารยาท เธอก็คงจะถลึงตามองเขาไปแล้ว
รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังจะถาม
“เรียกฉันมามีธุระอะไรคะ”
“กินข้าว”
“…คุณชายเผย” ความอดกลั้นของเฉินฝานซิงถูกบดทำลายลงทีละน้อย
เผยอวิ๋นเจ๋อกลับทำสีหน้าเรียบเฉยและเรียกบริกรเข้ามาเพื่อสั่งอาหาร
เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงกำลังสั่งอาหารอย่างข่มอารมณ์ คิ้วสวยสีเข้มของเผยอวิ๋นเจ๋อก็กระตุกเล็กน้อย ความรู้สึกบางอย่างปรากฏให้เห็นในดวงตาที่นิ่งสงบ
“โรงแรมที่เพิ่งสร้างเสร็จของสกุลเผยในว่างเฉิงกำลังจะเข้าสู่ช่วงทดลองเปิดบริการ ได้ยินมาว่าการประชาสัมพันธ์ของคุณมีความเป็นมืออาชีพสูง เพราะงั้นการทดลองเปิดบริการของโรงแรมในว่างเฉิง ผมจึงยกให้คุณ”