บทที่ 278 การคืนสภาพของคทานักปราชญ์

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 278 การคืนสภาพของคทานักปราชญ์
บทที่ 278 การคืนสภาพของคทานักปราชญ์

ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ

เลเวล : 30

ประเภท : บอสเทพเจ้า

ธาตุ : อันเดด

พลังชีวิต : 180,000 / 180,000 หน่วย

พลังโจมตี : 2,200 – 2,500 หน่วย

พลังเวท : 3,300 – 3,500 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 2,200 – 2,500 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,800 – 2,900 หน่วย

สกิล : เงื้อมมือแห่งความตาย, เพลิงมรณะ, ห่าฝนแห่งเปลวไฟ, พายุอันเดด, วจนะแห่งความตาย, อันเดดต่อต้าน, พันธสัญญาแห่งความตาย, ซากศพ, พลังแห่งทวยเทพ

คำโปรย : ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ ถูกผู้คุมแห่งมหาสุสานใต้พิภพสั่งให้มาคุ้มกันเมืองแห่งความโศกเศร้า’

ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพตนนี้เป็นบอสประเภทนักเวท ความเสียหายที่มันสร้างได้นับว่าสูงกว่าบอสตัวอื่น ๆ อีกหลายเท่าตัว นอกจากนั้นแล้ว ในฐานะที่มันเป็นนักเวท การโจมตีของมันจึงไม่เพียงครอบคลุมระยะไกลได้เท่านั้น แต่ยังกินวงกว้างอีกด้วย การจะจัดการกับมันนั้นต้องใช้ความพยายามมากกว่าตอนที่สู้กับบอสนักธนูที่ชั้น 2 เป็นอย่างมาก!

เซียวเฟิงมั่นใจเลยว่าตัวเองไม่สามารถสู้กับมันเพียงลำพังได้อย่างแน่นอน ความแตกต่างของบอสแต่ละเลเวลนั้นชัดเจน เขาอาจจะสามารถสู้กับบอสธรรมดาหรือไม่ก็บอสระดับสูงได้

ในขณะเดียวกันถ้าเจอบอสระดับหายากหรือระดับเงิน เขาจำเป็นต้องหาตำแหน่งยืนให้ดีเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บเสียก่อน เช่นเดียวกับบอสประเภทนักเวทและนักธนูที่มีสกิลโจมตีหมู่เป็นจำนวนมาก

ในส่วนของบอสระดับที่สูงกว่านี้ ผู้เล่นทั่วไปจำเป็นต้องเดินอ้อมมันไป ห้ามสู้กับมันเพียงคนเดียว อันที่จริงต่อให้ไปเป็นกลุ่มก็ไม่รับประกันว่าจะสามารถทำอะไรมันได้

เช่นนั้นแล้วระดับเทพเจ้านี่ไม่ต้องพูดถึงเลย!

ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นเซียวเฟิงก็ไม่สามารถต่อกรกับมันได้ ผู้คุ้มกันชั้นที่ 2 แห่งปราสาทใต้พิภพก็เพิ่งฆ่าเซียวเฟิงไปด้วยศรเพียงดอกเดียว หากไม่ได้ความสามารถของกระโหลกมังกรปีศาจที่สวมใส่อยู่แล้วใช้วิธี ‘พุ่งไปข้างหน้าด้วยวิธีการโผ’ ละก็ มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เซียวเฟิงจะสามารถจัดการผู้คุ้มกันนักธนูได้

ความเสียหายที่เซียวเฟิงสามารถสร้างได้ต่อวินาทีนั้นสูงมาก ๆ เขาสามารถกำจัดผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพได้ด้วยการใช้สกิลรักษาทั้ง 2 สกิลของเขาจำนวน 4 ครั้ง รวม ๆ แล้วมันไม่ถึง 2 นาทีเสียด้วยซ้ำ เพราะงั้นแล้วไม่ว่าจะอย่างไร พลังโจมตีของเซียวเฟิงก็ยังสูงมากจนน่ากลัวอยู่ดี

ทว่าระหว่าง 2 นาทีนั้น เซียวเฟิงไม่สามารถต้านการโจมตีของบอสระดับเทพเจ้าได้แน่ ๆ ยังไงเสียเขาก็ยังมีสถานะเป็นผู้เล่นเหมือนคนอื่น ๆ อาร์ติแฟกต์หลายชิ้นที่สวมอยู่นั้น เต็มที่ก็ทำให้เขาสามารถยืนอยู่ได้นานกว่าคนอื่นนิดหน่อยเมื่อต้องเจอกับบอสระดับเทพจากการร่ายสกิลคงกระพันแล้วหาที่ยืนดี ๆ คอยหลบการโจมตีไปเรื่อย ๆ ขณะรอให้สกิลของตนคูลดาวน์เสร็จ กระบวนการเหล่านี้ต้องทำอย่างเคร่งครัด ไม่งั้นแล้วเขาจะต้องตายแน่ ๆ

