ตอนที่ 609 รวมตัวเพื่อเปรียบเทียบ
ภายใต้สายตาหลานสาว ผู้เฒ่าเผยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน จำใจบอกว่า “ไม่ได้แอบไปดูเสียหน่อย แค่ไปดื่มเหล้ากับพี่ใหญ่สักสองแก้ว”
“เอาละ! ข้าไม่แกล้งท่านปู่แล้วเจ้าค่ะ” เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ บอกว่า “วันนี้ข้าแค่เข้ามาดูเสียหน่อยว่าท่านปู่เตรียมตัวเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เห็นท่าทางดียิ่ง เช่นนั้นข้าก็วางใจ”
“อืม ปู่สบายดีมาก เจ้าวางใจเถอะ!” ผู้เฒ่าหรี่ตายิ้มมองนาง ในใจปลาบปลื้มอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรก็ไม่นึกว่าเขาอายุมากถึงเพียงนี้จะได้แต่งงานอีกครั้ง
“อีกสองวันเป็นวันมงคลใหญ่ของท่านปู่ สองวันนี้ไม่ต้องฝึกบำเพ็ญ พักผ่อนดีๆ เถอะเจ้าค่ะ!” เธอกล่าวเตือน กังวลว่าเขาฝึกบำเพ็ญมากเกินไป ก่อนงานแต่งยิ่งยุ่งมาก ร่างกายจะทนไม่ไหว
“รู้แล้วๆ ปู่รู้ดี” เขาหรี่ตาพลางพยักหน้า แล้วกล่าวเหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ “จริงสิแม่หนูเฟิ่ง คนตระกูลหลินคล้ายจะคาดเดาตัวตนภูตหมอของเจ้าออกแล้ว หากวันนั้นพี่ใหญ่ไม่พูดขึ้นมา ปู่ก็ไม่รู้เลยว่าในสินสอดนั้นเจ้าเพิ่มยาร้อยขวดไปด้วย”
เรื่องสินสอดล้วนให้พวกเขาจัดการ ลูกชายไม่บอกเขาก็ไม่เคยถาม ถึงอย่างไรก็สั่งแล้วว่าต้องเตรียมการอย่างดีและจะเสียมารยาทไม่ได้ แต่ไม่นึกว่าสินสอดนี้จะมากมายเสียจนเขายังประหลาดใจ
โดยเฉพาะยาร้อยขวดนั้น ด้วยชื่อภูตหมอของแม่หนูเฟิ่ง ยาที่นางปรุงออกมาทุกขวดล้วนมีราคาที่ไม่อาจซื้อได้ นางกลับปรุงมาใช้เป็นสินสอดร้อยขวดภายในเวลาสั้นๆ แค่นั้น
หลังจากเขารู้เรื่องนี้ นอกจากความประหลาดใจ ในใจก็มีเพียงความซาบซึ้ง
นางจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเสียเนิ่นๆ เพื่อเป็นหน้าเป็นตาแก่เขา แล้วจะไม่ให้ปู่เช่นเขาซึ้งใจได้อย่างไร?
