บทที่ 322: ตัวเลือก (2)

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

บทที 322: ตัวเลือก (2)

จึก !

ฟันที่แหลมคมจิกเข้ากับผิวหนังของหวังเฉิงห่าวราวกับเนยและแทงเข้าเส้นเลือดแดงของเขาอย่างง่ายดาย ร่างของเขาสั่นเทาและเลือดสีแดงฉานก็พุ่งออกมา

นี่คือจุดสิ้นสุดของเส้นทางของเราอย่างนั้นเหรอ… ?

นี่คือความคิดเดียวภายในหัวของเขาในตอนนี้ คลื่นความเย็นปกคลุมร่างของเขาขณะที่มองดูความตายกวักมือเรียกตนด้วยความสิ้นหวัง

วิญญาณร้ายตนนี้มันเกินที่เขาจะรับมือ… ทางสำนักทำพลาดอย่างนั้นเหรอ ? แล้วใครปรับเปลี่ยนสิ่งประดิษฐ์เวทย์ของเขา ? น่าเศร้าจริง ๆ …ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกฆ่าตายในเขตชานเมืองแบบนี้โดยที่ยังไม่ได้กำจัดวิญญาณเลยแม้แต่ตนเดียว เขาไม่สามารถรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่ฉินได้ด้วยซ้ำ… น่าเสียดายจริง ๆ …นี่มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาสามารถยอมรับได้เลยสักนิด !

ทุกอย่างตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนและสติของเขาก็เริ่มเลือนราง เขาหัวเราะออกมาขมขื่นขณะที่ทรุดตัวลง แต่ทันใดนั้นเอง– ! เสียงกรีดร้องแหลมสี่เสียงก็ดังขึ้น และเงาดำสี่เงาก็ปรากฏขึ้น !

วิญญาณ?

จิตใต้สำนึกของหวังเฉิงห่าวสั่นเทาเล็กน้อย รอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนใบหน้า จบเท่านี้แล้วสินะ… แม้แต่สวรรค์สวรรค์ก็ไม่มีเมตตาต่อเขา… อีกฝ่ายไม่คิดที่จะปล่อยให้เหลือศพไว้เป็นเกียรติแก่เขาด้วยซ้ำ…

ในเสี้ยววินาทีต่อมา วิญญาณทั้งสี่ก็พุ่งเข้าหาวิญญาณของชายที่อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มและเริ่มฉีกร่างของมัน

นี่มัน… !

หวังเฉิงห่าวตกตะลึง วินาทีนั้น ความปรารถนาที่จะมีชีวิตปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟที่ทรงพลัง และเขาก็รวบรวมพลังปราณอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ของตัวเอง คว้ายันต์ทั้งหมดที่เหลืออยู่และปามันไปยังวิญญาณร้ายที่อยู่ด้านหลังของตน

ในขณะเดียวกัน หางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นร่างของวิญญาณทั้งสี่ที่กำลังฉีกกระชากร่างของวิญญาณร้ายตนนั้น – ผู้หญิง เด็ก ชายวัยกลางคน และชายหนุ่ม ทั้งสี่มีผมสีดำ เล็บสีเขียว และฟันสีขาว มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาอ่อนแอกว่าวิญญาณร้ายที่อยู่ด้านหลัง แต่ทั้งสี่ก็ยังพยายามฉีกกระชากร่างของวิญญาณตนนั้น สกัดกั้นความพยายามที่จะฆ่าเขาของวิญญาณร้าย

เมื่อครู่นี้ วิญญาณทั้งสี่ได้ยินคำสั่งของฉินเย่ที่ดังขึ้นภายในหัวของพวกเขาอย่างชัดเจน ว่าหากพวกเจ้าตนใดสามารถปกป้องชีวิตของเด็กหนุ่มผู้นี้ไว้ได้ เจ้าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นยมทูตอย่างเป็นทางการทันที !

ซ่ากกก… ซ่าาาา !!! วิญญาณทั้งสี่ส่งเสียงขู่และเส้นผมมากมายก็พุ่งเข้าที่กรามของวิญญาณร้าย ป้องกันไม่ให้มันกัดลงมาขณะที่พยายามดึงวิญญาณร้ายออกไปจากอาหารที่อยู่ตรงหน้าของมันอย่างสุดความสามารถ พลังหยินของวิญญาณร้ายพลุ่งพล่านออกมาราวกับคลื่นยักษ์ แต่มันก็ไม่สามารถก้าวเข้าไปใกล้เป้าหมายได้มากกว่านี้