ขนาดเซียวเฟิงยังสู้ด้วยความยากลำบาก คงไม่ต้องพูดถึงคนอื่น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมไนฟถึงเลือกอ้อมออกไปและไม่โจมตีเมื่อพบเจอมัน

มันไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากจะสู้ ของรางวัลที่รออยู่นั้นมันล่อตาล่อใจเขามากเอาการอยู่แล้ว แต่ปัญหามันอยู่ที่พวกเขาทั้งกิลด์ไม่มีทางเอาชนะบอสตัวนี้ได้ต่างหาก! ผู้เล่นมากมายมีแต่จะถูกบอสฆ่าตายจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว หากไม่มีแผนรับมือที่สมบูรณ์แล้วล่ะก็ ยังไงเสียพวกเขาก็คงต้องกลับมากำจัดบอสระดับสูงตัวนี้อีกทีตอนที่เลเวลสูงขึ้นกว่านี้แล้วแทน

เซียวเฟิงรอให้กัปตันโบลตันเปิดฉากทะลวงไปก่อนเพื่อรับความเสียหายไปด้วย เขาจะกล้าก็ต่อเมื่อบอสโจมตีไปแล้วเท่านั้น การต่อสู้กับผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพที่เป็นนักเวทนั้น ไม่ง่ายเหมือนตอนกำจัดบอสนักรบโล่ที่เป็นผู้คุ้มกันชั้นที่ 3 แห่งปราสาทใต้พิภพเลย บอสนักรบโล่ตนนั้นไม่มีสกิลโจมตีระยะไกลหรือต่อให้มีสกิลโจมตีหมู่มันก็มีระยะจำกัด เซียวเฟิงสามารถสู้กับมันได้ง่าย ๆ เพียงแค่ต้องระมัดระวังนิดหน่อย สิ่งที่เขาต้องตระหนักให้ดีนั่นก็คือการถอยออกที่ถูกจังหวะ

แต่กับบอสนักเวทนั้นต่างออกไป เซียวเฟิงไม่สามารถถอยออกหรือหาที่หลบสกิลโจมตีหมู่ได้เลย นอกจากนั้นสนามรบแห่งนี้ยังมีแต่ผู้คนด้วย มันเลยทำให้เขาไม่รู้จะไปหลบที่ไหนดี

“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ นายดูจงใจหาบอสตัวนี้เป็นพิเศษ มันเป็นเป้าหมายในภารกิจหรือไง?”

ท่าทีของจืออี้มันแปลกไปเล็กน้อย ซึ่งขณะเดียวกันไนฟก็เข้าไปช่วยเหลือเธอออกมาและกล่าวถามเซียวเฟิงในจังหวะนั้น

“ไม่ใช่หรอก บอสตัวนี้มันดร็อปอาร์ติแฟกต์แบบเป็นเซ็ต ในสนามรบแห่งนี้ยังเหลือบอสแบบเดียวกับมันอยู่อีก ชื่อว่า ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพ ยังไงถ้าพวกนายเจอมันก็ช่วยบอกฉันด้วยนะ” คนเหล่านี้ไม่ใช่คนนอก ดังนั้นเซียวเฟิงจึงไม่ได้ปิดบังความจริงนี้

“อาร์ติแฟกต์เป็นเซ็ตเหรอ…หรือว่า อาร์ติแฟกต์เซ็ตมังกรปีศาจนี่!?”

ไนฟถึงกับอุทานออกมาเสียงดังหลังจากตระหนักได้ว่ามันคืออะไร อาร์ติแฟกต์ที่เซียวเฟิงครอบครองอยู่ในอันดับไอเทมนั้นมีชื่อว่า มังกรปีศาจ เพราะงั้นมันก็ไม่ได้เดายากอะไรขนาดนั้น

“เสียดายที่พวกเราไม่มีความสามารถมากพอจะกำจัดบอสระดับเทพ ต่อให้รู้ว่ามันจะดร็อปอาร์ติแฟกต์ก็เถอะ สิ่งที่พอทำได้ตอนนี้คงมีแต่ออกไปหาบอสตัวเล็ก ๆ กำจัดทิ้งเผื่อจะได้ไอเทมระดับดี ๆ มาบ้างพร้อมกับเพิ่มแต้มความสำเร็จไปด้วย เพราะงั้นพวกเราคงต้องไปก่อน เจ้าแห่งฮีลเลอร์”