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็ยิ้มแย้ม “ท่านปู่แต่งงาน เช่นนั้นหลานสาวอย่างข้าจึงต้องให้ของขวัญด้วย! ข้าไม่มีอะไรอย่างอื่น ยาพวกนี้ปรุงเสียหน่อยก็ได้มาแล้ว”
“เจ้านี่นะ!” เขาส่ายหน้า มองนางอย่างรักใคร่และเอ็นดู
ของล้ำค่ามีราคาที่คนอื่นยากจะได้ครอง พอมาถึงนางกลับกลายเป็นสิ่งของที่จะปรุงเมื่อไรก็ได้ หากคนอื่นรู้ว่าภูตหมอผู้มีชื่อเสียงไปทั่วทุกแคว้นคือหลานสาวเขา ธรณีประตูนี้ต้องถูกคนที่มาขอแต่งงานเหยียบจนราบคาบแน่นอน
เฟิ่งจิ่วคุยเล่นเป็นเพื่อนเขาสักพัก ซ้ำยังเล่าเรื่องที่พบองค์ชายพวกนั้นเมื่อครู่และสบโอกาสจัดการพวกเขา ทำให้ผู้เฒ่าหัวเราะดังลั่น สุดท้ายเห็นว่าท้องฟ้ามืดลงแล้ว ถึงจะออกไปหาบิดาเสียก่อน
แต่ใครก็นึกไม่ถึง องค์ชายพวกนั้นที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากลานฝึกประลองยุทธ์และคิดจะกลับไปยังไม่ทันถึงที่พัก เสด็จพ่อพวกเขาก็ส่งคนมาเรียกตัวแล้ว
ภายในตำหนักของเฟิ่งเซียว ผู้ครองแคว้นทุกท่านรวมตัวอยู่ในห้องโถง ผู้ครองแคว้นเล็กระดับเก้าสิบกว่าแคว้นโดยรอบต่างมาถึงแล้ว หลังจากพวกเขาคุยกันก็บอกว่าจะเรียกพวกลูกชายเข้ามาคารวะ
อันที่จริงแค่อยากให้องค์ชายแต่ละแคว้นมารวมตัว และเปรียบเทียบกันว่าลักษณะท่าทางใครจะโดดเด่นกว่าเท่านั้นเอง
องค์ชายพวกนี้บางคนอยู่ด้วยกัน บางคนก็ไม่รวมกลุ่ม ด้วยเหตุนี้นอกจากแปดคนที่โดนเฟิ่งจิ่วจัดการ ยังมีอีกหกเจ็ดคนที่แยกย้ายกันไปฝึกบำเพ็ญในห้องอีก
หลังจากหกเจ็ดคนนั้นเข้ามาคารวะ ก็นั่งลงด้านหลังเสด็จพ่อพวกเขา แต่ละคนสวมเสื้อผ้าหรูหรา บุคลิกท่าทางก็โดดเด่น
ทว่าระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยหัวเราะกัน ทหารอารักขาก็รายงานว่าองค์ชายท่านอื่นๆ มาถึงแล้ว ทุกคนในท้องพระโรงต่างยิ้มและมองไปตรงประตู เฟิ่งเซียวตรงตำแหน่งผู้อาวุโสยิ้มพลางสั่งให้รีบเชิญพวกเขาเข้ามา
แต่เมื่อเห็นองค์ชายทั้งแปดเข้ามาพร้อมกัน ท่าทางหลบๆ ซ่อนๆ นั้นทำให้ทุกคนในท้องพระโรงแปลกใจ เมื่อพวกเขาเงยหน้ามองมา ทุกคนก็ตกตะลึง
………………………………………………….
ตอนที่ 610 ประโยชน์มากมาย
“นะ…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ผู้ครองแคว้นท่านหนึ่งลุกขึ้นมาด้วยความโมโห มองลูกชายที่เข้ามาอย่างโกรธเคือง
จะพาลูกชายมาราชวงศ์เฟิ่งหวงนี้ได้ ต้องเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่ลูกชายทั้งหลาย เดิมอยากให้ทุกคนเห็นบุคลิกท่าทางและความสง่างามของลูกชายเขาเสียหน่อย ใครจะนึกว่ากลับเห็นเขาจมูกช้ำหน้าบวมเข้ามาอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้ากันแน่ ภายในพระราชวังราชวงศ์เฟิ่งซวงนี้มีคนกล้าทำร้ายพวกเจ้าหรือ?” ผู้ครองแคว้นอีกคนเอ่ยเสียงเข้ม แรงกดดันทั่วร่างกระจายออกมา ทั่วท้องพระโรงต่างรู้สึกถึงบรรยากาศตึงเครียด
หลังจากได้ยินคำพูดที่ผู้ครองแคว้นท่านนั้นเอ่ยออกมา คนอื่นๆ ก็ไม่ปริปากอีก พวกเขาเพียงมองลูกชายที่จมูกช้ำหน้าบวมพลางเก็บกดความโกรธในใจไว้ ช่างน่าขายหน้าพวกเขาจริงๆ
