บทที่ 279 สังฆราชศักดิ์สิทธิ์

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 279 สังฆราชศักดิ์สิทธิ์
บทที่ 279 สังฆราชศักดิ์สิทธิ์

[ท่านได้ทำการกำจัด บอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ’ สำเร็จแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์ 9,000,000 หน่วย!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้รับค่าประสบการณ์ 81,000,000 หน่วย!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ เลเวลอัป!]

[สัตว์ขี่ของท่าน ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ เลเวลอัป!]

ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพถูกกำจัดลงไปก่อนที่เซียวเฟิงจะร่ายสกิลครบ 4 รอบเสียด้วยซ้ำ ยังไงเสียในฐานะที่เป็นบอสนักเวท มันย่อมต้องมีพลังชีวิตน้อยกว่าบอสตัวอื่น ๆ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว นอกจากนี้มันยังโดน ‘ลมหายใจแห่งนรก’ ของกัปตันโบลตันไปอีก เพราะงั้นมันจึงถูกฆ่าโดยเซียวเฟิงได้ในเวลา 1 นาทีกว่า ๆ เท่านั้น

ค่าประสบการณ์อันมหาศาลนี้ไร้ค่าสำหรับเซียวเฟิง แต่มันก็ทำให้เสี่ยวเสวี่ยสามารถอัปเลเวลได้ถึง 2 เลเวลเลยทีเดียว เพราะงั้นมันจึงมีเลเวลมากถึง 28 แล้ว! ซึ่งสกิลติดตัวเสี่ยวเสวี่ยก็ช่วยเสริมให้ค่าสถานะพื้นฐาน 5 อย่างของเซียวเฟิงเพิ่มขึ้นอีกขั้นด้วย

แต่เซียวเฟิงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้ เขารีบวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังจุดที่บอสถูกกำจัด แสงสีม่วงสว่างออกมาชัดเจนจากบนพื้น

มันเป็นอาร์ติแฟกต์อีกชิ้นหนึ่งของเซ็ตมังกรปีศาจจริง ๆ ด้วย!

เท้ามังกร

ระดับ : อาร์ติแฟกต์

ประเภทอุปกรณ์สวมใส่ : เท้า

เลเวลอุปกรณ์ : ไม่มี

ข้อกำหนดที่ต้องการ : ไม่ระบุ

ค่าสถานะ :

ความแข็งแกร่ง + (เลเวลผู้เล่น x2)

ค่าร่างกาย + (เลเวลผู้เล่น x2)

ความคล่องตัว + (เลเวลผู้เล่น x2)

ค่าพลังเวท + (เลเวลผู้เล่น x2)

ค่าจิตวิญญาณ + (เลเวลผู้เล่น x2)

สกิล :

มังกรกระโจน : สกิลติดตัว – เมื่อเข้าเงื่อนไขสกิล แรงกระโดดจะเพิ่มขึ้น 100%

จิตวิญญาณแห่งมังกร : สกิลติดตัว – เมื่อเข้าเงื่อนไขสกิล เพิ่มความเร็วการเคลื่อนที่ 100% โดยไม่สนใจน้ำหนัก

มังกรย่ำ : สกิลกดใช้ – กระทืบเท้า สร้างคลื่นแผ่นดินไหว 3 ครั้งพร้อมสร้างความเสียหายแก่ศัตรูในวงกว้าง ความเสียหายของคลื่นแผ่นดินไหวแต่ละครั้ง มีค่าเท่ากับ 50% ของพลังเวท คูลดาวน์ 1 ชั่วโมง

คำอธิบาย : ‘1 ในเซ็ตมังกรปีศาจ ความสามารถของชุดจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อรวบรวมทั้งชุดได้ครบแล้ว’

