บทที่ 277 ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ
บทที่ 277 ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ
เซียวเฟิงตกใจมาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ด้วยเช่นกัน ในที่สุดเสี่ยวเสวียก็มีสกิลที่ใช้บินแล้ว!
วิธีใช้สกิลนั้นก็ง่ายแสนง่าย เมื่อบิน ความเร็วจะได้เพียงครึ่งเดียวของตอนที่วิ่งอยู่บนพื้นเท่านั้น แล้วก็เวลาในการบินนั้นไม่ได้นานมาก หากยึดตามมานาของเสี่ยวเสวียในตอนนี้ นานสุดก็น่าจะ 3 นาที
แต่แค่นั้นก็พอแล้ว!
“เสี่ยวเสวีย บินไปเลย!”
เขาลูบไปที่หลังคอของเสี่ยวเสวียอย่างอ่อนโยน และด้วยเสียงคำรามอันกึกก้องของยูนิคอร์นสีขาวสง่าตนนี้ ปีกสีขาวกว้างก็สยายออกราวกับวิหกที่พร้อมจะโผบิน ทันใดนั้นร่างอันงดงามของมันก็ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าทันที!
ซู่ม!!!
เมื่อปีกขนาดใหญ่พวกนั้นกระพือแรง หมู่มวลสายลมก็พัดหวนราวกับพายุใหญ่ แม้เสี่ยวเสวียจะไม่ได้บินสูงดั่งนก หากแต่ความสูงนั้นก็มากพอที่จะทำให้มองไปทั่วทั้งสมรภูมิได้
“เสี่ยวเสวีย! ใช้งาน ‘จิตวิญญาณแห่งลม!’ แล้วบินไปทางทิศตะวันออก!”
สกิลเพิ่มความเร็วอย่าง ‘จิตวิญญาณแห่งลม’ นั้นสามารถสั่งใช้ได้แม้จะอยู่กลางอากาศ แม้ผลของสกิลจะไม่ได้ดีเหมือนตอนอยู่บนพื้นดิน แต่ก็ยังถือว่าดีมาก ๆ อยู่ดี เซียวเฟิงค่อย ๆ หมอบแนบไปกับหลังของเสี่ยวเสวียเพื่อลดแรงต้านของลมที่พุ่งเข้ามา
ฮึ่ม!!
เมื่อสกิลถูกสั่งใช้งาน เสี่ยวเสวียก็คำรามพร้อมกระพือปีกเร็วขึ้น ความเร็วที่มากขึ้นหลายเท่าตัวทำให้เซียวเฟิงเดินทางมาถึงกำแพงด้านทิศตะวันออกได้ในทันที
ภาพสนามรบด้านล่างที่เห็นจากกลางอากาศนั้นกว้างมาก เซียวเฟิงสามารถล็อกเป้าหมายเป็นมอนสเตอร์และผู้เล่นนับล้านได้ในครั้งเดียว แล้วถ้าหากเขาร่ายโฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงาตอนนี้ ภารกิจสมรภูมินี้มีแค่เขาคนเดียวก็ชนะได้!
วินาทีนั้นเอง เซียวเฟิงก็ตระหนักได้ว่า เหตุใดเสี่ยวไป๋ถึงได้ชื่อว่าเทพเจ้า จากผลของสกิลที่ส่งมาถึงตัวเจ้าของเช่นเขานั้น เรียกได้ว่าเธอถือเป็นภัยคุกคามขั้นร้ายแรงของเผ่าพันธุ์แห่งความมืดเลยก็ว่าได้!
แต่ตอนนี้เซียวเฟิงไม่สามารถทำตามสิ่งที่คิดไว้ได้ นั่นเพราะถ้าเขาลงมือตอนนี้ เขาจะกลายเป็นเป้าโจมตีของมอนสเตอร์นับล้านรวมถึงบอสทุกตัวที่โดนโจมตีในทันที และการที่เขายังอยู่กลางอากาศ มันจะเป็นเรื่องยากที่จะหลบการโจมตีจากสกิลต่าง ๆ หรือถึงแม้จะมีสกิลคงกระพัน 10 วินาทีของชุดเกราะมังกร มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้รอดจากทัพสกิลที่พุ่งขึ้นมาจากด้านล่างแน่ ๆ
หรือต่อให้เซียวเฟิงมั่นใจว่าตนเองจะรอดจากการโจมตีทั้งหมดนั่น แต่เขาก็ไม่ใช่คนประเภทที่ยอมเอาตัวเองเข้าแลกกับความวุ่นวายก่อนที่จะได้ชุดเซ็ตมังกรปีศาจแน่ ๆ ถ้าเกิดเขาโดนมอนสเตอร์นับล้านตัวหันมาจ้องมองพร้อมกัน งานนี้คงไม่ง่ายเหมือนที่วางแผนไว้ แล้วมันจะทำให้เซียวเฟิงพลาดที่จะได้อาร์ติแฟกต์ที่พยายามมาตลอดด้วย
“หัวหน้าจืออี้!”