โฮกกก !! ในที่สุดคมเขี้ยวของวิญญาณร้ายก็หลุดออกไป มันคำรามออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ในขณะเดียวกัน หวังเฉิงห่าวคว้าทุกโอกาสที่เขามีและพุ่งตรงออกไปนอกประตู และทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปมองใบหน้าของวิญญาณร้ายตนนั้นเป็นครั้งแรก

อีกฝ่ายเรียกว่าคนไม่ได้ด้วยซ้ำ

รอยคมเขี้ยวของสัตว์ปรากฏขึ้นทั่วร่าง และมีเพียงแค่ครึ่งร่างเท่านั้นที่เหลืออยู่ ช่องท้องที่ว่างเปล่าและปราศจากอวัยวะภายใน ใบหน้าครึ่งหนึ่งเหลือเพียงกระดูก น้ำศพไหลออกมาจากบาดแผลและเปรอะเปื้อนไปทั่ว เสื้อผ้าขาดวิ่น ในขณะที่พลังหยินยังคงหลั่งไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง

แต่… ทำไมมือข้างซ้ายของวิญญาณตนนั้น… ถึงยืดได้ยาวขนาดนี้ ?

ยาวถึงขนาดที่… สามารถแทงทะลุท้องของเขาได้… !!

เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไป และทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวก็เงียบเสียงลงอย่างกะทันหันขณะที่เด็กหนุ่มก้มลงมองที่ท้องของตัวเองอย่างช้า ๆ มึนงงไปหมด เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สิ่งที่เขาเห็นก็คือมือสีดำคล้ำที่น่าสยดสยองที่พุ่งเข้ามาในท้อง และเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากบาดแผลของเขา

มัน… เกิดขึ้นได้ยังไง ?

ครู่ต่อมา หวังเฉิงห่าวกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก เลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วทุกที่ ดวงตาของเขาพร่าเลือนและร่างของเด็กหนุ่มก็ล้มลงกับพื้นเสียงดัง

ขณะที่สติเริ่มที่จะลอยหายไป ความเจ็บปวดบริเวณบาดแผลที่ช่วงท้องแผ่ซ่านไปทั่วร่าง แต่มันก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่กระแสน้ำวนพลังหยินและเปลวไฟนรกปรากฏขึ้นเหนือชั้นดาดฟ้าของอาคาร

มันเป็นลักษณะพลังที่เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก สติของเขาเริ่มลดน้อยลงทุกที แต่ถึงอย่างนั้น มุมปากของเขากลับยกยิ้มขึ้นอย่างอ่อนแรง

นายมาแล้ว…

ฉันมันไร้ประโยชน์…

ราวกับว่าความตึงเครียดภายในใจของเขาได้รับการปลดปล่อย และศีรษะของเด็กหนุ่มก็ตกลงกับพื้นเสียงดัง

และมันก็เป็นสิ่งแรกที่ฉินเย่เห็นทันทีที่เขาก้าวออกมาจากกระแสน้ำวน

และในวินาทีนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดลงสำหรับเขาเช่นกัน

เขากะพริบตาปริบ ๆ และอ้าปากราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มันกลับไม่มีคำพูดอะไรหลุดออกมา

ตายเหรอ ?

เขาตายจริง ๆ น่ะเหรอ ?

เจ้าเด็กเกเรจากโรงเรียนมัธยมปลายชิงซีที่หนีมาพร้อมกับเขาจนถึงเมืองเป่าอัน… คนเดียวกันกับเจ้าเด็กวัยรุ่นที่ขอร้องให้เขายอมเป็นเพื่อนด้วย… ตายแล้วอย่างนั้นเหรอ ? แบบนี่เลยน่ะเหรอ ?

และต่อหน้าต่อตาของเขาเลยน่ะเหรอ ?

หากจะอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ว่าเสียใจก็คงไม่ถูกนัก เพราะไม่ว่าอย่างไร เขาก็มีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว และได้เห็นการตายของผู้คนมาจำนวนก็ไม่น้อย หัวใจของเขาย่อมรู้สึกด้านชากับสิ่งเหล่านั้นไปแล้ว

แต่หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บอย่างไม่ต้องสงสัย

และมันก็เจ็บมากเสียด้วย

มันแทบจะเหมือนกับมีคนบีบน้ำมะนาวใส่มือและถูมันกับหัวใจของเขาโดยตรง แม้แต่หางตาก็รู้สึกเจ็บขณะที่หัวใจเหมือนกับหล่นลงราวกับก้อนหิน เด็กหนุ่มจ้องมองร่างที่ไร้การเคลื่อนไหวของหวังเฉิงห่าวอย่างเหม่อลอยขณะที่เลือดสีแดงฉานยังคงไหลออกมาจากร่างนั่นและซึมไปตามรอยแยกบนพื้น