ชิ้นนี้เป็นส่วนของรองเท้า! ดังนั้นสกิลติดตัวของมันจึงเน้นหนักไปทางเพิ่มความคล่องตัวและการกระโดดเป็นหลัก แถมสกิลเพิ่มความเร็วเองก็ตัดปัญหาเรื่องน้ำหนักออกไปด้วย ทันทีที่สวมใส่ เซียวเฟิงก็รู้สึกว่าตนเองเบาขึ้นราวกับของในกระเป๋าถูกกลืนหายไปหมดแล้วเลย ราวกับเขากลายเป็นสายลมแล้วเสียอย่างนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น สกิลกดใช้ของไอเทมชิ้นนี้ยังเป็นสกิลหมู่ที่ระยะค่อนข้างกว้างซึ่งหายากมาก ๆ อีกด้วย หลังจากที่เขาเปลี่ยนเอารองเท้าซาลาแมนเดอร์ระดับทองเก็บเข้ากระเป๋าไปแล้ว ค่าสถานะต่าง ๆ ของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ในตอนนี้ เซ็ดมังกรปีศาจเหลือไอเทมที่ต้องล่าอีกเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น!

“ไปกันเถอะ! เข้าไปในเมืองกันเดี๋ยวนี้เลย!”

หาได้ยากที่เซียวเฟิงจะแสดงความพึงพอใจออกมาขนาดนี้ เซ็ตมังกรปีศาจทำให้เขาตื่นเต้นได้ตลอดเลยจริง ๆ ความพยายามที่ยาวนานของเขากำลังจะบรรลุแล้ว ชายหนุ่มไม่คาดคิดเลยว่าจู่ ๆ จะมาเก็บได้ครบทุกชิ้นในวันเดียวกันเช่นนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งอดใจไม่ไหวขึ้นมาเรื่อย ๆ

“ท่านแม่ทัพใหญ่! ท่านมาแล้ว!”

อย่างไรก็ตาม เมื่อเซียวเฟิงเข้าไปในเมืองแห่งความโศกเศร้าจากทางประตูทิศใต้ที่เพิ่งถล่มลงมา เขาก็พบว่าการต่อสู้ภายในนั้นไม่ได้ดุเดือดอย่างที่ตัวเองคิด ดังนั้นมันเลยทำให้ชายหนุ่มใจเย็นลงมาได้บ้าง

“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? ทำไมท่านถึงไม่ได้ต่อสู้อยู่ล่ะ?” เซียวเฟิงรีบวิ่งตามหาตัวแม่ทัพเหลาหู่แล้วรีบถามถึงสถานการณ์ในทันที

“ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านช่างกล้าหาญชาญชัยจริง ๆ ! ตอนนี้เหล่าทัพแห่งความมืดเริ่มจะถอยทัพกันแล้วครับ!” แม่ทัพเหลาหู่รีบตอบพร้อมกับเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนใบหน้าชัดเจน

“ว่ายังไงนะ!? ถอยกลับเหรอ!?”

เซียวเฟิงตกใจมาก เขาเพิ่งจะหาผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพที่สมรภูมิด้านนอกแล้วเข้ามาช้านิดหน่อย ทำไมทัพแห่งความมืดถึงได้ตัดสินใจล่าถอยกันเร็วขนาดนี้?

“ใช่แล้วครับ! ภายใต้การนำทัพที่ชาญฉลาดของท่าน ทัพสัมพันธมิตรของพวกเราได้พิชิตทัพแห่งความมืดส่วนใหญ่และทำลายฐานที่มั่นของพวกมันได้เรียบร้อยแล้วครับ!”

หัวหน้าผู้พิพากษากิโลเองก็เข้ามาและยิ้มชื่นชมให้เซียวเฟิงด้วยอีกคน

“ท่านอาร์คบิชอปช่างแข็งแกร่งจริง ๆ! ด้วยการโจมตีของท่านเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้ทัพสัมพันธมิตรของพวกเราชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างง่ายดายเลย! ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีของวิหารแห่งแสงยิ่งนัก!” บิชอปเรนัลด์เข้ามาเสริมด้วยคำเยินยอ