“ระวัง!”
ที่สนามรบเบื้องล่างจุดที่ใกล้เคียงกับกำแพงทิศตะวันออก ถูกกำลังหลักของผู้เล่นยึดครองไว้เรียบร้อยแล้ว และพวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เล่นจากวอร์สปิริตฮอลล์ ในขณะที่บางส่วนกำลังเริ่งเคลียร์ทาง คนส่วนใหญ่ก็กำลังเข้าไปล้อมร่างของบอสอันเดดตัวใหญ่ที่ถือคทาไว้ในมือ
ทว่าความแตกต่างของความแข็งแกร่งนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าอย่างกับฟ้ากับเหว แม้จะต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นหลักหมื่นคน มันก็แทบจะไม่เสียพลังชีวิตเลยแม้แต่น้อย เอาจริง ๆ มันไม่ลดลงมาเลยมากกว่า! จากการประเมินแล้ว หากบอสตนนี้เพียงสะบัดมือโต้กลับสักหน่อย…สมาชิกกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์ได้ตายกันเป็นผักปลาแน่
มันคือ ผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพ!
“หัวหน้าครับ! บอสตัวนี้มันระดับเทพเจ้าเลยนะครับ! มันแข็งแกร่งมาก ๆ พวกเรารับมือมันไม่ไหวหรอก! รีบถอยกันก่อนดีกว่า!”
ผู้เล่นหลายคนในกิลด์เริ่มตะโกนบอกไนฟ เพราะพวกเขาสู้กับบอสตนนี้มาร่วม 10 นาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถลดพลังชีวิตมันลงได้เลย กลับกันฝั่งพวกเขาเองกลับต้องสูญเสียเพื่อนร่วมทีมไปกว่า 100 คนเพราะการโจมตีของบอสแล้วด้วย!
ด้วยเงื่อนไขที่ระบุไว้ในภารกิจสมรภูมิ พวกเขายังไงก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพบเจอกับบอสระดับสูงบ้างเป็นครั้งคราว เช่นบอสระดับเทพเจ้าตนนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตระหนักได้ถึงสิ่งที่ได้รับว่ามันสุดยอดขนาดไหน แต่พวกเขาก็ยังรู้ดีถึงพลังของตนเอง ลำพังพลังที่มีตอนนี้ พวกเขาไม่มีทางกำจัดบอสระดับนี้ได้อย่างแน่นอน และเมื่อพบเจอกับมัน ทางเดียวที่ทำได้คือหนีไปให้ไกลที่สุด สิ่งที่ผู้เล่นทั่ว ๆ ไปสามารถทำได้ นั่นก็คือการกำจัดมอนสเตอร์ระดับสูงกับบอสระดับต้น ๆ เท่านั้น
จนถึงตอนนี้ผู้เล่นเหล่านี้ก็ยังไม่เข้าใจเสียทีว่าหัวหน้าของพวกเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่? เขาอยากจะสู้กับบอสระดับเทพเจ้าตัวนี้จริง ๆ เหรอ?
“ทนไว้อีกนิดนึง! รั้งบอสเอาไว้! ผู้ช่วยกำลังจะมาแล้วล่ะ!”
ไนฟตะโกน เขาไม่สามารถอธิบายให้กับเหล่าสมาชิกในกิลด์ฟังได้ว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นคือการรั้งบอสไว้ให้ผู้อื่น เพราะถ้าเกิดเขาพูดมันไปตอนนี้ล่ะก็ สมาชิกทั้งหมดก็จะมีเรื่องให้ครุ่นคิดและถกเถียงกันแน่ ๆ เพราะยังไงเสีย เจ้าแห่งฮีลเลอร์ก็ไม่ใช่สมาชิกในกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ท่านหัวหน้าจืออี้คะ!”
“ระวังค่ะ!”