มีเพียงผู้ครองแคว้นท่านอื่นที่สีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากแววตาน่าเกรงขามมองผ่านแปดคนนั้น ก็ยกน้ำชาขึ้นจิบต่อเบาๆ
พวกเขาไม่ต้องสนใจ คนที่เสียหน้าไม่ใช่ลูกชายของพวกเขา
อืม พอเปรียบเทียบและมองเช่นนี้ องค์ชายแคว้นอื่นๆ ก็แค่นี้เอง
องค์ชายพวกนั้นที่นั่งอยู่ด้านหลังเสด็จพ่อพวกตน ยามนี้ในดวงตาเผยความแปลกใจ มาถึงวังไม่กี่วัน คนพวกนี้พวกเขาก็ไม่เคยพบหน้า แค่รังเกียจที่จะคบหากับพวกเขา
ไม่นึกว่าวันนี้จะเห็นพวกเขาแต่ละคนปรากฏตัวทั้งจมูกช้ำหน้าบวม น่าสงสัยจริงๆ ว่าพวกเขาบาดเจ็บไปทั้งหน้าเช่นนี้ได้อย่างไร? จะน่าเกลียดเกินไปแล้ว
ยามนี้องค์ชายแปดคนที่เดินเข้ามาต่างอึดอัดในใจ ใบหน้าร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าอายหรือเจ็บกันแน่
พวกเขาได้ยินว่าเสด็จพ่อเรียกตัว จึงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยเฉพาะและถึงจะเข้ามา มิเช่นนั้นยามนี้คงยิ่งน่าอับอาย แต่เสียหน้าต่อหน้าผู้ครองแคว้นและองค์ชายแต่ละแคว้นเช่นนี้ พวกเขาก็ละอายใจที่จะพบหน้าอยู่บ้าง
พวกเขาใช้แปดรุมหนึ่ง แต่สุดท้ายยังพ่ายแพ้ แพ้เสียจนเงยหน้าไม่ขึ้นเช่นนี้
หลังจากพวกเขามองหน้ากัน ก็คารวะไปทางผู้ครองแคว้นทั้งหลายโดยพร้อมเพรียง องค์ชายโฉมงามคนนั้นถึงค่อยเอ่ยปากว่า “เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ พวกเรารวมตัวกันว่างๆ ไม่มีอะไรทำจึงอยากฝึกซ้อมฝีมือ แต่ไม่นึกว่าจะลงมือแรงไปหน่อย ถึงทำให้บาดเจ็บทั้งหน้าเช่นนี้ ทำให้เสด็จพ่อกับท่านผู้ครองแคว้นทั้งหลายเป็นกังวล พวกเราไม่ควรเลยจริงๆ”
ได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ก็รีบร้อนเข้าไปกล่าว “ใช่พ่ะย่ะค่ะๆ พวกเราไม่ควรเลย ครั้งนี้แค่ฝึกซ้อมกัน ไม่นึกว่าไปๆ มาๆ จะลงมือหนักเกิน พวกเราก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้”
ได้ยินเช่นนี้ ท่าทีทุกคนในท้องพระโรงต่างแปลกใจ การจะเป็นผู้ครองแคว้นได้แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ปราดเปรื่อง วาทศิลป์ของพวกเขาหลอกคนอื่นได้ หากเหล่าผู้ครองแคว้นเชื่อสิถึงจะแปลก
แต่ผู้ที่จัดการพวกเขาทั้งหมดได้ ซ้ำยังทำให้พวกเขาช่วยกันปิดบังไม่กล้าพูดออกมา ภายในพระราชวังนี้มีคนเช่นนี้ด้วยหรือ?
พวกเขาคาดไม่ถึง แต่เฟิ่งเซียวตรงตำแหน่งผู้อาวุโสเห็นองค์ชายพวกนั้นกลับกระแอมไอเบาๆ ยกน้ำชาขึ้นจิบ หลังจากปกปิดรอยยิ้มตรงริมฝีปากถึงจะเอ่ยปากว่า
“การฝึกซ้อมมีประโยชน์ต่อการพัฒนาพละกำลัง องค์ชายทั้งหลายก่อนหน้านี้ต่างอยู่กันคนละแคว้น ยากนักที่จะพบกัน มีโอกาสได้ฝึกซ้อมย่อมเป็นประโยชน์มากแน่นอน”
ทั้งแปดคนได้ยินคำพูดนี้ ต่างก้มหัวลงเล็กน้อยและขานรับอย่างไม่ชัดเจนนัก
เสด็จพ่อพวกเขาเห็นเช่นนี้ แม้ในใจมีความขุ่นเคือง กลับยากจะแสดงออกมา ขณะกำลังจะไล่พวกเขาถอยไปก็ได้ยินเสียงรายงานดังมาจากด้านนอก…
………………………………………………….