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันน! แล้วพวกท่านเจอบอสระดับเทพเจ้าที่ชื่อว่า ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพกันบ้างหรือเปล่า?” เซียวเฟิงอยากจะตกใจ แต่เขาก็ไม่มีเวลามาตกใจขนาดนั้น ดังนั้นจึงรีบถามในสิ่งที่ตามหาอยู่ไปก่อน

“เอ่อ สมรภูมิแห่งนี้มันวุ่นวายเกินไปเพราะมีผู้เล่นเข้ามาร่วมด้วย พวกเราเองจึงไม่ได้สนใจบอสระดับสูงของทัพแห่งความมืดเสียเท่าไหร่ แต่ว่าข้าเห็นว่ามีทัพแห่งความมืดบางส่วนพากันหนีออกไปทางจุดเคลื่อนย้ายมวลสารนะครับ นำโดยเจ้าแห่งลิชตนนั้น”

ทั้งสามคนรวมถึงแม่ทัพเหลาหู่ได้แต่มองหน้ากันเองด้วยความไม่รู้

“แล้วพวกท่านจะรออะไรกันอยู่? รีบตามมันไปสิ!”

เซียวเฟิงเลือดร้อนขึ้นมาทันที เขาเกือบจะได้ชุดเซ็ตมังกรปีศาจมาจะครบอยู่แล้ว ถ้าขืนเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา มันจะต้องเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากแน่ ๆ

บอสระดับเทพเจ้านั้นไม่ใช่อะไรที่จะฆ่าได้ง่าย ๆ ถึงแม้ว่ามันจะง่ายเนื่องจากเขาสามารถใช้พลังแห่งพระเจ้าได้ แต่มันก็ยังถือว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดี เพราะบอสไม่ใช่จะเป็นฝ่ายรับการโจมตีฝ่ายเดียว ขนาดกัปตันโบลตันยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงกว่าจะกำจัดบอสระดับเทพเจ้าได้สักตัวหนึ่ง

ทุกวินาทีในสนามรบตอนนี้มีค่ามาก ๆ สำหรับเซียวเฟิงแล้ว เขาไม่เชื่อว่าผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพตนนั้นจะถูกทัพสัมพันธมิตรกำจัดลงได้ ดังนั้นทางที่น่าจะเป็นไปได้มากทีสุดคือ มันหนีตามไปกับเจ้าแห่งลิชเท่านั้น เช่นนั้นแล้วจะให้เซียวเฟิงใจเย็นอยู่ได้อย่างไร!

ชุดเซ็ตมังกรปีศาจของเขามันเกือบจะครบแล้วหากกำจัดผู้คุ้มกันตนสุดท้ายแห่งปราสาทใต้พิภพได้ แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะมาชิงหนีไปในจังหวะสุดท้ายเช่นนี้! แถมเขายังโดนเหล่าผู้นำทัพคนอื่น ๆ ของสัมพันธมิตรมาทำตัวสบายใจใส่อีก!

“การทุ่มเทเพื่อสร้างความสงบสุขของท่านอาร์คบิชอปช่างทำให้พวกเรารู้สึกละอายใจแก่ตนเองยิ่งนัก ดังนั้นในนามแห่งข้า ข้าขอประกาศให้แก่เหล่าข้ารับใช้แห่งแสงสว่างภายในดินแดนแห่งพระเจ้าทุกคน จงมอบภารกิจในการตามล่าและกำจัดเหล่าทัพแห่งความมืดมิดที่เหลือทั้งหมดให้จงได้! ทำให้มั่นใจว่าไม่มีพวกมันเหลือรอดอยู่ในผืนแผ่นดินนี้อีก!”