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ค่อย ๆ หันหน้าไปทางวิญญาณร้าย

เห็นได้ชัดว่าวิญญาณทั้งสี่ของเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน และสองในสี่ก็ถูกฉีกกระชากไปภายในชั่วพริบตา วิญญาณอีกสองตนที่เหลืออยู่คือวิญญาณของผู้หญิงและเด็กซึ่งกำลังกรีดร้องขณะที่พยายามต้านทานการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

ทันใดนั้นเอง ขณะที่พวกเขากำลังจะพ่ายแพ้และตั้งใจจะถอยหนี กำแพงไฟนรกก็กดลงมาราวกับน้ำตกที่ไหลเชี่ยว

มันเกิดขึ้นโดยปราศจากคำเตือนใด ๆ

แต่ยังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

นอกจากนี้ พลังหยินที่มาพร้อมกับเปลวไฟนรกก็แข็งแกร่งว่าวิญญาณร้ายมาก มันกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวขณะที่พยายามหนี จากนั้น ด้วยปากที่อ้ากว้าง วิญญาณร้ายหันหัวของมันและมองไปยังอีกด้านหนึ่งของอาคาร

“ตอนแรก ข้าคิดว่าจะปล่อยให้เจ้าได้ตายเร็ว ๆ และไร้ความเจ็บปวด…” สีหน้าของฉินเย่ในตอนนี้ดูสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่พลังหยินที่อยู่รอบตัวของเขากลับบิดเบี้ยวไปมาอย่างน่าสะพรึงกลัว ในเสี้ยววินาทีต่อมา พลังหยินภายในรัศมี 100 เมตรที่อยู่รอบตัวทั้งหมดก็ไหลเข้ามารวมกันในร่างของเขา ดวงตาของฉินเย่เปลี่ยนสี ในขณะที่พลังหยินเริ่มหลั่งไหลออกมาจากร่าง ภาพเลื่อนรางของดอกบัวสีดำปรากฏขึ้นและเบ่งบานออกกลางอากาศในจุดที่พลังหยินหนาแน่นมากที่สุด

ยันต์ทุกแผ่นบนไม้ขกสักปั๊งของเขาเริ่มกระพืออย่างรุนแรงและเปล่งประกายแสงสีแดงออกมาขณะที่กางออกเป็นร่มขนาดใหญ่ที่หมุนวนไปเรื่อย ๆ เสียงของฉินเย่ยังคงดังขึ้นเบา ๆ “แต่ตอนนี้… ข้าไม่คิดที่จะทำเช่นนั้นอีกต่อไป”

ขณะที่พูด พลังหยินก็หดตัวเข้าหากันอย่างรุนแรง จากนั้น พร้อมกับเสียงที่ดังสนั่น ร่างในชุดเสื้อคลุมยาวสีขาวพร้อมกับลิ้นยาวหนึ่งเมตรและเส้นผมสีเขียวหยกที่สยายไปในอากาศอย่างน่ากลัวก็ร่อนลงมาจากท้องฟ้าราวกับเทพเจ้าของเหล่าวิญญาณทั้งปวง

ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น !

นั่นเป็นเวลาเดียวกันกับที่อุปกรณ์ตรวจจับพลังหยินภายในเมืองซินคังใหม่เริ่มส่งเสียงร้องเตือนออกมา

………

“!!!” กลับมาที่ชั้นที่ 7 ของโรงแรมทหาร กวนเกินจ้องมองหน้าจอด้วยความตกตะลึง

พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการประชุมที่ห้องประชุม แต่จู่ ๆ ข้อความบนหน้าจอ LED ที่อยู่ด้านหลังของเขากลับหายไปและมีเสียงร้องตะโกนที่ดังผ่านระบบกระจายเสียง

“มีการปะทุของพลังหยินเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียง ระดับ – อันตราย ตำแหน่ง – เขตไล่ล่า D-69 แจ้งทุกหน่วย ! แจ้งทุกหน่วย ! ย้ำ…”

“อันตราย ?” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ในห้องปรับระดับแว่นตาของตัวเองและลุกขึ้นยืน “ยมทูตขาวดำ… นั่นหมายถึงการปรากฏตัวของวิญญาณขั้นยมทูตขาวดำ ! ระดมกำลังพลทั้งหมด !!”