ทันใดนั้นเอง ผู้เล่นนักบวชสาวสองคนจากกลุ่มนักบวชก็ตะโกนเตือนจืออี้
แต่เดิมแล้วจืออี้ได้ร่ายบัฟโล่มากมายหลายอย่างให้แก่สมาชิกของเธอแล้วเพื่อที่จะรับมือกับพวกบอสที่มุ่งหน้าเข้ามายังแนวหน้า ทว่าจู่ ๆ เป้าหมายของบอสทั้งหมดก็กลับมาลงที่เธอเสียอย่างนั้น บอสตัวยักษ์ตวัดมือและทันใดนั้น ลูกไฟจำนวนมากมายก็พุ่งเข้าใส่จืออี้ราวกับเป็นฝนดาวตกจำนวนมากมาย!
“ถอยมาเร็ว!”
ไนฟตะโกนขึ้นเสียงดัง เขากำชับโล่ในมือไว้แน่นพร้อมทั้งยื่นมือไปหมายจะคว้าตัวจืออี้ออกมา แต่มันก็สายเกินไป เพราะนี่เป็นสกิลโจมตีหมู่ จำนวนของลูกไฟมันมากจนจืออี้ไม่มีทางถอยออกได้ทันอีกแล้ว อีกทั้งความเสียหายที่บอสระดับเทพเจ้าสร้างได้นั้นมันใหญ่หลวงเกินไป ต่อให้เป็นไนฟ ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักรบโล่อันดับหนึ่งของกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์เองก็ไม่สามารถต้านมันไว้ได้แน่ เขาไม่มีทางช่วยจืออี้ได้เลย
ภาพของฝนดาวตกสีแดงชาดสะท้อนในดวงตาคู่สวยของจืออี้ ใบหน้าที่งดงามถูกแทนที่ด้วยความซีดเผือดรวมไปถึงริมฝีปากที่เย้ายวนก็ยังอดไม่ได้ที่จะขบเม้มไว้แน่น สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ ก็คือรอความตายที่กำลังจะเข้ามาเท่านั้น
ซู่ม!!!!
แต่แล้วขณะนั้นเอง สายลมก็พัดแรงเหนือหัวจืออี้พร้อมกับเงาของร่าง ๆ หนึ่งที่พุ่งผ่านสายตาของเธอไป ทว่าเงาดังกล่าวกลับไม่ได้พุ่งหายไปเลย มันกำลังปกป้องเธอจากฝนดาวตกไฟตรงหน้านั้นอยู่!
จืออี้อดไม่ได้ที่จะแหงนหน้าขึ้นไปดู และสิ่งแรกที่เธอเห็นนั้นก็คือม้าสีขาวที่ดูสง่างามมาก…ไม่ใช่สิ นั่นไม่ใช่ม้าสีขาวทั่ว ๆ ไป! ม้าปกติที่ไหนจะมีเขาแหลมสว่างขึ้นมาจากกลางหน้าผากกัน!? แล้วก็ไม่มีม้าทั่วไปที่มีปีกขนาดใหญ่นี่หรอกนะ!
นี่มันยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์!
เธอพอจะได้ตามข่าวสารมาบ้าง มันจึงทำให้เธอรับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว!
ทั่วทั้งเขตฮัวเซียนี้ ดีไม่ดีอาจจะเป็นทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์แล้ว มีผู้เล่นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเจ้าของสัตว์ขี่ตัวนี้…
นัยน์ตาคู่สวยเพ่งมองไปยังร่างที่อยู่บนหลังของยูนิคอร์นตัวดังกล่าวในทันที ใช่แล้ว เจ้าแห่งฮีลเลอร์เองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน!
เป็นเซียวเฟิงจริง ๆ! ในทันทีที่เขาบินมาถึงที่นี่ เขาเห็นผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพกำลังร่ายสกิลใส่ใครสักคนอยู่ เพราะงั้นเขาจึงรีบดิ่งลงมา ผู้เล่นของกิลด์วอร์สปิริตฮอลล์เหล่านี้ช่วยรั้งบอสตนนี้ไว้ให้เขา ดังนั้นหากปล่อยให้คนเหล่านี้ต้องได้รับบาดเจ็บกันล่ะก็ เขาคงจะต้องรู้สึกผิดแน่ ๆ
“เสี่ยวเสวีย!”
เซียวเฟิงตะโกน ตามมาด้วยเสียงร้องของเสี่ยวเสวีย จากนั้นเซียวเฟิงก็กระโดดลงมาจากหลังของมันแล้ววิ่งเข้าไปหาจุดที่ฝนดาวตกเพลิงกำลังจะเข้าปะทะ
การโจมตีของผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพนั้นแม้แต่เซียวเฟิงก็ไม่สามารถต้านทานได้ แถมด้วยผลข้างเคียงของการใช้ทักษะการขี่ระดับสูง เสี่ยวเสวียเองก็ได้รับบาดเจ็บด้วย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเลิกขี่มันก่อน และรับแรงปะทะนี้ด้วยตนเอง!