หัวหน้ากิโลผู้เคร่งขรึมอยู่เสมอทำได้เพียงทำความเคารพเซียวเฟิงแบบพาลาดินก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น

ทว่าการประกาศภารกิจไล่ล่าในตอนนี้ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์เสียแล้ว เซียวเฟิงขี่เสี่ยวเสวียบินขึ้นในอากาศ อยู่บนฟากฟ้าเหนือสนามเพื่อดูภาพรวม เขาพบว่า ภายในสนามรบนั้น นอกจากผู้เล่นและทัพของสัมพันธมิตรที่กำลังกำจัดพวกมอนสเตอร์ตัวเล็กที่เหลือรอดอยู่ ก็ไม่มีวี่แววของบอสระดับสูงหรือเจ้าแห่งลิชตัวนั้นเลย ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกหัวเสียขึ้นมาในทันที

ภารกิจสนามรบที่ดำเนินมาทั้งคืน จากกลางดึกจนกระทั่งเกือบเช้านี้โด่งดังไปทั่วเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง

อย่างแรกเลย จำนวนของผู้เล่นที่เข้าร่วมกับภารกิจครั้งนี้มีมากกว่าสิบล้านคน ซึ่งถือเป็น 1 ใน 10 ของผู้เล่นในเขตฮัวเซียทั้งหมด! นอกจากผู้เล่นที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนักแล้ว สนามรบแห่งนี้ก็มีผู้เล่นระดับสูงของเขตฮัวเซียมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเลยด้วย!

โดยเฉพาะเหล่ากิลด์ขนาดใหญ่ทั้งหลาย พวกเขาทั้งหมดมีส่วนร่วมในสงครามครั้งนี้เป็นอย่างมาก!

ภารกิจสมรภูมิในครั้งนี้ จะเรียกได้ว่าเป็นภารกิจระดับเขตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ หลังจากที่มันจบสิ้นลง ผู้เล่นที่ได้เข้าร่วมนั้นขั้นต่ำก็ต้องมีเลเวลอัปกันสักหนึ่งเลเวลแน่ ๆ !

นอกจากนี้บนตารางอันดับไอเทมเองก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเช่นกัน!

แต่เดิมแล้ว ภายในเขตฮัวเซียนั้นมีไอเทมระดับอาร์ติแฟกต์และเทพเจ้าเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นในตาราง แต่ตอนนี้มันเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว! โดย 20 อันดับแรกนั้นถูกจับจองไปด้วยระดับเทพเจ้ากันให้ละลานตา เช่นนั้นแล้วพวกเขาไม่ต้องสงสัยเลยว่าศักยภาพของเขตฮัวเซีย ณ ปัจจุบันนี้เพิ่มมากขึ้นขนาดไหน!

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลายคนก็สังเกตได้ว่าอาร์ติแฟกต์ที่ติดอยู่ในอันดับเป็น 5 อันดับแรกนั้นมีชื่อที่คล้ายกัน หนำซ้ำชื่อเจ้าของที่ปิดไว้นั้น ไม่ว่ามองยังไงก็จะเห็นได้ว่าเป็นคนเดียวกันอีก พวกเขาสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าผู้ที่ครอบครองทั้งห้าชิ้นนั้นเป็นคนคนเดียวกัน และอาร์ติแฟกต์พวกนี้ต้องเป็นเซ็ตอย่างแน่นอน!

ภายในเขตฮัวเซียแห่งนี้ มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทำแบบนี้ได้ นั่นคือ เจ้าแห่งฮีลเลอร์!

มีเพียงหัวหน้าของกิลด์ขนาดใหญ่เท่านั้นที่รู้ว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นมีเลเวลสูงเกินกว่าผู้เล่นธรรมดาทั่วไปเยอะแล้ว พวกเขากล้าพูดได้เลยว่าคนคนนี้เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเขตฮัวเซีย เพราะเขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของทัพสัมพันธมิตรในภารกิจสมรภูมิที่เพิ่งจบไปนี้!