วู๊ดดดดด… เสียงเตือนภายในค่ายทหารดังขึ้นในทันที ผู้ฝึกตนทั้งหมดเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนกำลังทำอยู่และมุ่งหน้าไปจุดรวมพลด้วยความเร็วสูงสุด 15 นาทีต่อมา ขบวนรถทหารเดินทางออกจากค่ายทหารราวกับเครื่องจักรสงคราม และจุดหมายปลายทางของพวกเขาก็คือ – เขตไล่ล่า D-69 !

……

กลับมาที่ห้องเฝ้าระวังในเขตไล่ล่า D-72

ทั่วทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยเลือด แขนและขาของหลี่จีสี่หายไปอย่างไร้ร่องรอย และส่วนที่เหลืออยู่ของเขาก็มีเพียงศีรษะและลำตัวเท่านั้น ทำให้มีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก

ในขณะนั้น วิญญาณทั้งสองที่กำลังแทะร่างของเขาอยู่ก็พลันเงยหน้าขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็กรีดร้องออกมาสุดเสียงและถอยกลับเข้าไปหลบอยู่ที่มุมห้อง “ยมทูต ! ยมทูต ! มันคือยมทูตจริง ๆ!! เป้าหมายของเขา !”

“เขา !! เขาปรากฏตัวแล้ว !! มียมทูตอยู่จริง ๆ!! นายท่านพูดถูก !”

เสี่ยววินาทีต่อมา วิญญาณร้ายทั้งสองก็คว้าส่วนที่เหลือของหลี่จีสี่และพุ่งตรงไปยังเขตไล่ล่า D-69 ทันที

………

ซ่ากกก !! ในเวลาเดียวกัน กลับมาที่เขตไล่ล่า D-69 วิญญาณร้ายกระเด็นออกไปหลายเมตร มันจิกเท้าลงกับพื้นเพื่อรั้งตัวเอาไว้ ทิ้งไว้เพียงร่องลึกประมาณฟุตครึ่งสองร่องลากไปตามพื้นก่อนที่จะกระแทกเข้ากับผนังอย่างแรง รอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนกำแพง

ซ่ากกก… โฮกกก !! ดวงตาของวิญญาณร้ายเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด การปะทะกันเมื่อครู่บอกมันว่าคู่ต่อสู้มีพลังหยินที่ล้นหลามราวกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ! และก็อยู่คนละระดับกับมันอย่างสิ้นเชิง !

นอกจากนี้… มันยังสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่ปะทุขึ้นมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจในทุกครั้งที่มันเข้าไปใกล้อีกฝ่ายในรัศมีห้าเมตร

ชายผู้นี้… ไม่สิ ตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวตรงหน้าสามารถฉีกร่างของมันเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย…

วิญญาณสองตนที่เหลืออยู่ในพันธะห้าวิญญาณของฉินเย่ไม่เอ่ยอะไรออกมา พวกเขาเพียงซ่อนตัวอยู่ที่มุม ๆ หนึ่ง ตัวสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ลางสังหรณ์ของเราถูกแล้ว… ชายผู้นี้… น่ากลัวเกินไป… มันเป็นเรื่องดีแล้วที่เรายอมจำนนต่อเขา…

“ลุกขึ้น” ขณะที่วิญญาณร้ายเริ่มมองเห็นดาววนรอบตัว มันก็สังเกตเห็นเท้าคู่หนึ่งที่ค่อย ๆ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของตน จากนั้นน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อก็ดังขึ้น “มันจะไม่ง่ายไปหรอกหรือที่เจ้าจะตายไปง่าย ๆ แบบนั้น ?”

บัดซบ… บัดซบ !

ความแค้นและความโกรธภายในใจเข้าครอบงำเหนือเหตุผล และพร้อมกับเสียงร้องอย่างบ้าคลั่ง มือของมันยืดออกและพุ่งเข้าหาฉินเย่อีกครั้ง

“นี่ใช่วิธีเดียวกันกับที่เจ้าฆ่าหวังเฉิงห่าวหรือไม่ ?” ฉินเย่มองวิญญาณร้ายตรงหน้าอย่างเย็นชาและตวัดไม้ขกสังปั๊งของตัวเองอย่างแรง ฟึ่บ ! กร๊อบ ! เสี้ยววินาทีต่อมา วิญญาณร้ายจับเข้าที่แขนขวาของตนและกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ซ่ากกก… ซ่าาา !!!

เวลานี้ แขนของมันบิดเบี้ยวในลักษณะที่เกินกว่าที่จินตนาการได้ กระดูกของมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในขณะที่เล็บที่แหลมคมของมันหักกระจายไปบนพื้น แต่มันก็ไม่มีช่องว่างให้ทันได้หายใจเลยแม้แต่น้อย เพราะทันใดนั้น มันก็รู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่าง… กำลังกำผมบนหัวของตัวเองเขาไว้ !