“ขุมพลังแห่งมังกรปีศาจ!”
จากนั้นเซียวเฟิงก็พุ่งเข้าชนกับฝนดาวตกเพลิงพวกนั้นพร้อมกับกวัดแกว่งคทานักปราชญ์ที่เสียหายในมือไปด้วย ฟองอากาศคล้ายลูกโป่งมากมายลอยออกมาจากการกวัดแกว่งคทานั้น พลันเมื่อมันปะทะกับลูกไฟที่พุ่งเข้ามา ลูกไฟเหล่านั้นก็หยุดเผาไหม้ตนเองและระเบิดกระจายคล้ายพลุอยู่กลางอากาศ
แน่นอนว่าเซียวเฟิงรับแรงปะทะของการโจมตีของบอสระดับเทพเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงเปิดใช้สกิลคงกระพันของชุดเกราะมังกรแทน
โจมตีไม่เข้า!
โจมตีไม่เข้า!
โจมตีไม่เข้า!
โจมตีไม่เข้า!
….
พลุไฟที่สวยงามและข้อความแจ้งเตือนว่าโจมตีไม่เข้าปรากฏเหนือหัวของเขา จืออี้แหงนคอขาวของเธอช้า ๆ ขณะจ้องมองเซียวเฟิงภายใต้ฉากอันงดงามเช่นนี้ก่อนจะหลุดไปในห้วงความคิดของตนชั่วขณะ
ตึง!
ร่างของเซียวเฟิงร่วงลงมาจากกลางอากาศและกระแทกเข้ากับพื้นรุนแรงจนฝุ่นกระจายไปหมด แต่โชคยังดีที่ผลของสกิลคงกระพันของเกราะมังกรปีศาจยังทำงานอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นอะไร แม้จะตกมาจากความสูงระดับนั้น ไม่งั้นแล้ว…ก็ได้เสียพลังชีวิตไปโดยใช่เหตุแน่…
“ขอบคุณในความเหน็ดเหนื่อยนะ”
เซียวเฟิงที่กำลังลุกขึ้นจากพื้นปัดฝุ่นตามเนื้อตัวและที่มือก่อนจะหันไปพูดกับไนฟ ซึ่งในตอนนั้นเองเขาถึงได้รู้สึกได้ถึงจืออี้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง และเมื่อรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของเธอ เซียวเฟิงจึงหันไปยิ้มให้
จืออี้ที่มองเซียวเฟิงอยู่ในระยะไกลนั้นไม่ได้โต้ตอบอะไรกับท่าทีนั้น แต่ไนฟที่เรียกสติตนเองกลับมาจากภาพการปะทะกันเมื่อครู่ก็รีบพูดขึ้นด้วยความเร่งรีบ
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ บอสที่นายกำลังตามหาอยู่เป็นถึงบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 เลยนะ พวกเราทำได้แค่หนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้นแหละ ไม่มีทางที่จะทำอะไรมันได้เลย”
“ไม่เป็นไร ยังไงตอนนี้พวกนายก็น่าจะได้รับแต้มความสำเร็จกันแน่ ๆ เพราะงั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ขอบคุณมาก ๆ ”
เซียวเฟิงหันกลับไปมองผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพพร้อมตรวจเช็คด้วยว่าไม่ผิดตัวแน่ ๆ
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์คิดจะไปงัดกับมันคนเดียวเหรอ? ถ้ายังไงให้พวกเราช่วยแอ็กโกร*[1] มั้ย?”
เห็นดังนั้น ไนฟจึงพูดขึ้น ตัวเขาไม่ได้คลางแคลงใจในความสามารถของเจ้าแห่งฮีลเลอร์แต่อย่างใด แต่ยังไงเสียการที่ต้องสู้กับบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 30 ตัวคนเดียวมันก็ค่อนข้างเกินกำลัง นี่คือสิ่งที่ไนฟกังวล
การแอ็กโกร ถือเป็นการเดินเกมที่ดีรูปแบบหนึ่ง การจัดการบอสให้เร็วที่สุดนั้น ถือเป็นการช่วยลดประชากรที่อาจจะสูญเสียได้ดีด้วยเช่นกัน มันเป็นเรื่องปกติที่เหล่ากิลด์ใหญ่ ๆ จะทำกันหากต้องสู้กับบอสป่า ที่แห่งนี้มีผู้เล่นของวอร์สปิริตฮอลล์รวมตัวกันอยู่มาก ด้วยจำนวนคนเกือบจะหมื่นคนนี้พวกเขาก็สามารถรั้งบอสไว้ได้หลายนาทีแล้ว
“ไม่เป็นไร ฉันมีตัวช่วยแล้ว กัปตันโบลตัน!”