นี่เป็นเรื่องที่ผู้เล่นทั่วไปไม่มีทางรู้ได้อย่างแน่นอน หากปล่อยเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะล่ะก็ มันต้องกลายเป็นเรื่องที่ผู้เล่นทุกคนต้องพูดถึงกันแน่ ๆ

สิ่งที่ได้มาจากการเข้าร่วมภารกิจสมรภูมิครั้งนี้คือก้าวที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ สำหรับผู้เล่นในเขตฮัวเซีย ไม่ว่าจะเป็นเลเวล แต้มความสำเร็จ หรือแม้แต่จะเป็นไอเทมระดับสูง ไม่ว่าจะอะไรก็ตามมันทำให้กำลังสำคัญหลาย ๆ ฝ่ายในเขตฮัวเซียเกิดการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เชื่อว่าจะต้องมีภารกิจสมรภูมิคล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในเขตอื่นด้วยเช่นกัน ไม่งั้นแล้วเขตอื่นจะต้องตามหลังเขตฮัวเซียในระดับที่ทิ้งห่างเลยทีเดียว

ทุก ๆ คนที่ได้เข้าร่วมต่างเก็บเกี่ยวทุกสิ่งอย่างจนอิ่มเอมใจ จะมีก็แต่เซียวเฟิงที่ดูจะไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่เขานำทัพสัมพันธมิตรเคลื่อนย้ายออกมา ระหว่างที่กลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์เพื่อส่งมอบภารกิจ สีหน้าของเขาก็ดูจะซีดเซียวอยู่ตลอดเวลา

นั่นเพราะนี่เป็นภารกิจสำหรับเปลี่ยนคลาสของเขา มันจึงไม่มีของรางวัลอะไรนอกจากคลาสที่ตัวเองจะได้รับ แถมชุดเซ็ตมังกรปีศาจที่เกือบจะครบแล้ว ท้ายสุดก็ไม่ครบเหมือนเดิม ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่สามารถหลอกตัวเองให้มีความสุขได้

“ฐานที่ตั้งของเผ่าพันธุ์แห่งความมืดภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าได้ถูกทำลายลงแล้ว ท่านทำได้ดีมาก”

เทพธิดาแห่งแสงนั่งอยู่บนบัลลังก์เช่นเดิม น้ำเสียงของเธอราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์หรือความตื่นเต้นแต่อย่างใด เธอยังคงสูงส่งและเปี่ยมไปด้วยพลังที่เอ่อล้น แววตาที่เหลียวมองลงมานั้นทำให้เซียวเฟิงไม่กล้าขัดขืนอะไรไม่ว่าเขาจะไม่ชอบใจก็ตาม

ร่างของเซียวเฟิงถูกปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างจ้ากว่าทุกครั้งจนเขาจำเป็นต้องหลับตาลง ภาพที่เขาเห็นอย่างเลือนลางนั้นเป็นภาพของปีกคู่ใหญ่ที่สยายกว้างออกมาจากด้านหลังของเทพธิดาแห่งแสงตรงหน้า ก่อนที่เสียงของระบบดังขึ้นมาสะท้อนในหูเขา

[ภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 ของท่าน ‘ทำลายเมืองแห่งความโศกเศร้า’ ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว!]

[พลังแห่งทวยเทพภายในตัวท่านถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาแล้ว ท่านได้ทำการเปลี่ยนคลาสที่ 2 เสร็จสมบูรณ์!]

[ท่านได้ทำการเปลี่ยนคลาสเป็น ‘สังฆราชศักดิ์สิทธิ์’ เรียบร้อยแล้ว!]

[ท่านเป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำการเปลี่ยนคลาสที่ 2 สำเร็จ ท่านได้รับรางวัลเป็น คะแนนชื่อเสียงเขต 100 แต้ม ระบบจะทำการประกาศข่าวนี้ไปทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์!]

[ท่านเป็นผู้เล่นคนแรกในเขตฮัวเซียที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนคลาสที่ 2 ได้รับรางวัลเป็นคะแนนชื่อเสียง ระบบจะทำการประกาศข่าวนี้ไปทั่วทั้งเขต ท่านต้องการจะซ่อนชื่อของท่านหรือไม่?]

[เพราะชื่อตัวละครของท่านไม่ได้เป็นไปตามข้อกำหนดของเกม ระบบจะทำการซ่อนชื่อของท่านโดยอัตโนมัติ]

[ท่านเป็นผู้เล่นคนแรกในเซิร์ฟเวอร์ที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนคลาสที่ 2 ท่านได้รับรางวัลเป็นไอเทมระดับเทพเจ้าแบบสุ่ม!]