จากนั้นไนฟก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วกล่าวอำลาเซียวเฟิง ในเมื่อเขารู้แล้วว่าบอสเทพเจ้าตัวนี้จะดร็อปอาร์ติแฟกต์ที่เซียวเฟิงต้องการ เขาก็ไม่อยากจะขอแบ่งอะไรแล้ว มันจะดีเสียกว่าที่พวกเขาจะเอาเวลาไปล่าบอสที่พวกตนสามารถกำจัดได้ ยังไงเสียบอสตัวเล็ก ๆ เองก็มีโอกาสดร็อปอาร์ติแฟกต์เหมือนกันภายใต้เงื่อนไขของสมรภูมิที่เพิ่มอัตราการดร็อปเป็น 10 เท่า

ไม่ต้องถึงระดับอาร์ติแฟกต์ก็ได้ เพียงแค่ได้ระดับเทพเจ้าพวกเขาก็นอนหลับฝันดีกันแล้ว นั่นเพราะภายในเขตฮัวเซียนั้นยังมีไอเทมระดับเทพเจ้าไม่ถึง 10 ชิ้นเลยด้วยซ้ำไปท่ามกลางผู้เล่นร่วมร้อยล้านคน

จืออี้เองก็จากไปพร้อมกับทุกคนในกิลด์วอร์สปิริตด้วย ทว่าก่อนจะไป เธอหันไปมองเซียวเฟิงด้วยความเสียใจซึ่งมันทำให้เซียวเฟิงรู้สึกงุนงงอยู่เล็กน้อย

เซียวเฟิงส่ายหน้าและไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก เขาหันกลับไปโฟกัสที่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพดังเดิมเพื่อรอจังหวะที่กัปตันโบลตันจะดึงความสนใจสำเร็จ

ถึงแม้ทั้งสองที่กำลังจะสู้กันตรงหน้านี้ต่างจะอยู่ในระดับบอสเทพเจ้าเลเวล 30 กันทั้งคู่ แต่ค่าสถานะก็ยังแตกต่างกันเยอะอยู่ ตัวอย่างเช่น บอสผู้คุ้มกันนักรบโล่ที่มีพลังชีวิตสูงที่สุดในบรรดาผู้คุ้มกันแห่งปราสาทใต้พิภพทุกตน มีพลังชีวิตสูงถึง 200,000 หน่วย ในขณะที่กัปตันโบลตันนั้นมีมากถึง 300,000 หน่วย!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของกัปตันโบลตันมันสูงกว่าบอสทั่ว ๆ ไปแม้จะมีเลเวลเท่ากัน ดังนั้นพลังของธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือธาตุอันเดดมาแต่ไหนแต่ไรแล้วของกัปตันโบลตันจึงสร้างความเสียหายระดับสูงให้กับผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพได้ การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาก็สามารถสร้างความเสียหายหลักพันได้ง่าย ๆ เลย!

กระนั้นแล้วปัญหามันก็ยังมีอยู่ เมื่อเซียวเฟิงคิดว่าความเสียหายที่อีกฝ่ายทำได้นั้นมันยังไม่สูงพอ นั่นเพราะสกิลโฮลี่ไลท์ของเซียวเฟิงนั้นสามารถทำความเสียหายได้มากกว่า 40,000 หน่วยและมันอาจจะสูงกว่า 60,000 หน่วยหากใช้คู่กับถ้อยคำแห่งเงา ด้วยความเสียหายที่รุนแรงระดับนั้นมันจะทำให้เป้าหมายของบอสหันมาที่เขาทันที เพราะแบบนี้เซียวเฟิงจึงทำได้แค่รอให้กัปตันโบลตันล่อความสนใจของบอสไปเท่านั้น ไม่งั้นแล้วการที่ให้กัปตันโบลตันมารับความเสียหายแทนนั้นจะสูญเปล่าทันที…

แต่แล้วตอนนั้นเอง เซียวเฟิงก็คิดได้ว่าเขาน่าจะบัฟให้กัปตันโบลตันขณะที่ตนเองทำได้แค่รอเช่นนี้ ดังนั้นพลังโจมตีของกัปตันโบลตันจึงสูงขึ้นมากในทันทีเมื่อเซียวเฟิงมอบบัฟให้

“พวกเราทำลายประตูได้แล้ว เข้าไปกันเลย!”

“ไปเร็ว! ไปฆ่าบอสกัน! ล่าไอเทมมาให้เยอะ ๆ !”

เสียงระเบิดดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าลอยมาจากทิศที่ไม่ไกลนัก เซียวเฟิงหันไปมองตามเสียงก็พบว่า พลังป้องกันของประตูเมืองทางทิศใต้นั้นหมดลงแล้วพร้อมกับบานประตูที่ถูกทลายลงมาด้วยฝีมือของ NPC สัมพันธมิตร

ผู้คนจากกิลด์ใหญ่มากมายต่างพากันวิ่งนำเข้าไปโดยไม่รอให้ทัพสัมพันธมิตรได้ตั้งตน ผู้เล่นเหล่านี้ตะโกนเสียงดังหลังจากที่เข้าไปในเมืองได้แล้ว

“กัปตันโบลตัน รีบจัดการมันเถอะ!”

เซียวเฟิงเริ่มจะร้อนรนขึ้นมานิดหน่อยแล้ว เพราะถ้าสามารถเข้าไปข้างในได้ แสดงว่าการต่อสู้ด้านนอกจะจบลงในอีกไม่ช้า ทัพของผู้เล่นและทัพของสัมพันธมิตร NPC จะไล่ทยอยเคลียร์จากด้านนอกแล้วถึงจะเข้าไปข้างในกันทั้งหมด ผู้เล่นจะคอยกำจัดมอนสเตอร์และบอสตัวเล็ก ๆ ในขณะที่ NPC จะคอยกำจัดบอสระดับสูง ในตอนนี้ทัพแห่งความมืดนั้นเหลือบอสระดับสูงในสนามรบไม่เยอะแล้วเพราะการรุกรานของผู้เล่นจำนวนมาก บอสระดับกลางเองก็ไม่คณามือไปเลยเมื่อโดนรุมโจมตีเช่นนี้

เพราะแบบนี้ด้วยเลยทำให้การเคลียร์มอนสเตอร์ที่เหลือด้านนอกทะยอยหมดลงอย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับที่การต่อสู้รอบใหม่ภายในเมืองกำลังเริ่มต้นขึ้น ผู้เล่นบางส่วนที่จัดการส่วนของตนเสร็จแล้ววิ่งตามเหล่าทัพ NPC เข้าไปแบบติด ๆ

นี่เป็นความแข็งแกร่งของผู้เล่นเขตฮัวเซียจำนวนมากที่ถูกนำพามาที่นี่ ถึงแม้ว่าทัพแห่งความมืดนั้นจะมีจำนวนมากมายขนาดไหน แต่ยังไงมันก็ไม่มีทางมากไปกว่าจำนวนของผู้เล่นได้ หากเทียบกับจำนวนผู้เล่นที่เข้ามาร่วมภารกิจสมรภูมิครั้งนี้ พวกมันมีเพียง 1 ใน 10 ของจำนวนผู้เล่นเท่านั้น!

แต่นี่ก็ถือเป็นปัญหาอีกอย่าง ในเมื่อสนามรบด้านนอกกำลังถูกเคลียร์ เหล่าบอสระดับสูงจึงปรากฏตัวออกมาเรื่อย ๆ ทว่าท่ามกลางบอสเหล่านั้นกลับไม่มีบอสที่ชื่อ ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพอยู่เลย

นั่นหมายความว่า ผู้คุ้มกันชั้นที่ 4 แห่งปราสาทใต้พิภพจะต้องอยู่ภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าแน่ ๆ ดังนั้นเซียวเฟิงต้องรีบกำจัดผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 เพื่อเข้าไปในเมืองให้เร็วที่สุด ไม่งั้นแล้วเขาอาจจะเสียโอกาสไปก็ได้

“ดาบแห่งการพิพากษา!”

“โล่ศักดิ์สิทธิ์อัดกระแทก!”

หลังจากที่ได้ยินเซียวเฟิงเร่ง กัปตันโบลตันก็เริ่มดำเนินการทันที เขาร่ายสกิลเพิ่มนิดหน่อย และมันก็ทำให้การโจมตีของเขาลดพลังชีวิตของบอสตรงหน้าไปได้ในปริมาณที่มากขึ้น พลังโจมตีของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจริง ๆ !

“โฮลี่ไลท์!”

เซียวเฟิงเองก็ไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาคาดเดาเอาว่ากัปตันโบลตันน่าจะดึงความสนใจจากบอสได้อย่างสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบกวาดคทานักปราชญ์ที่เสียหายพร้อมร่ายสกิลโฮลี่ไลท์ใส่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพทันที!

“กรรรร!!”

-32,400!