เซียวเฟิงปฏิเสธความหวังดีนั้นอย่างไม่ต้องคิดอะไร แต่ไหนแต่ไรเขาก็ไม่ได้อยากให้คนของวอร์สปิริตฮอลล์มาตายเพื่อเขาอยู่แล้ว เพราะงั้นครั้งนี้เองก็เช่นกัน เซียวเฟิงเองก็ไม่ได้มั่นใจนักหรอกว่าตนเองจะสามารถต้านการโจมตีของบอสตนนี้ได้ จึงตะโกนกลับไปด้านหลัง
“ข้ามาแล้ว ท่านอาร์คบิชอป!”
มีเพียงเสียงของกัปตันโบลตันเท่านั้นที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง จากนั้นร่างของยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์อีกตัวหนึ่งก็ทะยานลงมาท่ามกลางกลุ่มคน กัปตันโบลตันนั้นติดตามเซียวเฟิงอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะเซียวเฟิงไม่ได้ลงมาถึงพื้นดี ๆ กัปตันโบลตันจึงตามลงมาช้ากว่า
“เห็นผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพนั่นแล้วใช่มั้ยครับ? ฆ่ามัน!” เซียวเฟิงชี้ไปยังบอสเจ้าปัญหาก่อนจะพูด
“ไม่มีปัญหา! ให้ข้าจัดการเอง!”
กัปตันโบลตันตอบรับด้วยเสียงที่หนักแน่นพร้อมกับควบยูนิคอร์นคู่ใจของเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อเข้าใส่บอสตนนั้น ขณะเดียวกัน โล่ที่แขนซ้ายของเขาก็เปล่งแสงสว่างขึ้นในจังหวะที่เข้าปะทะด้วย
-3,081!
“กรรรร!!”
ค่าแสดงความเสียหายระดับ 4 หลักปรากฏขึ้นที่หัวของบอสตนนั้นพร้อมกับเสียงคำรามของผู้คุ้มกันชั้นที่ 5 แห่งปราสาทใต้พิภพที่แสดงออกถึงความเจ็บปวดออกมา
“เอ๊ะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ NPC ทหารม้าคนนั้นใช่หนึ่งในคนที่นายเคยพาไปทำลายแคมป์ของมิดซัมเมอร์หรือเปล่านะ? หรือว่าฉันจำผิด?”
ผู้เล่นของกิลด์วอร์สปิริตเริ่มถอยออกมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ทั้งสองได้สู้กับบอสแล้ว ซึ่งตอนนั้นเอง พวกเขาถึงได้รู้ว่าที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงเจ้าแห่งฮีลเลอร์ที่จะสู้กับบอส แต่ยัง NPC ทหารม้าติดตามมาด้วย
ท่ามกลางคนเหล่านี้ ไนฟดูเหมือนจะตาไวที่สุด เขาจำได้ว่าทหารม้าคนนี้ค่อนข้างจะคุ้นหน้าคุ้นตา เพราะงั้นเขาจึงถามเซียวเฟิงไปด้วยความระมัดระวัง
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์เนี่ย ไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วยแฮะ ขนาดมาเป็นแม่ทัพใหญ่ของ NPC ระดับนี้ได้ แสดงว่าเขาเองก็น่าจะควบคุมหรือสั่งการ NPC ทหารม้าคนนี้ได้ดั่งใจหวังแล้ว ดูเหมือนว่าในอนาคตกิลด์เล็ก ๆ อย่างพวกเราคงต้องคอยประจบประแจงเขาไว้แล้ว ไม่งั้นขืนมีเรื่องด้วยสักวันหนึ่ง พวกเราได้โดนกำจัดราบคาบกันแน่ ๆ ”
ในตอนนั้นเอง จืออี้ที่ได้สติกลับมาพอดีได้ยินเรื่องดังกล่าว ริมฝีปากที่เผยอดูน่าหลงไหลก็ถูกเม้มแน่นพร้อมกรอกตาอันทรงเสน่ห์ไปมองเซียวเฟิงอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกเธอว่าเขาไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับ NPC ทหารม้าคนนี้ แต่ในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเขานั้นหลอกเธอ ชัดเจนว่าว่าอีกไม่นาน NPC ทหารม้าคนนี้คงได้กลายเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของเซียวเฟิงแน่ ๆ
[1] การแอ็กโกร คือ การทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกมจบเร็วมากที่สุด มาจากคำว่า Aggression