[ท่านได้รับต่างหูระดับเทพเจ้า การตื่นของความรอบรู้!]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮัวเซียได้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนคลาส 2 เป็นเขตแรก! เขตฮัวเซียได้รับแต้มเกียรติยศ 100 แต้ม!]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮัวเซีย…]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮัวเซีย…]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮัวเซีย…]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮัวเซีย…]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเขต! ผู้เล่น XXX ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนคลาสที่ 2 เป็นคนแรก ได้รับคะแนนชื่อเสียง 200 แต้มเป็นรางวัลและสุ่มไอเทมระดับเทพเจ้า! ขอให้ทุกท่านก้าวต่อไปอย่าได้หยุดยั้ง!]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเขต! ผู้เล่น XXX…]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วทั้งเขต! ผู้เล่น XXX…]

เสียงประกาศทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ดังอยู่ห้าครั้งตามด้วยประกาศทั่วทั้งเขตอีกสามครั้งติด ๆ กัน แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจอะไรอยู่แล้ว อันที่จริงต้องบอกว่า ผู้เล่นทั่วทั้งเขตฮัวเซียหรือแม้แต่ผู้เล่นเขตอื่น ๆ เองต่างก็รอประกาศนี้กันมาเนิ่นนานแล้วด้วยซ้ำไป

นั่นเพราะเลเวลของเซียวเฟิงนั้นถึง 30 เป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นอันดับในเขตหรือเซิร์ฟเวอร์ ทุกคนต่างเห็นกันทั่ว พวกเขาจึงเฝ้ารอประกาศว่าเมื่อไหร่เซียวเฟิงจะสามารถเปลี่ยนคลาสที่ 2 ได้สำเร็จราวกับลุ้นตามไปด้วย

หรืออีกนัยหนึ่งคือ การเปลี่ยนคลาสที่ 2 ของเซียวเฟิงนั้นแอบใช้เวลานานกว่าที่พวกเขาคิด ทำให้ผู้เล่นที่รอฟังประกาศนั้นประหลาดใจเล็กน้อย

“คนในประกาศนั่นใช่เจ้าแห่งฮีลเลอร์หรือเปล่า?”

“ไร้สาระน่า มันจะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่เจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่เพิ่งจะถึงเลเวล 30 คนเดียวในเซิร์ฟน่ะ อีกคนหนึ่งก็แค่เลเวล 29 เองนะ ยังห่างไกลกันอยู่อีกเยอะ”

“ฉันจำได้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์เลเวล 30 ตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่ ทำไมเขาเพิ่งมาเปลี่ยนคลาสได้เอาตอนนี้ล่ะ?”

“บางทีอาจจะเป็นเพราะภารกิจเปลี่ยนคลาสของเขามั้ง ยังไงซะคลาสของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็เป็นคลาสลับด้วย ภารกิจเปลี่ยนคลาสที่ 2 คงจะต้องยากมากแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่ช้าเป็นวันแบบนี้”

“นั่นสินะ อืม…ต่อให้แข็งแกร่งจนไม่มีผู้เล่นทั่วไปสามารถเทียบชั้นได้ แต่ก็ยังมีภารกิจยาก ๆ ที่คอยทำให้เขาต้องเหนื่อยอยู่นี่นา”

“ของรางวัลสำหรับคนที่เปลี่ยนคลาสที่ 2 ได้คนแรกนั้นเป็นไอเทมระดับเทพเจ้าเลยเหรอเนี่ย? อิจฉาจังแฮะ ไอเทมบนตัวที่ดีที่สุดของฉันสองชิ้นยังแค่ระดับทองเอง”

“ดูเหมือนสิ่งที่นายอิจฉาเนี่ยจะไม่ใช่สิ่งที่เจ้าแห่งฮีลเลอร์สนใจเลยนะ เขาคงอยู่คนละชั้นกับเราแล้วแหละตอนนี้”