ด้วยเสียงร้องโหยหวนของผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ ค่าความเสียหายที่มากกว่า 30,000 ก็ลอยขึ้นเหนือหัว พลังชีวิตของมันลดลงมากขึ้นกว่าเดิมอีก กระนั้นเป้าหมายการโจมตีของมันก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ทว่าเซียวเฟิงกลับไม่ได้โจมตีต่อ นั่นเพราะเขาดันได้ยินเสียงของระบบที่ทำให้ต้องรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเสียก่อน

[ด้วยผลของสกิลรักษาที่เพิ่มมากขึ้น, อาวุธของคุณ ‘คทาแห่งปราชญ์ที่เสียหาย’ ได้รับการกระตุ้นและพัฒนาเป็น ‘คทาปราชญ์แห่งความมืดมน’ แล้ว!]

อาจจะเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เซียวเฟิงได้ใช้คทาแห่งปราชญ์นี้ร่ายสกิลรักษาอยู่เรื่อย ๆ ในที่สุดมันจึงได้รับการซ่อมแซม อาร์ติแฟกต์ที่เสียหายชิ้นนี้เริ่มซ่อมแซมตนเองแล้ว!

คทาปราชญ์แห่งความมืดมน

ระดับ : อาร์ติแฟกต์

ประเภท : คทา 2 มือ

เลเวลของอุปกรณ์ : 10

คลาสที่ใช้ได้ : นักบวช, ผู้ประกอบพิธีกรรม

สถานะ :

ระยะการร่าย +5%

ความเร็วในการร่าย +5%

ความแข็งแกร่ง +10

ค่าร่างกาย +10

ค่าความคล่องแคล่ว +10

ค่าพลังเวท +10

ค่าจิตวิญญาณ +10

สกิล :

หัวใจแห่งปราชญ์ : สกิลติดตัว – เพิ่มระยะเวลาแสดงผลของสกิลบัฟทุกสกิล 10%

หัตถ์แห่งปราชญ์ : สกิลติดตัว – ลดคูลดาวน์ของสกิลรักษาทุกสกิลลง 10%

คำอธิบาย : ‘คทาแห่งยอดปราชญ์แอนโทนี่ ที่ถูกเผ่าพันธุ์แห่งความมืดทำให้เกิดความเสียหายเมื่อพันปีก่อน ตอนนี้มันเริ่มซ่อมแซ่มตนเองแล้ว’

ค่าสถานะของคทาแห่งปราชญ์นั้นเปลี่ยนไปทุกอย่าง!

ถึงแม้ว่าสถานะพื้นฐานจะเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ถือว่าดีขึ้น! นี่มันแสดงให้เห็นว่าอาร์ติแฟกต์ที่เสียหายสามารถซ่อมแซมตนเองได้! สักวันหนึ่งมันคงจะกลับไปอาร์ติแฟกต์ที่ทรงพลังอย่างที่มันเคยเป็นมาก่อนแน่!

เซียวเฟิงตื่นเต้นสุด ๆ มันเป็นอะไรที่คุ้มค่าสำหรับเขามากที่เลือกที่จะไม่ใช่อาวุธอื่นที่ค่าสถานะสูงกว่านี้แต่เลือกใช้อาร์ติแฟกต์ที่เสียหายนี่มาเป็นเวลานาน ตอนนี้ถึงเวลาที่มันจะเริ่มตอบแทนเขาคืนมาบ้างแล้ว!

“ถ้อยคำแห่งเงา!”

-1,620!

-1,620!

-1,620!

เขาอดใจรอไม่ไหวร่ายถ้อยคำแห่งเงาเข้าใส่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ และมันก็ได้ทำให้หลอดพลังชีวิตของบอสลดฮวบลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

ความแข็งแกร่งในการโจมตีของกัปตันโบลตันนั้นไม่ได้ด้อยอะไรเลย ดังนั้นต่อให้เซียวเฟิงร่ายสกิลของเขาไปแล้วถึง 2 สกิล เป้าหมายของบอสก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่เพราะผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 ตนนี้เป็นบอสที่โจมตีระยะไกล ดังนั้นมันจึงเลือกใช้สกิลแบบโจมตีหมู่ที่น่ากลัวเข้าใส่กัปตันโบลตันอย่างจัง

สกิลนั้นทำให้พลังชีวิตของกัปตันโบลตันหายไปหลักหมื่นเลยทีเดียว ช่างเป็นความเสียหายที่น่ากลัวมาก ๆ แม้แต่เซียวเฟิงเองยังต้องเหงื่อตกเมื่อเห็นเช่นนั้น โชคยังดีที่กัปตันโบลตันมีพลังชีวิตมากพอที่จะรับการโจมตีนั้นได้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องให้เซียวเฟิงช่วยรักษาให้