จากนั้น ก่อนที่มันจะทันได้ตอบสนองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็พบว่าใบหน้าของตัวเองถูกจับกระแทกลงกับพื้นเสียงดังลั่น รอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นทันที จากนั้น ท่ามกลางเสียงกรีดร้องที่น่าสังเวช มันก็พบว่าตัวเองถูกลากออกไปเป็นระยะทางหนึ่ง ก่อนจะถูกกดหน้าลงกับพื้นอีกครั้งต่อหน้าของหวังเฉิงห่าว

หวังเฉิงห่าวรู้ว่าเขาเหลือเวลาอยู่อีกเพียงไม่มาก แต่เด็กหนุ่มก็ยังสามารถฝืนมันเอาไว้ได้ด้วยแรงใจที่มุ่งมั่น และในวินาทีนั้น เขาก็หัวเราะออกมา

เป็นภาพที่ไม่น่าดูเลยสักนิด

เลือดสีแดงไหลออกจากปากราวกับน้ำพุ ไม่ว่าเขาจะขยับไปตรงไหน เลือดก็จะไหลออกมา แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาของเขากลับเป็นประกายสดใสมากกว่าทุกครั้งขณะที่มองดูฉินเย่จัดการกับวิญญาณร้ายที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง

ใบหน้าของวิญญาณร้ายในตอนนี้แทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกต่อไป มีเพียงเศษกะโหลกที่น่าสยดสยองของมันเท่านั้นที่สัมผัสกับอากาศ ร่างของมันสั่นเทาและขยับแขนขาไปมาอย่างบ้าคลั่ง แต่มันก็ไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ภายใต้การปราบปรามของพลังที่เหนือกว่า

“เสี่ยวหวัง” ฉินเย่คลายมือของตนและกระทืบเท้าลงบนร่างของวิญญาณร้ายอย่างแรง เสียงกรีดร้องแหลมเสียงหูดังผ่านความมืดมิดขณะที่ศีรษะของวิญญาณร้ายจมลงไปในพื้นคอนกรีต

“ข้าล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”

หวังเฉิงห่าวยังคงหัวเราะอย่างอ่อนแรงแม้ว่าโลกเบื้องหน้าของเขาจะกำลังสั่นคลอนก็ตาม

เด็กนี่… ไม่รอดแล้ว…

ฉินเย่ถอนหายใจออกมา แม้แต่สมุดแห่งความเป็นตายก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ได้ แน่นอน สมุดแห่งความเป็นตายคือมหาสมบัติของยมโลก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ถูกยิงเข้าที่หัวจะสามารถฟื้นกลับมาเป็นปกติได้

เพราะสุดท้าย ความเป็นและความตายก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดโดยสวรรค์อยู่ดี

จงจากไปอย่างสงบ… ข้ามั่นใจว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้…

ฉินเย่สูดหายใจเข้าช้า ๆ กระชับมือรอบอาวุธของตนแน่นขึ้นและกดปลายของมันลงไปที่ศีรษะของวิญญาณร้าย จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ บิดปลายของไม้ขกสังปั๊งและกดมันให้ลึกลงไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ความปราณี

แกร๊ก… เสียงกะโหลกถูกเจาะดังขึ้น

ครืดดดด… เสียงกระดูกถูกบดดังก้องไปทั่ว ในขณะที่วิญญาณร้ายเริ่มกรีดร้องเพื่อขอความเมตตาในที่สุด “ไว้ชีวิต… ไว้ชีวิต…ด้วย !”

“อย่าฆ่าข้า… ยะ ยะ อย่า… อย่า… ฆ่าข้า…”

“ข้าไม่อยากตาย… ได้โปรด… ข้าไม่อยากตาย… ดะ ได้โปรด…”

“เจ้าไม่อยากตายอย่างนั้นหรือ ?” สีหน้าของฉินเย่ดูใจเย็นอย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่วิญญาณร้ายยังคงเหวี่ยงแขนไปมาอย่างกระเสือกกระสน

“แต่ก็อย่างว่า… มีคนสติดีที่ไหนบ้างที่อยากตาย ?”

“ในทางกลับกัน มันยุติธรรมแล้วที่จะชดใช้ชีวิตด้วยชีวิต…”

ฉึก ๐! ทันทีที่เอ่ยจบ ไม้ขกสังปั๊งก็แทงทะลุกะโหลกของวิญญาณร้าย ดับเปลวไฟนรกที่หลงเหลืออยู่ภายในร่างของมันลงภายในชั่วพริบตา